บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1458

สรุปบท บทที่ 1458 ต้องเป็นเพราะเจ้ายุยงแน่: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1458 ต้องเป็นเพราะเจ้ายุยงแน่ จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1458 ต้องเป็นเพราะเจ้ายุยงแน่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หยวนชิงหลิงเห็นว่าสีหน้าของพระชายาอานดูไม่เลว เห็นได้ว่าชีวิตที่จวนเจียงเป่ยก็คงจะดีมากทีเดียว อารมณ์ก็คงจะผ่อนคลายลงมากแล้ว จึงถามถึงสถานการณ์ของอ๋องอานเสียหน่อย

ไม่ใช่ว่านางเป็นห่วงเป็นใย แต่เพราะนางเต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจในตัวอ๋องอาน เลยอยากรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ หรือเปล่า

พระชายาอานตอบว่า “ชีวิตที่เจียงเป่ยนั้นทั้งว่างทั้งสบายมากเลยล่ะ ตัวเขาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ บางครั้งก็จะไปพบพี่สาม เพื่อหารือกันเกี่ยวกับวิธีการพลิกฟื้นพื้นที่รกร้างเพื่อทำการเพาะปลูก”

“นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากเลย!” หยวนชิงหลิงพูด

“ ที่จริงก็เป็นเรื่องดีทีเดียว ดีกว่าอยู่ว่าง ๆ เบื่อ ๆ ตลอดทั้งวัน แต่ตอนนี้เขาชอบอยู่จวนกว่าแต่ก่อนมาก บางทีอาจเป็นเพราะความดีความชอบของอานจือ” พระชายาอานพูดพลาง ก็หันไปมองอานจือด้วยสายตาอ่อนโยน

อานจือหน้าตาน่ารักมาก มีแววที่จะงดงามมากด้วย มีขนตางอนยาวอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลหยู่เหวินที่สืบทอดต่อกันมา ตอนที่แม่หนูน้อยหลับตานอนหลับ นางดูสงบสุขอย่างมาก

อานจือดูนุ่มนวลและสงบมากจริง ๆ ต่างจากเสี่ยวกวาจื่อตรงที่ เสี่ยวกวาจื่อนั้นฉากหน้าดูเหมือนจะสงบ ดูนุ่มนวล แต่เมื่อไหร่ที่นางลืมตาตื่น นางมักจะทำให้คนรอบข้างเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งที่คล้ายถูกบางอย่างที่แหลมคมทิ่มแทง ราวกับว่าใต้ใบหน้าเล็ก ๆ อันนุ่มนวลสงบนิ่งนั้น มันเก็บซ่อนกองไฟอันร้อนแรง กับความเจ้าเล่ห์แสนกลเอาไว้ตลอดเวลา

ดังนั้น ความนุ่มนวลที่ว่านี้ จึงดูเหมือนเป็นการเสแสร้งเสียมากกว่า แน่นอนว่า นี่คือสิ่งที่หยวนชิงหลิงคิด เจ้าห้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดนี้ของนางชนิดค้านหัวชนฝา ในความคิดของเขา ลูกสาวของเขาเป็นเด็กที่น่ารักว่าง่ายที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้แล้ว ไม่ร้องไห้ไม่งอแง ถึงขั้นที่ว่าสงบนิ่งเสียยิ่งกว่าแฝดสองด้วยซ้ำ

“จริงสิ” จู่ ๆ พระชายาอานก็เหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ พูดขึ้นว่า “พี่สามอยู่ที่นั่น บางทีเขาอาจจะลงหลักปักฐานแล้วล่ะ”

“อะไรนะ?” หยวนชิงหลิงตกตะลึง หันไปมองพระชายาอาน “เขาจะแต่งงานรึ?”

พระชายาอานอุ้มอานจือ แล้วแกว่งตัวนางไปมาเบา ๆ พูดขึ้นว่า "ข้าได้ยินท่านอ๋องบอกมาว่า ลูกสาวของเจ้าเมืองโจวแห่งเจียงเป่ยตกหลุมรักเขา เอาแต่ไล่ตามเขาทั้งวัน พวกเขาเคยใช้เวลาด้วยกันสองวันบนภูเขา ชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไปอยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง เจ้าเมืองโจวก็มองเขาเหมือนกับเป็นลูกเขยเลยด้วย ส่วนที่ว่านิสัยส่วนตัวของพี่สามเป็นอย่างไร ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก เขาก็ต้องกลับมาเมืองหลวงด้วย แต่เพราะติดขัดบางเรื่อง ทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะมาถึง ได้ยินท่านอ๋องบอกว่าคุณหนูโจวก็จะกลับมาพร้อมกับเขาด้วย”

“ไม่จริงน่ะ? เขาจะพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาด้วย? บ้าไปแล้วรึ?” ปฏิกิริยาแรกของหยวนชิงหลิง คือความโกรธเกรี้ยว

“ ไม่ใช่ว่าเขาจะพามา แต่เป็นฝ่ายคุณหนูโจวคนนั้นที่ยืนกรานว่าจะตามมาด้วย เรื่องรายละเอียด ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องของพี่สาม ข้าก็ไม่สะดวกที่จะถาม หรือต่อให้ถามเขาก็คงไม่ตอบอยู่ดี "

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ต่อให้จะตามกลับมาพร้อมเขาด้วย เขาก็ไม่ควรอนุญาตสิ หรือทำเมินไปเลยก็ได้ ข้าไม่คิดว่าเขาจะไม่รู้ขอบเขต ว่าสิ่งไหนควรไม่ควรขนาดนั้นหรอกกระมัง?”

