บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1651

สรุปบท บทที่ 1651 นางยังไม่สำคัญเท่าท่านพ่อ: บัลลังก์หมอยาเซียน

บทที่ 1651 นางยังไม่สำคัญเท่าท่านพ่อ – ตอนที่ต้องอ่านของ บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอนนี้ของ บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย จีนทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1651 นางยังไม่สำคัญเท่าท่านพ่อ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หยู่เหวินเห้าเข้าใจแล้ว หันหน้าไปมองหยวนชิงหลิง “ยายหยวน แม่นางโจวคนนี้เมื่อก่อนเคยชอบพี่สาม ใช่หรือไม่”

“อืม เป็นเช่นนั้นจริงๆ ยังเคยไล่ถามมาถึงเมืองหลวงด้วย”หยวนชิงหลิงพูด

“กวาเอ๋อ เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเขามีใจต่อกัน ”หยู่เหวินเห้ายังคงหวังจะได้เห็นคนรักกันครองคู่กันตลอดไป

“ข้าแน่ใจ ข้าไม่มีทางสังเกตผิดแน่นอน ไม่เชื่อพวกท่านลองถามฟีนิกซ์น้อยดู”เจ๋อหลานชูนิ้วมือขึ้นราวกับให้คำสาปาน

“พ่อเชื่อเจ้า เอาอย่างนี้ ถ้าหากมีใจต่อกันจริง ให้ท่านแม่ของเจ้าเขียนราชโองการ ประทานงานแต่งงานให้พวกเขาสองคน ดีหรือไม่”

“ท่านแม่ ดีหรือไม่ ”เจ๋อหลานมองหยวนชิงหลิงอย่างมีความหวัง

หยวนชิงหลิงย่อมต้องตอบตกลงแน่นอน ที่จริงเรื่องการแต่งงานของหูหมิงก็เป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในใจนางมานานแล้ว ล้วนเป็นคนที่ออกมาจากจวนอ๋องฉู่เหมือนกัน คนเก่าคนแก่

หกเก๋อเอ๋อแต่งงานตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว มีแต่เขาที่ยังโสด

หลังจากพูดเรื่องหูหมิงกับแม่นางโจวแล้ว จึงพูดเรื่องของจิ่งเทียน

“พรุ่งนี้เจ้าหาโอกาสคุยกับเขาหน่อย ก็คือพวกเราจะใช้เลือดของพ่อเจ้าก่อน เพื่อควบคุมอาการของเขา”

“ได้ พรุ่งนี้ข้าจะไปคุย เขาต้องเห็นด้วยแน่ ที่จริงเขายังมีความมุ่งหวังที่ยังไม่บรรลุผล ตลอดการเดินทางพวกเราคุยกันเยอะมาก เขามีความสามารถในการปกครองประเทศจริงๆ เขาบอกว่าถ้าหากมีเวลาอีกห้าหกปี บางทีเขาอาจจะสามารถปล่อยมือได้แล้ว”

“ปล่อยมือ”

“อืม แม้ว่าเขาจะไม่พูดถึงเรื่องโรคของเขา แต่ว่า ข้ารู้สึกได้ตอนที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ ในใจมีความเสียดายมาก เขาคิดว่าตัวเองคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงอายุสิบแปดปี”

“จากการได้พูดคุยเรื่องการปกครองประเทศกับเขา เวลาห้าหกปีสามารถทำให้แคว้นจินเป็นรูปเป็นร่างได้แล้วจริงๆ”หยู่เหวินเห้าพูด

แม้จะไม่ชอบจิ่งเทียนมากนัก แต่ไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่า เด็กคนนี้มีพรสวรรค์จริงๆ

ที่จริงตอนนี้จะบอกว่าชอบหรือไม่ชอบก็ไม่ได้ เมื่อก่อนนั้นเป็นเพราะโกรธที่เขาทำเรื่องเหล่านั้น แต่พอเขามายืนอยู่ต่อหน้าเขาจริงๆ ก็รู้สึกว่าเป็นแค่เด็กเพิ่งโตคนหนึ่ง แต่กลับต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งเช่นนี้

ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารขึ้นมา

เจ๋อหลานมองเขา พูดยิ้มๆว่า “ท่านพ่อ จะบอกความลับกับท่านเรื่องหนึ่ง ที่จริงเขาเลื่อมใสในตัวท่านมาก เขามองท่านเป็นไอดอล ”

หยู่เหวินเห้ามึนงง “ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง ”

“เป็นเรื่องจริง ตลอดการเดินทางเอาแต่พูดเรื่องของท่าน บอกว่าตั้งแต่ท่านเป็นรัชทายาทจนถึงบัดนี้ ทุกสิ่งที่ท่านเคยทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เขารู้ดีราวกับเป็นคนในบ้าน รู้ดีกว่าข้าเสียอีก”

“จริงหรือ”เจ้าห้ายิ้ม“พ่อไม่ชอบเป็นไอดอล แต่ถ้าหากเขาใช้วิธีการของพ่อในการปกครองประเทศ อาจจะไม่ได้ผลก็ได้ สถานการณ์ในประเทศไม่เหมือนกัน”

“เขาก็ไม่ได้ทำถึงขั้นนั้น เพียงแค่เรียนรู้ที่จะใช้ในสิ่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์เท่านั้น เช่นการสอบคัดเลือก ถ้าหากไม่เกิดเรื่องขึ้นกับเขา และมีเวลาที่มากพอ เขาต้องเป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งทีเดียว”

จิตใจของเจ้าห้ารู้สึกสับสนขึ้นมาทันที กวาเอ๋อยังไม่ชื่นชมเขาที่เป็นพ่ออย่างสูงสุดเช่นนี้

ฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่อะไรกัน ฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่จะสามารถเป็นกันง่ายๆได้อย่างไร

เจ๋อหลานมองหน้าของท่านพ่อ เอ่ยอย่างจริงจังว่า “แม้จะเทียบกับท่านพ่อไม่ได้ แต่อยู่ในลำดับถัดจากท่านพ่อ คาดว่าคงจะเป็นไปได้”

“นี่ก็คือโรค เจ้ายังจำเรื่องที่เสด็จแม่ของข้าเจาะเลือดของเจ้าหรือไม่ นางตรวจพบว่าในเลือดของเจ้ามีเชื้อของโรคชนิดหนึ่งแฝงอยู่ เชื้อโรคนี้ได้เจริญเติบโตขึ้นในร่างกายของเจ้า เมื่อเจริญเติบโตขึ้นในจำนวนที่แน่นอนแล้ว ก็จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของเจ้า ก็คือทำให้เจ้าเสียพลังในการต่อต้านโรค และตายในที่สุด เสด็จแม่ของข้ากำลังศึกษาว่าจะฆ่าเชื้อโรคนี้ได้อย่างไร ขอเพียงฆ่าเชื้อโรคนี้ได้ เจ้าก็จะเหมือนกับคนทั่วไป”

“หรือแม้กระทั่ง เชื้อโรคชนิดนี้อาจทำให้โครงสร้างยีนของเจ้าเปลี่ยนไป ข้าพูดเช่นนี้บางทีเจ้าอาจไม่เข้าใจ เจ้ารู้สึกวิชาที่ควบคุมน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็งได้มิใช่หรือ เป็นไปได้อย่างสูงว่าเชื้อโรคชนิดนี้ทำให้เกิดขึ้นมา แม่ข้าเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง เจ้าต้องเชื่อนาง พี่จิ่งเทียน ข้าหวังว่าท่านจะสามารถรับการรักษาได้ ใช้เลือดของพ่อข้าควบคุมอาการของโรคก่อน ให้เสด็จแม่มีเวลามากพอที่จะวิจัยยาเพื่อต้านเชื้อโรค”

จิ่งเทียนมองนาง หัวใจกระตุกขึ้นมาทันที “เจ้าก็ไม่หวังให้ข้าตาย ใช่หรือไม่”

“ข้าจะหวังให้เจ้าตายทำไม”เจ๋อหลานนิ่งอึ้ง “พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ แม้แต่คนแปลกหน้า ข้าก็ไม่หวังให้เขาตาย”

จิ่งเทียนมองนางนิ่งๆ “ใช่แล้ว เจ้าเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีมาก”

“ฉะนั้น เจ้าตกลงใช่หรือไม่”

จิ่งเทียนลังเลอยู่ชั่วครู่ สีหน้าจริงจังอยู่บ้าง “แต่เจ๋อหลาน ใช้เลือดของพ่อเจ้ามาช่วยข้า ข้าคิดแล้วก็รู้สึกบ้ามาก ข้า พูดจริงๆนะ ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เลือดมากขนาดไหน แต่ข้าไม่อยากจะทำร้ายเขาอย่างนี้เลย”

เจ๋อหลานยิ้ม“นี่เจ้าเลื่อมใสในตัวพ่อข้าขนาดนั้นเชียวหรือ ”

“เจ๋อหลาน เจ้าไม่รู้ว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหน”ใบหน้าของจิ่งเทียนเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย“เกรงว่าข้าคงไม่เคยพูดกับเจ้ามาก่อน ตั้งแต่รู้จักเจ้า จนถึงการให้คนมาสืบเรื่องของฮ่องเต้แห่งเป่ยถัง ยิ่งข้ารู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขายอดเยี่ยมมาก ก่อนที่เขาจะเป็นรัชทายาท เป่ยถังแม้จะไม่นับว่ามีความวุ่นวายภายในและภายนอกมากนัก แต่ที่จริงก็มีความเสี่ยงในทุกด้าน เพราะในรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงหยวน ให้ความสำคัญกับการอนุรักษนิยม ทั้งกลยุทธ์ในการปกครอง และการใช้ขุนนางเก่าแก่ ทำให้การเกษตรไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปจนถึงที่สุดได้ ทุกอาชีพก็ไม่สามารถเจริญก้าวหน้าโดยทั่วไปได้ เป่ยถังมีเหลิ่งซี่แค่คนเดียวเท่านั้น แข่งขันไม่ได้ ภายหลังพ่อของเจ้าเป็นรัชทายาท เรื่องแรกที่ทำคือการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยังดึงดูดโรงเงินติ่งเฟิงของแคว้นต้าโจวเข้ามาด้วย แบ่งเบาภาระภาษีสนับสนุนการค้าด้านต่างๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป่ยถังได้ผงาดขึ้นมาอย่างแท้จริง”

เจ๋อหลานยิ้มหน้าบาน “เจ้าเคยพูดแล้ว ตลอดการเดินทางมาเมืองหลวง เจ้าพูดถึงท่านพ่อของข้าไม่ขาดปากเลย”

แต่ที่จริงก่อนหน้านี้นางคิดว่าที่เขาพูดถึง นั่นเพราะว่านั่นเป็นพ่อของนาง

แต่เห็นแววในตาของเขา เจ๋อหลานรับรู้ได้ในทันที บางทีในใจของจิ่งเทียน นางยังไม่สำคัญเท่ากับท่านพ่อเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน