ไท่ซั่งหวงกลอกพระเนตรมองไปยังบรรดากลุ่มผมดำ ๆ ของผู้คนที่คุกเข่ากันสลอนเต็มพื้น พระโอษฐ์ขยับไหวสั่น แต่ไม่อาจตรัสสิ่งใดออกมาได้แม้เพียงคำเดียว สุดท้ายจึงทอดถอนพระปัสสาสะออกมาแผ่วเบา คล้ายมีสิ่งที่ค้างคาในพระทัย
หยวนชิงหลิงรู้ว่าพวกเขาคุกเข่าอยู่ที่นี่ ก็เพื่อรอเวลาที่ไท่ซ่างหวงจะเสด็จสวรรคต ตอนที่เพิ่งเข้ามาเมื่อครู่ พระองค์ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายแล้ว ดูตามสถานการณ์ก็คงจะมีอันเป็นไปในไม่ช้า
แต่เมื่อมองไปที่พระองค์ในยามนี้ กลับดูไม่เหมือนตะเกียงที่น้ำมันใกล้จะเหือดแห้งเท่าไหร่ ในทางกลับกัน พระองค์ทรงมีพละกำลังในการหายใจมากขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย
แต่อาจเป็นเพราะบางที ยาที่หมอหลวงถวายอาจกำลังได้ผลก็เป็นไปได้
ไท่ซ่างหวงคล้ายว่าจะทรงมีโรคหัวใจอยู่เป็นทุนเดิม ประกอบกับการต้องลมเย็น จนเกิดประชวรหนัก
เกรงว่าจนถึงตอนนี้ อาจร้ายแรงจนเกิดเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวได้แล้วกระมัง?
หัวใจล้มเหลว หายใจลำบาก ..... มันมีโดปามีนอยู่ในกล่องยาของนางนี่นา!
ในสมองของหยวนชิงหลิง บังเกิดความคิดนี้แล่นปราดขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แค่เรื่องที่นางเข้าใจภาษาสุนัข ก็ยังไม่ทันหายรู้สึกสยองขวัญเลยด้วยซ้ำ นางกลับต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบเรื่องความเป็นความตายของคนเข้าอีก แต่ถึงจะอย่างไรก็ตาม ต่อให้นางจะสับสนแค่ไหน นางก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีใครยอมเชื่อนางแน่ๆ และไม่มีทางที่จะยอมให้นางถวายการรักษาแก่ไท่ซ่างหวงอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นสุดท้ายแล้ว ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ นางต้องมองดูไท่ซ่างหวงสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตานางอย่างไม่อาจทำอะไรได้
หากพูดในมุมมองของคนเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนไข้จนเป็นวิสัย สิ่งนี้ช่างเป็นอะไรที่ทรมานจิตใจจนยากเกินจะทานทนจริงๆ
หลังจากคุกเข่าไปได้ราวๆสิบห้านาที ร่างนางก็เริ่มสั่นไหวโอนเอนแล้ว ท่าคุกเข่าของนางนั้น เป็นอะไรที่ทั้งอึดอัดและต้องเกร็งตัวจนแข็งทื่อไปหมด เป็นเพราะร่างกายของนางตอนนี้กำลังชาดิก และเพราะนางไม่อยากทนทรมานจากการที่แผลจะกระทบกระเทือน ซึ่งจะทำให้อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมากขึ้น
นางแอบชำเลืองมองหยู่เหวินเห้าที่อยู่ข้างๆ เขาคุกเข่าตัวตรงแหน่ว เสี้ยวหน้าด้านข้างคมเข้มเด่นชัด ทั้งร่างถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก ดูไปแล้วไม่เหมือนว่าเป็นความรู้สึกปลอมๆ คำพูดที่เขาว่ากันว่า พวกราชวงศ์ต่างก็ไร้ซึ่งความรักต่อกันพรรค์นั้น เห็นทีจะไม่เป็นความจริงเสียแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนกับหมอหลวงหมอผู้วินิจฉัยจากโรงหมอ ท่านหมอหลวงเยวี้ยนพ่าน พากันเดินออกไป แล้วเริ่มพูดคุยปรึกษากันที่ด้านนอกม่านกั้น
หยวนชิงหลิง พอจะได้ยินคำพูดสองสามประโยคที่พวกเขาพูดกันแว่วๆ ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงเห็นว่าสถานการณ์ของไท่ซ่างหวงดีขึ้นบ้างแล้ว จึงตรัสถามหมอหลวงผู้วินิจฉัย ว่าควรให้เสวยยาอีกหรือไม่ แต่หมอหลวงผู้วินิจฉัยทูลกลับไปว่า นี่อาจเป็นปฏิกิริยาเฮือกสุดท้าย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวาระสุดท้ายก่อนการสิ้นพระชนม์แล้วนั่นเอง
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนเสด็จกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็ทรงมีรับสั่งให้คนวางม่านพลับพลา
สีทอง รวมถึงม่านพลับพลาสีเขียวด้านนอกลง ตรัสด้วยสุรเสียงหนักอึ้งเคร่งเครียดว่า "พวกเจ้า ขึ้นไปน้อมทักทายเสด็จปู่เถิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...