แม้ว่าตอนนี้เขากับจิ้งเหอจะถือว่าแยกกันอยู่ด้วยดีไปแล้ว แต่จิ้งเหอที่เคยแต่งให้กับเขาในอดีต คนนั้น มันยังเห็นได้ว่าจิ้งเหอยังไม่อาจปล่อยวางไปจากเขาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะกลับเมืองหลวงมาแล้วได้พบจิ้งเหอหรือไม่ ก็ไม่ควรพาผู้หญิงอื่นมาด้วย ตัวเองจะแต่งงานที่นั่นก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครเข้าไปถามไถ่แทรกแซงอะไรอยู่แล้ว แต่การพากลับมาด้วยนี่มันไม่เหมาะเลยจริง ๆ อย่างน้อย ภายในสองสามปีนี้ นางก็คิดว่ามันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

พระชายาอานถอนหายใจเฮือก "เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้วล่ะ เขาอยู่ที่นั่นคนเดียวก็ลำบากไม่น้อย หาได้ยากที่จะมีใครสักคนที่ห่วงร้อนห่วงหนาวมาอยู่ข้างกาย จะรู้สึกหวั่นไหวก็ไม่แปลกหรอก เพราะถึงอย่างไร จิ้งเหอก็ไม่ใส่ใจเขาอีกต่อไปแล้ว จะให้เขาโดดเดี่ยวเดียวดายไปตลอดชีวิตก็คงจะไม่ได้ "

“เขาโดดเดี่ยวเดียวดาย?” ในใจหยวนชิงหลิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มองพระชายาอานแล้วถามว่า “เจ้าเองก็เห็นชอบด้วยหรือ?”

พระชายาอานเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าข้าต้องไม่เห็นชอบอยู่แล้ว การพานางกลับมาจะทำให้จิ้งเหอต้องเจ็บปวดมากแน่ ๆ แต่เรื่องนี้พวกเราจะถามเองได้อย่างไรล่ะ? ข้าขอให้ท่านอ๋องไปคุยเจ้าเมืองโจว คนนั้นแล้ว ท่านอ๋องก็บอกว่าเขาไม่สน พูดว่าถ้าพี่สามปล่อยวางเรื่องของจิ้งเหอลงได้จริง ๆ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี”

“ นี่เป็นความคิดของผู้ชาย ความรู้สึกของผู้หญิง เขารู้อย่างนั้นหรือ?” หยวนชิงหลิงพูดอย่างโกรธเคือง

เมื่อพระชายาอานเห็นว่านางโกรธ ก็บ่นพึมพำขึ้นว่า "มันติดอยู่ที่ เรื่องของพี่สาม พวกเราสามีภรรยาก็ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้มากนัก เขาเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน"

พูดจบ เขาก็พุ่งทะยานออกประตูไปทันที

หยวนชิงหลิงร้องตะโกนตามหลังไปว่า “มีอะไรก็พูดกันดี ๆ นะ อย่าทะเลาะกันล่ะ!”

หยู่เหวินเห้าไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา กระโดดควบม้าได้ก็ออกไปทันที

เมื่อมาถึงจวนอ๋องอาน อ๋องอานกำลังพูดคุยและดื่มเหล้ากับอดีตเพื่อนสองคนที่สนิทกันในเมืองหลวง เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้าเดินอาด ๆ เข้าประตูมาอย่างโกรธเคือง ก็กลัวว่าเขาจะไปทำอะไรรบกวนแขก จึงยืนขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปลากเขาไปอีกด้าน ค่อยถามขึ้นว่า "ไปกินประทัดที่ไหนมาล่ะ? มีเรื่องอะไรรึ?"

หยู่เหวินเห้ามองเขา แล้วถามขึ้นว่า "เจ้าสามจะพาผู้หญิงกลับมาเมืองหลวงด้วยใช่หรือไม่?"

อ๋องอานตกใจจนผงะ “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”

“นั่นก็แสดงว่าจริงสินะ?” หยู่เหวินเห้าโกรธจนกระทืบเท้าดังปึง “เขาบ้าไปแล้วรึ? ทำไมเจ้าไม่ยับยั้งเขาไว้ล่ะ?”

อ๋องอานพูดอย่างเฉยเมยว่า “เรื่องนี้ข้าจะไปยับยั้งได้อย่างไรล่ะ? แล้วพวกเราในฐานะน้องชายก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ด้วย ถ้าเขาชอบก็ดีแล้วนี่”

“อะไรคือชอบก็ดีแล้ว? เขาเคยคิดถึงความรู้สึกของจิ้งเหอบ้างหรือไม่?” หยู่เหวินเห้ามีท่าทางฉุนเฉียวยิ่งกว่าหยวนชิงหลิงเสียอีก

อ๋องอานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "อะไรคือความรู้สึกของจิ้งเหอ? ตอนนี้จิ้งเหอหมางเมินไม่สนใจอะไรเขาแล้ว หรือเจ้าอยากให้เขาอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต? หยู่เหวินเห้า เจ้าอย่าลืมสิว่า เขาต่างหากที่เป็นพี่สามของเจ้า แต่จิ้งเหอไม่ใช่พี่สะใภ้สามของเจ้าอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายใครคือพวกของเรา เจ้าต้องแบ่งแยกให้มันชัดเจน ตอนนี้เจ้าถูกผู้หญิงพวกนั้นล้างสมองจนหลอมรวมเป็นพวกนางไปแล้ว จะพูดอะไรก็มีแต่จิ้งเหอ ๆ เจ้าควรจะคิดเพื่อพี่สามต่างหากถึงจะถูกต้อง"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน