บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1443

หยวนชิงหลิงพูดว่า "ตอนนี้มียาที่ใช้สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเยอะมากแล้ว แถมมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็ไม่ใช่โรคที่ยากจะเอาชนะอีกต่อไป ทำไมคุณไม่วิจัยยาที่จะใช้เพื่อรักษามะเร็งชนิดอื่น ๆ แทนล่ะ?"

หยางหรูไห่พูดว่า “คุณควรจะรู้ไว้ ไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม ก็จะมีคนที่ทุ่มเทพยายามทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อคิดค้นวิธีรักษา ส่วนเรื่องมะเร็งเม็ดเลือดขาว จริงอยู่ที่ตอนนี้มียาที่ค่อนข้างดีสามารถใช้ได้ผลน่าพอใจ แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือย่างก้าวที่ใหญ่ขึ้นกว่านี้ พวกมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเรื้อรัง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเรื้อรัง หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ต่างก็ยังไม่ได้รับการรักษาให้หายขาด ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องหลายปี เมื่อเริ่มให้ยาแล้ว ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับครอบครัวธรรมดาที่จะหาซื้อได้ ทันทีที่เกิดการดื้อยาแล้ว วิธีเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการปลูกถ่ายไขกระดูก นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ด้วย และคุณก็คงจะรู้ว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดร. หยวน อย่าทิ้งสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มานานหลายปี รวมถึงความสามารถของคุณไปโดยเปล่าประโยชน์สิ”

หัวใจของหยวนชิงหลิงค่อย ๆ เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านฮึกเหิม แต่เธอไม่ได้ตกลงทันที พูดว่า "ฉันต้องกลับไปคุยกับเจ้าห้าก่อน ถึงจะสามารถให้คำตอบคุณได้"

หยางหรูไห่ยิ้มน้อย ๆ “ได้ คุณค่อย ๆ คิดเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน แต่ฉันเชื่อว่าเจ้าห้าจะต้องเห็นด้วยแน่ ๆ เพราะพวกคุณต่างก็สนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คนที่จะยอมละทิ้งอุดมการณ์และอาชีพที่รักเพื่อใครง่าย ๆ!”

หยวนชิงหลิงแอบพยักหน้าเห็นด้วยเงียบ ๆ เหมือนได้ยินเสียงเรียกจากหัวใจของตัวเอง ที่จริงแม้กระทั่งฝัน เธอก็ยังอยากกลับไปที่ห้องทดลอง จะได้ไม่เสียแรงที่เธอเฝ้าเพียรเรียนและอ่านหนังสือมาตั้งนานหลายปี

การนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แท้จริงถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ

ตอนที่หยางหรูไห่ออกไปส่งเธอ ก็พูดว่า "แท้ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถเป็นผู้กอบกู้โลกได้ แต่สุดท้ายก็มักจะมีใครสักคนหนึ่ง ที่ก้าวเท้าเดินนำขึ้นไปข้างหน้าด้วยภาระอันหนักอึ้ง ทำทีละน้อย ได้มาทีละน้อย รวบรวมทรายจนก่อเป็นหอคอย จนสามารถบรรเทาสถานการณ์เลวร้ายลงไปได้ในที่สุด!”

หยวนชิงหลิงเห็นด้วยกับประโยคนี้ พูดว่า "ฉันจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และสร้างสมดุลระหว่างครอบครัวและอาชีพให้ลงตัวที่สุด!"

ขณะเฝ้ามองหยวนชิงหลิงขับรถออกไป ฟางหวูก็ถามหยางหรูไห่ว่า "คุณคิดว่าเธอจะตอบตกลงไหม?"

หยางหรูไห่ยิ้ม “แน่นอน เธอจะตกลง ไฟในใจของเธอยังไม่มอดดับ เธอจะต้องทำต่อไปแน่ๆ!”

ฟางหวูก็ยิ้มด้วย “ยินดีกับคุณด้วยค่ะ ได้แม่ทัพที่แข็งแกร่งเพิ่มมาอีกคนแล้ว”

“ ยังมีอีกสามคน กำลังมองหาอยู่ เชื่อว่าอีกไม่นานแล้วล่ะ” หลังจากที่หยางหรูไห่กลับไป ก็พิมพ์อักษรชุดหนึ่งลงในคอมพิวเตอร์ มีชื่อดอกเตอร์สุดอัจฉริยะที่ข้ามกาลเวลาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกลุ่ม ชื่อของหัวหน้ากลุ่ม หยวนชิงหลิงแห่งเป่ยถัง!

หลังจากที่หยวนชิงหลิงกลับไปถึง พวกเจ้าห้าก็กลับมาแล้วเช่นกัน

เจ้าห้าตั้งใจลองชุดเป็นพิเศษ ชุดแรกเป็นชุดสูทสีขาว รีดเป็นเส้นตรง เมื่อสวมลงบนตัว ก็ขับเน้นรูปร่างสูงโปร่งหล่อเหลา ท่วงท่าอันสง่าผึ่งผาย ตัดผมให้สั้นลงอีกหน่อย แล้วมัดรวบไปไว้ข้างหลัง ก็เสริมออร่าคนใส่ให้เหมือนศิลปินที่รักอิสระ แต่ก็แฝงความเย่อหยิ่งเย็นชาน้อย ๆ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน

ชุดที่สองเป็นสีดำ ซึ่งเข้ารูปมากกว่าชุดแรกและทำให้ดูสูงขึ้นอย่างเด่นชัด รัชทายาทแห่งราชวงศ์เป่ยถังหยู่เหวินเห้า ผู้ที่เต็มไปด้วยความดุดันแข็งกร้าว แต่มาถึงตอนนี้ ความดุดันที่ว่านั้นกลับถูกยับยั้งลงไปอย่างสมบูรณ์ พอยกยิ้มน้อย ๆ ก็ยิ่งเพิ่มความงามสง่า ดูมีระดับกว่าชุดสีขาวเมื่อสักครู่ขึ้นมาขั้นหนึ่ง เมื่อหยวนชิงหลิงได้เห็น ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถย้ายสายตาออกไปจากตัวเขาได้เลย

แม้แต่ศาสตราจารย์หยวนผู้มีนิสัยเก็บอารมณ์ได้ดี ก็ยังอดพยักหน้าตลอดเวลาไม่ได้ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มปลื้มปริ่มของคนเป็นพ่อตา " ใช่ ดูดีมาก หล่อที่สุด "

สำหรับลูกเขยคนนี้ ไม่ว่าจะด้านรูปลักษณ์หรือความสามารถ ก็ทำให้เขาพอใจมากซะจนไม่รู้จะพอใจยังไงแล้วจริง ๆ

หยู่เหวินเห้าเห็นสายตาของทุกคนที่จ้องมองมาที่เขา ก็รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย รีบดึงหยวนชิงหลิงกลับไปที่ห้องเพื่อเปลี่ยนชุดสูทออก

“ ดูดีจริง ๆ รึ?” เขาไม่เคยสวมชุดแบบทางการของที่นี่ จึงมักรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ

“ ดูดีมากจริง ๆ หล่อระเบิดไปเลยล่ะ!” หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปเกี่ยวคอของเขา ยืนเขย่งปลายเท้า แล้วจูบริมฝีปากของเขาไปทีหนึ่ง เผยยิ้มกว้าง ดวงตาอ่อนโยน

“เจ้าชอบหรือไม่?” ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนสีเป็นมืดทึบลง โน้มตัวลงไปโอบแขนรอบเอวของเธอ พลางเอ่ยถามเบา ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน