บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 174

ประตูปิดได้ไม่นาน สักครู่ก็ปล่อยเข้ามาแล้ว

ครั้งนี้ หยู่เหวินเห้าเชื่อฟังแล้ว อยู่นอกประตูครุ่นคิดอย่างสงบครู่หนึ่ง เหตุผลเดียวที่คิดว่านางโกรธ คือได้พบปะกับฉู่หมิงชุ่ยเป็นการส่วนตัวแล้ว

เขารับปากอย่างเชื่อฟัง “ต่อไป ข้าไม่พบปะกับนางเป็นการส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว”

หยวนชิงหลิงจ้องมองดูเขา พร้อมพูดว่า “ครั้งนี้ข้าไม่ได้หึงจริงๆ และก็ไม่ได้โกรธเจ้าที่ไม่พูดความจริงทั้งหมดกับข้า แต่รู้สึกว่าการรู้จักป้องกันตัวของเจ้ามันยังไม่เพียงพอ แม้ว่าเจ้าจะไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับนางแล้ว แต่ว่าพวกเจ้าเติบโตมาด้วยกัน มากน้อยอย่างไรก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อกันอยู่ นางจะใช้ความรู้สึกตรงนี้ มาทำร้ายเจ้า ใส่ร้ายเจ้า เป็นเรื่องที่ง่ายมาก? บทเรียนจากจวนเจ้าหญิง เจ้าลืมไปแล้วหรือ?”

หยวนชิงหลิง ใช้ตนเองเปรียบเทียบให้เขาเห็นในเชิงลบพูดตักเตือนเขาอย่างจริงจัง เป็นความตั้งใจดีจริงๆ

หยู่เหวินเห้าซาบซึ้งใจมาก ขณะที่ซาบซึ้งใจ ก็ยังรู้สึกว่านางหน้าไม่อายอีกด้วย

นางยังมีหน้ามาพูดถึงความชอบธรรมของจวนเจ้าหญิงนั้น?

แต่ว่า เขาไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่เพียงตั้งใจรับฟังคำสั่งสอน

จุดนี้ ที่จริงแล้วเวลานั้นเขาก็เคยคิด แม้ว่าด้านนอกจะมีคน แต่นอกจากสวีอีแล้ว ก็มีแต่คนของนาง หากว่าเวลานั้นนางทำอะไรเล็กน้อยลงไป เขาอาจจะเสียชื่อเสียงไปหมดแล้ว

แต่นางก็ใช่ว่าทำไม่ได้ เวลานั้นบางทีอาจเป็นเพราะเจอคำพูดของตัวเองหยุดยั้งไว้

เขาถอดเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้นอย่างว่านอนสอนง่าย พร้อมพูดว่า “พระชายาพูดถูก ต่อไปข้าจะระมัดระวัง ตอนนี้เจ้านอนลงเสียก่อน ใช่ แบบนี้แหละ อย่าดิ้น......”

หยวนชิงหลิงโกรธจนตบไปที่มือของเขา พร้อมพูดว่า “สมองของเจ้ามีสักนาทีไหมที่ไม่คิดเรื่องแบบนั้น?”

“อันไหนบ้าง?” มือไม้เขายุ่งมาก ริมฝีปากก็ยุ่งมากเช่นกัน แต่นางครวญครางเสียงดังมาก

“อื้อๆๆ......” ริมฝีปากนางถูกอุดไว้ จึงทำได้เพียงจ้องตามองไร้เสียงขัดขืน

หลังจากเสร็จภารกิจบนเตียง ทั้งสองนอนกอดกันจนหลับไป

วันรุ่งขึ้น คู่สามีภรรยาทั้งสองต่างออกเดินทาง หยวนชิงหลิงไปบ้านขออ๋องหวย หยู่เหวินเห้ากลับไปที่ทำการปกครอง เตรียมข้าวของเรียบร้อยเพื่อเข้าไปรายงานในพระราชวัง

หลู่เฟยอยู่ในจวนอ๋องหวย ได้ยินว่าอ๋องฉีถูกลอบสังหารเมื่อคืนนี้ ตกใจเป็นอย่างมาก ในความเห็นของเธอ ท่านอ๋องถูกลอบสังหารหลายครั้งติดต่อกันนั้นต้องมีคนก่อการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะนางกังวลว่าหลังจากที่ลูกชายของนางหายดีแล้ว ก็อาจจะประสบภัยพิบัตินี้ด้วย

ดังนั้น จึงตามถามหยวนชิงหลิงไม่หยุด จะให้นางไปถามไถ่หยู่เหวินเห้า ว่ากรมการพระนครจับตัวผู้ก่อการร้ายได้แล้วหรือยัง

หยู่เหวินเห้าเข้าวังเอาเรื่องประตูเมืองและเรื่องที่อ๋องฉีถูกลอบสังหารรายงานให้กับฮ่องเต้หมิงหยวน

เรื่องประตูเมือง เป็นเรื่องที่ฉู่หมิงชุ่ยเตรียมการไม่พร้อม และยื้อเวลาไว้นานเกินไป จึงทำให้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

ส่วนเรื่องลอบสังหาร ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าฉู่หมิงชุ่ยเป็นคนทำ แต่ว่า หยู่เหวินเห้าได้บอกการวิเคราะห์ของตัวเองออกมา

พอฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินแล้ว ก็นิ่งสงบไปครู่หนึ่ง ถึงจะค่อยๆพูดขึ้นว่า “ผู้ได้รับบาดเจ็บที่ประตูเมือง เจ้าไปที่เบิกเงินที่กรมคลังมาก้อนหนึ่ง ใช้สำหรับรักษาอากาศบาดเจ็บ จัดการเรื่องอาหารการกินและจัดการชีวิตความเป็นอยู่ชั่วคราวของพวกเขา ส่วนเรื่องมือลอบสังหาร ให้สืบหาต่อไป การคาดเดาของเจ้าไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้”

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเรื่องลอบสังหารจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ว่า จะจัดการกับเรื่องของประตูเมืองได้อย่างดี? จะอธิบายยังไงดี?

“เสด็จพ่อ เรื่องประตูเมือง คนได้รับบาดเจ็บเยอะขนาดนี้ ต้องชี้แจ้งพวกเขาด้วย เสด็จพ่อคิดว่า...... “ หยู่เหวินเห้าจ้องมองไปที่ฮ่องเต้หมิงหยวน รอเขาพูดตอบ

ที่จริงแล้วไม่ต้องลงโทษอะไร จริงแล้วจิตใต้สำนึกของฉู่หมิงชุ่ยเป็นคนดี เพียงแค่มีพระราชโองการตำหนิ แจ้งว่านางทำงานไม่รอบคอบ แก้ไขปัญหาได้ไม่เหมาะสม และให้นางเสียเงินเพื่อรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ แบบนี้ ถึงจะสามารถสงบความวุ่นวายนี้ได้

ฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “แม่ทัพเฝ้าประตูเมืองในวันนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร?”

“หยวนเจ๋” หยู่เหวินเห้าถามไถ่สถานการณ์จากเขา ทราบถึงชื่อสกุลของเขา สถานการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุสามารถควบคุมได้เร็วขนาดนี้ เป็นความดีความชอบของเขา เสด็จพ่อควรที่จะชื่นชมและพระราชทานรางวัลให้กับเขา

ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดด้วยสีหน้าอันซีดเซียวว่า “อืม เอาเรื่องที่เฝ้าระวังความปลอดภัยบกพร่อง เชื่องช้าในการหน้าที่ช่วยเหลือ สั่งให้พักงานรอการสอบสวน”

หยู่เหวินเห้าตื่นตระหนกจนต้องจ้องมองไปที่ฮ่องเต้หมิงหยวน “เสด็จพ่อ หยวนเจ๋มีความดีความชอบ”

“แล้วใครกันที่มีความผิด?” ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องมองไปที่เขาด้วยอารมณ์ไม่ดี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน