เมืองก่วง!
โรงเรียนมัธยมเอกชนเซิ่งเย่จางเฮงซวย
“หัวหน้าระดับชั้นฟาง ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจรับ” ครูจางส่ายหัวและถอนหายใจ “ชั้นเรียนนี้ของผมเป็นเด็กแสบที่สร้างความวุ่นวายมากมายเกินไปจริงๆ คุณจะยัดให้ผมอีกคนหนึ่ง ผมรับไม่ไหวจริงๆ คุณดูผมขาวของผมสิ ขึ้นมาเหมือนกับหญ้ารกยังไงอย่างนั้น ความดันเลือดก็พุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอด......”
ครูจางพูดพลาง ก็หยิบยาหม่องออกมาทาบนหน้าผากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกำลังจะตายในช่วงวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง
ตอนนี้คือเดือนเก้า ชั้นเรียนที่เขาดูแลคือดูแลตั้งแต่มัธยมปลายชั้นปีที่สองขึ้นมัธยมปลายปีที่สาม มัธยมปลายปีที่สามมีแปดห้อง ห้องหกที่เขาสอนไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นตัวถ่วง พูดได้เพียงแค่ว่าแทบจะฉุดดึงจนกางเกงหลุดลงมาอยู่แล้ว
เป็นเวรกรรมจริงๆ เขาทำงานด้านการสอนมาหลายปีแล้ว มีนักเรียนที่จัดการยากแบบไหนที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน? แต่รุ่นนี้ ดูแลไม่ไหวจริงๆ เป็นแบบอย่างการชี้แนะที่ดี เขาไม่สามารถพูดได้ว่าทั้งชั้นเรียนนี้เป็นขยะ ทำได้เพียงพูดอ้อมค้อมประโยคหนึ่ง นี่เป็นกลุ่มคนอัจฉริยะในการค้นคว้าวิจัยโดยเฉพาะอย่างแท้จริง ศึกษาค้นคว้าไปทางด้านคะแนนต่ำเท่านั้น
บนใบหน้าอันอิ่มเอิบของหัวหน้าระดับชั้นฟางแขวนไปด้วยรอยยิ้มที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กล่าวปลอบใจ“ครูจาง ฉันรู้ว่าคุณลำบาก แต่ว่า ห้องหกทั้งห้องของพวกเราก็เป็นแบบนี้ มากขึ้นมาหนึ่งก็ไม่มาก น้อยไปหนึ่งก็ไม่น้อย ใช่หรือเปล่า? ให้เขาไปที่ห้องเรียนอื่นไม่ได้ ปีนี้โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ของพวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้าหวังว่าจะมีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สักสองสามคนน่ะ”
เขาตบไหล่ของครูจาง “อีกทั้ง นี่เป็นความต้องการของโรงเรียน นักเรียนหยู่เหวินหวงได้ดำเนินการเข้าเรียนแล้ว พรุ่งนี้จะมารายงานตัว คุณวางใจได้ ฉันเคยเห็นเด็กคนนี้ ว่านอนสอนง่ายมาก แล้วคุณลองคิดดูสิ เขาอายุน้อยกว่าเด็กมัธยมปลายปีที่สาม ก็สามารถกระโดดข้ามมาเรียนปีสามได้แล้ว จะต้องไม่ธรรมดาแน่”
ครูจางยกใบคะแนนของเขาขึ้นมาอย่างสั่นๆ รู้สึกเพียงผมหงอกได้งอกผุดๆๆขึ้นมาอีกแล้ว “ใช่สิ ไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยก็ยังมีคะแนนน่ะ เป็นเลขตัวเดียวเช่นนี้ทั้งหมด สอบได้เลขตัวเดียวนี้ก็อยู่ได้ด้วยทักษะแล้ว”
หัวหน้าระดับชั้นฟางพูดชี้แนะด้วยความจริงใจ“พวกเรามักจะพูดเสมอว่าการสอนไม่ควรให้ความสำคัญกับคะแนนมากเกินไป ควรให้ความสำคัญกับการอบรมศีลธรรมสติปัญญาความแข็งแรง......เอ่อ สติปัญญาก็ไม่สามารถให้ความสำคัญเกินไปได้”
อย่างไรเสียสามารถสอบได้เลขตัวเดียวนี้ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสติปัญญาคำนี้ แม้แต่ดวงก็ไม่ได้ดีมาก เดาสุ่มตอบคำถามแบบปรนัยถูกไม่กี่ข้อ ก็ไม่ถึงขั้นเป็นเลขตัวเดียวน่ะสิ
ครูจางมองดูเขา “ในเมื่อหัวหน้าระดับชั้นฟางมีความชื่นชมต่อนักเรียนหยู่เหวินหวงเป็นอย่างสูงขนาดนี้ ไม่งั้น ก็ให้เขาไปที่ห้องหนึ่งของคุณสิ?”
