บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1653

สรุปบท บทที่ 1653 รักษา: บัลลังก์หมอยาเซียน

ตอน บทที่ 1653 รักษา จาก บัลลังก์หมอยาเซียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1653 รักษา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย จีน บัลลังก์หมอยาเซียน ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เพราะว่าหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงยังไม่มา พี่ชายทั้งหลายจึงพาจิ่งเทียนเข้าไปในตำหนักก่อน “คุยเล่นกัน”สักพัก

เนื้อหาในการคุยเล่นนั้น ก็ไม่พ้นเรื่องที่เอ่ยถึงว่ากวาเอ๋อนั้นเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของพวกเขา ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานของกวาเอ๋อในภายหน้า ข้อเรียกร้องที่มีต่อสามีในอนาคตของนาง

พวกเขาไม่ได้พูดจาอย่างจองหอง

แต่กลับเป็นกันเองมาก

เพียงแต่ในความเป็นกันเองนี้ สามารถฟังออกถึงความหมายที่แฝงด้วยความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน

แต่สติปัญญาของจิ่งเทียนก็สูงมาก เห็นได้ชัดว่าฟังออกแล้ว แต่กลับทำราวกับไม่ได้ยิน อบอุ่นเป็นกันเอง ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ กระทั่งยังเห็นด้วยในบางประโยค

โดยเฉพาะตอนที่พูดถึงข้อเรียกร้องต่อสามีในอนาคตของเจ๋อหลาน เขาได้ออกความคิดเห็นของตนเองต่อข้อเรียกร้องที่พวกเขาพูด บอกว่าเรื่องอื่นนั้นไม่สำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือรู้จักให้เกียรติเจ๋อหลาน และมีนางอยู่ในใจตลอดเวลาเป็นต้น

พวกพี่ๆต่างก็ไม่เคยมีความรักมาก่อน เงื่อนไขที่ให้ความสำคัญล้วนเป็นปัจจัยภายนอก ส่วนเรื่องที่บอกว่าต้องมีเจ๋อหลานอยู่ในใจตลอดเวลานั้น ยังนึกไม่ถึง

เมื่อจิ่งเทียนพูดออกมา พวกเขาต่างก็สบตากันแวบหนึ่ง รู้สึกว่านี่ก็ควรจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ทำอย่างไรดี เจ้าฮ่องเต้น้อยคนนี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญอย่างที่คิดเอาไว้แต่แรก

กระทั่ง ยังรู้สึกว่ามีความน่ารักอยู่เล็กน้อย

เอาเถอะ เห็นแก่ที่มีส่วนร่วมในหัวข้อสนทนาเดียวกัน ลองคุยกันอีกสักหน่อยก็ได้

เจ๋อหลานที่นั่งฟังอยู่ข้างๆรู้สึกหมดอาลัยตายอยากมาก พวกพี่ชายกลับมานางรู้สึกดีใจมาก แต่ว่าตอนนี้กลับถูกทอดทิ้งไม่สนใจ นางคิดว่าถ้ายังพูดต่อไปเช่นนี้ จิ่งเทียนจะกลายเป็นพี่ชายของนางไปอีกคนแล้ว

เช่นนั้น นางก็จะมีพี่ชายหกคน

ในขณะที่เจ๋อหลานเกือบจะนอนหลับไปแล้ว สองสามีภรรยาหยู่เหวินเห้าก็มาถึง

ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน ต้อนรับฮ่องเต้ฮองเฮาเข้าสู่ตำหนัก

สองสามีภรรยาต่างก็ดีใจมาก ในที่สุดก็ได้เห็นลูกทั้งหมดอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว แม้ว่าเมื่อครู่ตอนที่พวกเขากลับมาถึงก็ได้ไปเข้าเฝ้าพ่อแม่แล้ว แต่ว่าตอนนี้เห็นพวกเขานั่งคุยกัน ยังคงรู้สึกดีใจมากเป็นพิเศษ

สองสามีภรรยาจูงมือกันเดินเข้ามาในตำหนัก เจ้าห้าถามว่า“คุยเรื่องอะไรกัน ดูสนุกสนานกันจริงๆ ข้าอยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงพวกเจ้าคุยกันแล้ว”

ทังหยวนพูดว่า “ท่านพ่อ พวกเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย คุยกันเสร็จแล้ว”

ทางที่ดีที่สุดคือแสดงให้เห็นว่าไม่ได้คุยถึงเรื่องอะไรทั้งนั้น ท่านพ่อค่อนข้างใจแคบ

หยู่เหวินเห้านั้นความรู้สึกไวมาก แวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าพวกลูกชายได้ปลดความรู้สึกเป็นศัตรูที่มีต่อจิ่งเทียนออกแล้ว

แต่ไม่ได้พูดออกไป รอให้จิ่งเทียนเดินเข้าไปคำนับ เขาก็เชิญจิ่งเทียนนั่งลง

จิ่งเทียนก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาทันที ไม่มีทีท่าพูดคุยหัวเราะกับพวกหนุ่มน้อยอย่างเช่นเมื่อครู่

หยวนชิงหลิงให้มู่หรูกงกงไปสั่งให้คนยกอาหารมา

จิ่งเทียนรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้มีความหมายไม่ธรรมดา

พวกเขาทั้งครอบครัวกินข้าวกับเขา บอกว่าเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว นี่มีความหมายอะไรแฝงอยู่หรือไม่

เขามองเจ๋อหลานแวบหนึ่ง เจ๋อหลานพิงอยู่ข้างกายฮองเฮา เผยให้เห็นถึงความน่ารักของลูกสาวคนเล็ก เขาหวั่นไหวขึ้นมาทันที ตอนที่เจ๋อหลานอยู่กับเขา จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับอายุของนาง น้อยมากที่จะเห็นความออดอ้อนน่ารักเช่นนี้

ตอนที่กินข้าว หยู่เหวินเห้าได้ถามพวกลูกชายถึงสถานการณ์ของหัวเมืองบ้าง บรรยากาศอบอุ่นมาก จิ่งเทียนจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นมากนัก

และได้ยินเรื่องของหัวเมืองที่พวกเขาพูดถึง ฟังแล้วก็รู้สึกสนใจมาก และรู้สึกชื่นชมมากยิ่งขึ้น พวกเขาออกจากบ้านตั้งแต่อายุน้อยๆ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

และที่ไม่เหมือนกันกับเขา ตอนนั้นเขาถูกบีบให้ทำเรื่องที่ไม่ถนัดเลย ตอนที่ขึ้นครองราชย์ก็เป็นแค่หุ่นเชิด ถูกอ๋องเจิ่นกั๋วควบคุมมาตลอด ภายหลังการยึดคืนอำนาจ ก็ล้วนอาศัยโอกาสจากการที่ใช้น้ำแข็งทำร้ายอ๋องเจิ่นกั๋ว เขานอนติดเตียงอยู่นาน มีอาการบาดเจ็บซ้ำซาก เขาจึงมีโอกาสนี้

แต่พวกเขาพี่น้องเกิดในแผ่นดินที่สงบสุขรุ่งเรือง และเป็นช่วงเวลาที่ไร้กังวล ยังสามารถรู้สำนึกในหน้าที่ของตนเองถึงเช่นนี้ ปล่อยวางชีวิตขององค์ชายที่สุขสบาย ไปเผชิญกับอุปสรรคยังหัวเมืองชายแดน ช่างน่าเลื่อมใสจริงๆ

แล้วก็อดที่จะคิดถึงแคว้นจินขึ้นมาไม่ได้ ถ้าหากคนในราชวงศ์ของแคว้นจินต่างก็มีสำนึกเช่นนี้ คงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เจริญแน่

“ฮ่องเต้ กินซิ”หยวนชิงหลิงเห็นเขาเหม่อลอย ก็คีบอาหารให้เขา เผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นเพื่อดูแลเขา

ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เจ๋อหลานก็เข้ามา อิงแอบอยู่ข้างกายหยวนชิงหลิงถามถึงอาการของจิ่งเทียน จิ่งเทียนไม่ได้บอกว่ารู้สึกอย่างไร ทุกอย่างล้วนดีมาก

เจ๋อหลายอยู่เป็นเพื่อนเขา

จิ่งเทียนรู้สึกว่าช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ คงไม่พ้นตอนนี้

หนุ่มน้อยทั้งห้าคนก็เข้ามา ถามไถ่กันสักพัก เดิมทีพวกเขามีความรู้สึกระแวงและเป็นศัตรูอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนที่เห็นเขานอนอยู่บนเตียงเช่นนี้ ความเป็นศัตรูของพวกเขาได้มลายหายไปหมดแล้ว

ตระกูลหยู่เหวินแห่งเป่ยถัง ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน

หยวนชิงหลิงพูดว่า“ช่วงนี้เจ้าก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อน ถ้าหากเจ้าไม่วางใจ สามารถให้ขุนนางที่ติดตามเจ้าเข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้”

จิ่งเทียนปฏิเสธทันที ไม่ต้อง ให้พวกเขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม สามารถเดินเที่ยวได้ด้วย ชื่นชมทิวทัศน์ที่งดงามและความเจริญรุ่งเรืองของเป่ยถัง

พวกเขาเข้าวัง ต้องอยู่เฝ้าเขาอย่างไม่ยอมห่างกายเป็นแน่ เป็นการเกะกะลูกตาและพื้นที่เสียเปล่า

หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า“ได้ ในเมื่อเจ้าเชื่อใจพวกข้า พวกเราจะพยายามช่วยเจ้าอย่างเต็มที่ ”

“ขอบคุณท่านป้า”จิ่งเทียนเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

เรียกท่านป้าอีกแล้ว หยู่เหวินเห้าสีหน้าเรียบเฉย

จิ่งเทียนจึงอาศัยอยู่ในวังเช่นนี้เอง หยวนชิงหลิงทำการถ่ายเลือดให้เขาทุกวัน สังเกตอาการของแมลงน้ำแข็ง

มีความคืบหน้าทุกวัน แมลงน้ำแข็งตายไปบ้างเป็นส่วนน้อย และส่วนใหญ่กำลังจำศีล หยุดการขยายพันธุ์ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เท่ากับว่า สามารถควบคุมได้เป็นการชั่วคราวแล้ว

หยวนชิงหลิงทดลองใช้ยาไอบรูโบเฟนใส่เข้าไปในเลือดเล็กน้อย ดูว่าสามารถฆ่าแมลงน้ำแข็งได้หรือไม่

เพียงแต่ อย่างไรเสียหยวนชิงหลิงก็ต้องกลับไปยังยุคปัจจุบัน เพราะที่นี่สามารถใช้ได้แค่กล้องจุลทรรน์เท่านั้น ไม่สามารถทำการแยกแยะวิเคราะห์อย่างอื่นได้ และหลังจากการรักษาด้วยเลือดแล้วมีการเปลี่ยนแปลงของยีนเกิดขึ้นหรือไม่ จุดนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้

นางคำนวณระยะเวลา เวลาสามวันนั่นเพียงพอ ระหว่างการเดินทางไปกลับแค่ตัวนางคนเดียวนั้นเสียเวลาไม่มากนัก และหลังจากกลับไปแล้วหมกตัวอยู่แต่ในห้องวิจัย ไม่ไปไหนทั้งนั้น หลังจากสามวันผลทุกอย่างก็สามารถสรุปออกมาได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน