สรุปตอน บทที่ 1452 บอกมาแล้วว่าจะสละราชบัลลังก์ – จากเรื่อง บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่
ตอน บทที่ 1452 บอกมาแล้วว่าจะสละราชบัลลังก์ ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง บัลลังก์หมอยาเซียน โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากเข้าไปในวังแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ทอดพระเนตรเห็นเด็ก ๆ ก็ทรงปีติยินดีมาก หลังไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบแล้ว จึงค่อยถามถึงสถานการณ์ของไท่ซ่างหวงและโสวฝู่
หลังจากที่ไท่ซ่างหวงกลับมาถึงเมืองหลวง ก็ตรงกลับไปตำหนักข้างทันทีไม่ได้เข้าวัง ฮ่องเต้ยังไม่ได้ไปน้อมทักทายเขา มีเรื่องหนึ่งที่พระองค์ต้องหารือกับลูกชายก่อน ถึงจะมีความกล้ามากพอที่จะไปบอกไท่ซ่างหวง
ดังนั้น หลังจากที่พบปะพูดคุยกับหลานชายหลานสาวครู่หนึ่ง ก็ตรัสกับหยวนชิงหลิงว่า "พาเด็ก ๆ ไปน้อมทักทายหวงกุ้ยเฟยเถอะ ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้าห้าหน่อย"
หยวนชิงหลิงกำลังคิดจะไปเยี่ยมหวงกุ้ยเฟยอยู่พอดี เมื่อได้ยินคำสั่งของฝ่าบาท จึงพาเด็ก ๆ ออกไป เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมทูลลาตามกฎ จึงรีบหันหลังกลับมาโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่ได้สนพระทัย คิดเพียงแต่ว่าจะพูดเรื่องนี้กับเจ้าห้าอย่างไรดี
หลังจากหยวนชิงหลิงพาเด็ก ๆ ออกไป ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รับสั่งให้มู่หรูกงกงออกไปรอที่หน้าประตูพระตำหนัก ตรัสว่าอยากคุยกับรัชทายาทเพียงสองคน
ในใจของหยู่เหวินเห้าพอจะรู้อะไรบางอย่างแล้ว แต่เขาทำได้แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ เสด็จพ่อเป็นคนหัวโบราณอย่างลุ่มลึก ต่อให้มีบางเรื่องอยู่ตรงหน้าเขา แต่มันเกินขอบเขตที่เขาจะรับรู้ได้ เขาจะไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น ดังนั้น จึงบอกเขาไม่ได้ว่าอ๋องชินเฟิงอันไปที่ยุคปัจจุบัน เพื่อไปบอกเรื่องที่เขาคิดจะสละราชบัลลังก์ให้รู้แล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขานิ่ง ๆ แล้วตรัสว่า "อ๋องเจียงเขียนจดหมายมา แจ้งว่าจะสร้างเขื่อนในอำเภอเป่ยเจียงบริเวณส่วนปลายของแม่น้ำหวยเจียง เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?"
หยู่เหวินเห้าถามว่า “อำเภอเป่ยเจียงอยู่ที่ไหน?”
"ส่วนติดแม่น้ำของตำบลหวยกู่เมี่ยว"
หยู่เหวินเห้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลูกรู้สึกว่า ไม่ค่อยมีความจำเป็น ทำไมอ๋องเจียงถึงได้เสนอให้สร้างเขื่อนที่นั่น? ตำบลหวยกู่เมี่ยวภูมิประเทศสูงชัน ก้นแม่น้ำลึกไหลออกไปไม่เกินสิบลี้ก็จะแตกสายออกจากกัน กลับกันทางตำบลมู่เหมียนมีภูมิประเทศเป็นที่ลุ่มต่ำ มักถูกน้ำท่วมตลอดปี หากสร้างเขื่อนที่นั่นก็สมควรอยู่ แต่ที่จริงแล้วในตำบลมู่เหมียนสามารถขุดทางน้ำในบริเวณใกล้เคียง เพื่อผันน้ำในแม่น้ำเข้ามาใช้ในการชลประทานได้ ปัญหาเล็ก ๆ แค่นี้ ลูกคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องกังวล"
ฮ่องเต้หมิงหยวนทอดพระเนตรมองเขา “ครั้งก่อนที่เจ้าไปหวยเจียง ก็รีบร้อนไปแค่ไม่กี่วัน เหตุใดถึงได้เข้าใจภูมิประเทศได้ชัดเจนขนาดนี้?”
หยู่เหวินเห้ายิ้มพลางพูดว่า "เสด็จพ่อ แม้ว่าจะไปเพียงไม่กี่วัน แต่ต้องเดินทางเป็นระยะหลายร้อยลี้ไม่ใช่หรือ? ทำไมจะมองไม่ออกล่ะ?"
