ช่วงพลบค่ำ คนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางอย่างครึกครื้น
ชีวิตยามค่ำคืนของเมืองโร่ตูไม่คึกคักเลยสักนิด หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว แทบจะไม่เห็นประชาชนเดินไปมาบนถนนเลย สาเหตุสำคัญคือหลายปีมานี้ การรักษาความสงบนั้นค่อนข้างแย่ ตอนนี้แม้ว่าช่วงกลางคืนจะมีทหารคอยลาดตระเวน แต่ได้คุ้นเคยกับชีวิตที่พออาทิตย์ตกดินก็ไม่ออกจากบ้านตั้งนานแล้ว
ฉะนั้น ตลอดทางที่เดินออกมา ก็นับว่าปลอดภัยดี
เมืองโร่ตูยากจน นอกจากบ้านของพวกที่มีฐานะร่ำรวยหน่อยจะมีเรือนที่ค่อนข้างแข็งแรงมั่นคงแล้ว บ้านหลังอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่สร้างจากก้อนหินบ้านที่สร้างจากดินเหนียวกับบ้านไม้ ไม่ได้มีการวางฐานรากที่มั่นคง ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา บ้านเรือนแทบจะป้องกันไว้ไม่ได้
เรื่องนี้ทำให้เจ๋อหลานรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่นางไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
แต่ในใจกลับมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นอยู่ตลอด ถามน้องฟีนิกซ์ น้องฟีนิกซ์บินขึ้นไปสำรวจรอบหนึ่ง มีนกบินวุ่นวายไปทั่ว น้องฟีนิกซ์บินลงมาบอกกับเจ๋อหลาน ความกระสับกระส่ายในใจของนางยิ่งอยู่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เจ๋อหลานได้บอกความกังวลของตัวเองให้หูหมิงและแม่นางโจวฟัง เกรงว่าจะเกิดแผ่นดินไหว
หูหมิงกับแม่นางโจวต่างก็ไม่เชื่อ สาเหตุสำคัญคือตั้งแต่มีบันทึกของเมืองโร่ตูเคยเกิดแผ่นดินไหวแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แม่นางโจวกล่าว่า “วันนี้ข้าดูท้องฟ้า ก็ไม่มีก้อนเมฆประหลาดที่เป็นสัญญาณของแผ่นดินไหว เจ้าหญิงคงจะคิดมากเกินไป”
“ที่จริงเมฆแผ่นดินไหวนั้นไม่น่าเชื่อถือ พวกเราไปดูที่แม่น้ำกันเถอะ ”
ที่นี่ไม่มีทะเล มีเพียงแม่น้ำสายใหญ่ ไหลอ้อมภูเขาไป
ถือโคมไฟเอาไว้ เดินตรงไปยังแม่น้ำ
น้ำในแม่น้ำไหลไม่แรง เห็นได้ชัดถึงร่องรอยของความแห้งแล้งที่จะมาเยือน ระดับน้ำนั้นต่ำกว่าช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิมาก สันดอนในแม่น้ำบางส่วนได้ผุดขึ้นมาให้เห็นแล้ว
เจ๋อหลานถือโคมไฟเดินลงไป น้ำในแม่น้ำนั้นไม่มีปัญหา บางทีสาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะน้ำไม่ลึก
“ที่นี่มีน้ำพุหรือไม่ ”เจ๋อหลานถามแม่นางโจว
“มี เดินจากตรงนี้ไปสองลี้ มีตาน้ำขนาดใหญ่จุดหนึ่ง ประชาชนละแวกใกล้เคียงต่างก็ไปตักน้ำจากตาน้ำนั่นดื่ม ”
ได้ พวกเราไปดูกัน เจ๋อหลานพูด
ทุกคนจึงเดินตรงไปยังตาน้ำขนาดใหญ่ แม่นางโจวกับหูหมิงเดินนำหน้า ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ คุยกันว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดแผ่นดินไหว แต่ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นคงต้องมีคนตายมากมายแน่ๆ
เมื่อถึงบริเวณตาน้ำ แม่นางโจวถือไฟเข้าไปดูก่อน พอมองแล้ว ก็นิ่งอึ้งไป “เอ๋ น้ำนี้ขุ่นมาก เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาตั้งหลายครั้ง น้ำค่อนข้างใสมากทีเดียว”
เจ๋อหลานรีบเดินเข้าไป เห็นว่าน้ำที่ผุดออกมาเรื่อยๆจากตาน้ำนั้นค่อนข้างจะขุ่นมาก และยังมีฟองอากาศรวมอยู่ด้วย นางใช้มือช้อนน้ำขึ้นมาดื่มไปคำหนึ่ง มีกลิ่นคาวปะปนอยู่ด้วย
เปลือกโลกเคลื่อนที่แล้วหรือ
นางหมอบลงไปกับพื้น แนบหูลงไปฟัง ครั้งนี้ ใต้ดินมีเสียงผิดปกติส่งมา แฝงไปด้วยเสียงหายใจอย่างกระหืดกระหอบชนิดหนึ่ง
ทรวงอกของแผ่นดินกำลังหายใจเสียงดัง
เจ๋อ“หา”หูหมิงกับแม่นางโจวนิ่งอึ้งไป ต่างมองหน้ากัน แล้วมองไปที่ตาน้ำแวบหนึ่ง ฟังเสียงบนผิวดินอีกชั่วครู่ ก็บอกว่าต้องอพยพประชาชนแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ตอนนี้ในเมืองโร่ตูรวมกับคนที่มาจากภายนอก อย่างน้อยก็หลายแสนคน
อพยพคนหลายแสนคน เพราะว่าเด็กอายุแปดขวบบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ใครจะเชื่อ ประชาชนเกลียดชังเจ้านายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เกิดแผ่นดินไหว เกรงว่านายน้อยจะยิ่งเป็นที่ชี้หน้าด่าของประชาชนทั้งเมือง
เจ๋อหลานเห็นพวกเขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ก็พูดอย่างร้อนใจว่า “เร็วเข้า ตีกลองป่าวประกาศ บอกพวกเขาว่าจะเกิดแผ่นดินไหวแล้ว ให้พวกเขาไปหลบยังพื้นที่โล่งแจ้ง ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...