หัวหน้าระดับชั้นฟางหัวเราะ ดันแว่นตาที่เปล่งประกายความฉลาดและมีวิสัยทัศน์เล็กน้อย “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ความหมายของครูใหญ่คือให้เขาไปที่ห้องหก”
ครูจางไหล่ตกทั้งสองข้าง ยอมรับชะตาแล้ว
“นี่ก็ถูกแล้ว คืนนี้ฉันเชิญคุณไปกินข้าว” หัวหน้าระดับชั้นฟางเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แอบร้องเย้ในใจทีหนึ่ง
“หัวหน้าระดับชั้นฟาง ผมไม่เข้าใจจริงๆ คะแนนของหยู่เหวินหวงต่ำขนาดนี้ เขาเข้ามาที่มัธยมปลายของพวกเราได้ยังไง? เกณฑ์ข้อกำหนดการรับเข้าเรียนของพวกเราคือสามร้อยห้าสิบคะแนนนะครับ” หลังจากที่ครูจางยอมรับชะตาแล้วก็เอ่ยถามขึ้น
หัวหน้าระดับชั้นฟางกล่าว“มัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งถึงจะพูดเกณฑ์กำหนดการรับเข้าเรียน ตอนนี้ชั้นปีที่สามแล้ว เขาย้ายเข้ามาเรียน หากว่าย้ายโรงเรียนแค่จ่ายค่าเทอมได้ก็พอแล้ว”
พูดอีกอย่าง คือโรงเรียนอื่นเตะออกมา แต่เอกสารไม่ได้บอกว่าโรงเรียนไหนเตะออกมา ใช่สิ ใครก็ไม่เต็มใจยอมรับว่านักเรียนคนนี้เคยเรียนที่โรงเรียนของพวกเรา
โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่เป็นโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในโรงเรียนเอกชนของเมืองก่วง เพราะว่าเกณฑ์คะแนนในการรับเข้าเรียนค่อนข้างต่ำ เกณฑ์คะแนนของโรงเรียนเอกชนมัธยมปลายโดยส่วนมากล้วนมากกว่าสี่ร้อยคะแนน โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่สามร้อยห้าสิบคะแนน อวดดีเองรับผิดชอบเอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นที่รวมตัวของนักเรียนที่ไม่เอาถ่าน
ในนั้น ชื่อเสียงของมัธยมปลายชั้นปีที่สามห้องหกของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่โด่งดังไปทั่ว โรงเรียนมัธยมปลายก็มีการดูถูกเหยียดหยามกันเป็นทอดๆ โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ถูกโรงเรียนทั้งหมดดูถูก และห้องหกก็ถูกทั้งโรงเรียนดูถูก เพราะคนทั้งห้องของพวกเขาจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครที่สามารถทำถึงเกณฑ์มาตรฐานของวิชาทั้งหมดได้สักคน
คะแนนทางด้านภาษาวัฒนธรรมเป็นแบบนี้ แย่ยิ่งกว่านักเรียนสายศิลป์เสียอีก ก่อนเข้ามัธยมปลายปีหนึ่ง คะแนนแย่ล้วนถูกโน้มน้าวให้ย้ายไปเป็นนักเรียนสายศิลป์แล้ว พวกเขาดึงดันยืนกรานเป็นสายศิลป์วิทย์ ดังนั้นโรงเรียนจึงเอาเหล่านักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เอาไหนและไม่ย้ายไปเป็นนักเรียนสายศิลป์ตั้งเป็นหนึ่งห้อง ตั้งชื่อที่น่าฟังว่าชั้นเรียนทดลอง แต่ความเป็นจริงก็คือเด็กไม่เอาไหนที่อยู่ปนเปกัน
นั้นก็คือมัธยมปลายห้องหกที่ชื่อเสียงดังกึกก้อง
ครูประจำชั้นจางเหมย ฉายาจางเฮงซวย เป็นคุณครูอาวุโสที่อยู่ในด้านนี้มาสิบแปดปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...