“ ได้เห็นผ่านตาแล้วนำมาใส่ใจ จนสามารถวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งถึงแก่นเช่นนี้ ช่างหาได้ยากนัก” เดิมทีฮ่องเต้หมิงหยวนแค่ทรงอยากจะทดสอบ แท้ที่จริงแล้วอ๋องเจียงไม่ได้เขียนจดหมายมา แต่เป็นคำพูดของขุนนางบางคนในราชสำนัก ที่แค่ดูเอาจากแผนที่แล้วแสดงความคิดเห็นขึ้นมาเท่านั้น
การทดสอบครั้งนี้ ก็เพื่อจะทดสอบว่าเจ้าห้าใส่ใจกับปัญหาน้อยใหญ่เหล่านี้จริง ๆ หรือเพียงเพื่อจะผลักตัวเองให้ประสบความสำเร็จทางการเมืองกันแน่
อันที่จริงเดิมทีพระองค์ก็ไม่ได้อยากทดสอบ แต่เพราะพรุ่งนี้พระองค์จะไปพบไท่ซ่างหวงเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงคิดจะใช้สิ่งนี่เป็นคำกล่าวเปิดประเด็น เริ่มจากพูดยกย่องเจ้าห้าก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องสำคัญ
พระองค์รู้ว่า ทันทีที่มีการประกาศสละราชบัลลังก์ เสด็จพ่อจะต้องทรงกริ้วมากอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้หมิงหยวนทอดพระเนตรมองเขา แล้วตรัสด้วยสีพระพักตร์จริงจังว่า "มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าไว้ก่อน เจ้าแค่ฟังอย่างเดียวก็พอ อย่าได้คัดค้านโต้เถียง"
“พ่ะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้าแววตาราบเรียบ มองฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่ง ๆ
หยวนชิงหลิงไปหาหวงกุ้ยเฟย เวลานี้หวงกุ้ยเฟยได้ย้ายไปพักที่ตำหนักหลงยวี่แล้ว เนื่องจากเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ อากาศที่นี่จะไม่ชื้นมากนัก เหมาะสำหรับให้เด็กทารกอยู่อาศัย แต่ตำหนักหลงยวี่ ยังนับว่าอยู่ไกลไปสักหน่อย ยังดีที่หวงกุ้ยเฟยเคยชินกับความเงียบสงบเช่นนี้
แม่สามีกับลูกสะใภ้กำลังพูดคุยกัน ก็มีเสียงเด็ก ๆ คุยเจื้อยแจ้วจนเอะอะมะเทิ่งดังขึ้นมา เด็ก ๆ ชอบท่านอาเล็กผู้นี้มาก แต่พวกเขาก็รู้ความมากเช่นกัน จึงไม่นำท่านอาเล็กไปเทียบกับน้องสาว เพราะท่านอาเล็กตัวซูบผอมมาก เนื่องจากเด็กที่คลอดก่อนกำหนด มักมีรากฐานทางร่างกายที่แย่กว่าเด็กครบอายุครรภ์อยู่แล้ว
หยวนชิงหลิงเคยได้เห็นองค์หญิงน้อยแล้ว แม้ว่าองค์หญิงน้อยจะผอมแห้ง แต่ก็กินนมได้ดี อีกทั้งเสียงร้องไห้ก็ยังแข็งแรงพอ หากดูแลให้ดี ก็ย่อมไม่มีปัญหา
ตอนนี้ร่างกายของหวงกุ้ยเฟยกลับมาแข็งแรงเป็นปกติดีแล้ว แต่ยังคงไม่เอ่ยถึงฮ่องเต้หมิงหยวนเช่นเดิม นางพูดกับหยวนชิงหลิงแต่เรื่องลูกสาว พูดอย่างมีความสุขมาก ทั้งหัวเราะอย่างผ่อนคลาย ไม่ได้เห็นนางมีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกมีความสุขมาก
หลังจากที่หยู่เหวินเห้าคุยกับฮ่องเต้หมิงหยวนเสร็จ ก็เข้ามาน้อมทักทายหวงกุ้ยเฟยด้วย หวงกุ้ยเฟยอยากชวนพวกเขาให้อยู่กินข้าวด้วยกัน แต่ที่จวนมีคนรอกินข้าวอยู่ก่อนแล้ว และคาดว่าอีกเดี๋ยวหงเย่ก็คงจะมาแน่ ดังนั้น จึงปฏิเสธคำเชิญของหวงกุ้ยเฟย กล่าวลาแล้วออกจากวัง
บนรถม้าระหว่างทางที่ออกจากวัง หยู่เหวินเห้าจับมือหยวนชิงหลิง แล้วพูดเบา ๆ ว่า "เสด็จพ่อบอกมาแล้วว่าจะสละราชบัลลังก์"
หยวนชิงหลิงรู้สึกเหนือคาดเล็กน้อย “ทำไมถึงพูดเร็วขนาดนี้ล่ะ? ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะพูดกับไท่ซ่างหวงก่อน ถ้าจะพูดตามตรง นี่ก็เท่ากับว่าเขาตั้งใจแน่วแน่เลยว่าจะทำแบบนี้”
อันที่จริง ตอนแรกหยวนชิงหลิงมักรู้สึกว่าเสด็จพ่อคงจะไม่สละบัลลังก์เร็วนัก บางทีอาจจะอยู่ต่อราว ๆ หนึ่งถึงสองปี สาเหตุหลักก็เพราะตอนนี้ทุกอย่างในประเทศค่อย ๆ ดำเนินไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว แม้ว่าพระองค์จะไม่สละบัลลังก์ ก็ยังสบายใจได้มากกว่าเดิมอยู่ดี
เพราะอย่างไร การยอมสละราชบัลลังก์ จำเป็นต้องใช้พลังในการตัดสินใจอย่างมาก คนที่จะยอมสละตำแหน่งเจ้าแห่งแผ่นดินนี้ได้ บนโลกใบนี้หาได้ยากมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...