บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1747

[เหวยหวูตู๋จุน]ตกใจมากจนแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน

ชั่วขณะหนึ่ง เขาถึงกับรู้สึกว่าชีวิตนี้ของเขา คงต้องเอามาทิ้งบนเวทีนี้ซะแล้ว

ในชีวิตนี้ของเขา ไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน ตอนที่ตาเฒ่าวัยใกล้เข้าโลงตรงหน้าเริ่ม

เคลื่อนไหว ไอสังหารในดวงตาคู่นั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็น

แม่ทัพจอมสังหารในสนามรบ ใครได้เห็นเป็นต้องหวาดกลัวจนหัวหด

ชั่วชีวิตของเขา ไม่อยากต้องมาประสบพบเจอกับความหวาดกลัวแบบนี้อีกแล้ว!

ท่ามกลางเสียงปรบมือกระหึ่มดังอย่างต่อเนื่อง เขาก็รู้แล้วว่าชีวิตที่เหลือนับจากนี้ไปของเขาจะกลายเป็นเรื่องตลกเพราะความเย่อหยิ่ง ความโง่เขลา และความน่ารังเกียจของเขา

“ไม่ร้องขอความเมตตา ก็ลุกขึ้นมาเสียทีเถอะ ท่านปู่เช่นข้าไม่อยากจะลดตัวไปเกลือกกลั้วกับไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่ยังดูดนมแม่จนปากเหลืองอย่างเจ้าหรอก” เซียวเหยากงแค่นเสียงปรามาส

เดิมทีคิดว่าคงจะเป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นสักคน กลับกลายเป็นว่าแค่ถุงสุราห่อข้าว เขาก็ยังเป็นไม่ได้ด้วยซ้ำ *(เป็นคำเสียดสีคนที่ไร้ความสามารถ ว่าทำได้เพียงกินและดื่ม แต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้) คนแบบนี้ยังอุตสาห์มีแฟน ๆ ตั้งหลายล้าน นี่มันเรื่องเหลวไหลอะไรกัน พอคิดว่าแฟน ๆ ของเขายังมีไม่เยอะเท่าเจ้าโง่คนนี้ ก็รู้สึกไม่มีความสุขขึ้นมาทันที

[เหวยหวูตู๋จุน]ทั้งอายทั้งโกรธ ตาเฒ่าคนนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลยซักนิด จะดีจะชั่วเขาก็เป็นบล็อกเกอร์ที่

โด่งดังมีคนติดตามตั้งมากมายเชียวนะ

เขาอยากจะลุกขึ้นสู้กลับ แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของตาเฒ่านั่น ในใจก็นึกหวาดกลัวอย่างมาก จึงทำได้เพียงลุกขึ้นยืนช้า ๆ ในสภาพใบหน้าเขียวช้ำไปด้าน ขาวซีดไปด้าน ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แล้วเดินจากไปในสภาพหน้าม่อยคอตก

แอด[ยามอาทิตย์อัสดง]รบเพียงสนามเดียว ก็สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังสุดขีด!

[เหวยหวูตู๋จุน]ถูกด่าสาดเสียเทเสียจนแทบจะมีสภาพเป็นหมาขี้เรื้อนอยู่แล้ว บัญชีของเขาไม่กล้าโพสต์วิดีโออะไรอีกต่อไป มีแฟน ๆ บางส่วนไปโพสต์ข้อความทิ้งไว้ หรือกระทั่งโพสต์ข้อความส่วนตัวไว้ใต้วิดีโอก่อนหน้าของเขา เพื่อให้เขาออกมาขอโทษ เพราะก่อนหน้านี้[เหวยหวูตู๋จุน]เคยโพสต์ข้อความสบประมาทหยาบคายใต้วิดีโอของ[ยามอาทิตย์อัสดง] ด่าคนอื่นเค้าแบบเสีย ๆ หาย ๆ

เขาไม่ได้ออกมาขอโทษ ทำเหมือนว่าตายไปแล้วยังไงยังงั้น

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา บรรดาสื่อหลักได้พยายามติดต่อแอด[ยามอาทิตย์อัสดง] อยากเชิญพวกเขาให้มาปรากฏตัวในรายการบางรายการ แต่เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เซียวเหยากงไม่เคยอ่านข้อความส่วนตัวหรือตอบกลับข้อความเหล่านี้ เพียรรักษาความลึกลับเอาไว้ในระดับสูงสุด ไม่เคยเล่นไปตามค่านิยมเกาะกระแสคนดังอะไรแบบนี้

เรื่องแรก ก่อนการแข่งขัน เขาดื่มน้ำที่ทีมงานเฒ่าฝั่งของ[ยามอาทิตย์อัสดง]ให้มา พอดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกว่าหัวมึน ๆ เบลอ ๆ ตลอด

เรื่องที่สอง บนตัวของ[ยามอาทิตย์อัสดง]มีเส้นลวดทองแดงที่บางมากสองเส้นซ่อนอยู่ เนื่องจากไฟบนเวทีวันนั้นมันวูบวาบ กระพริบถี่เกินไป ดังนั้นผู้ชมจำนวนมากจึงมองไม่เห็น

เรื่องที่สามคือ ฐานะของ[ยามอาทิตย์อัสดง]นั้น เป็นอะไรที่ควรแก่การพิจารณาอย่างถ้วนถี่ เขาขับรถRV คันละเป็นล้าน สวมนาฬิกาเรือนละหลายแสน ทั้งยังมีบอดี้การ์ดคอยดูแลพร้อม

ตอนที่เขาพูดเรื่องสุดท้าย เขาไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ให้มันชัดเจนว่าเขาเป็นคนมีเงิน แต่ทั้งน้ำเสียงยามพูดจาประชดประชัน ท่าทางการแสดงออก และภาษากายของเขา ทุกอย่างล้วนอธิบายความแตกต่างในอัตลักษณ์อย่างช่วยไม่ได้ เพราะระดับของชนชั้นที่ว่ามานั้นมันมีอยู่จริง

เขาเข้าใจทัศนคติอย่างหนึ่งของชาวเน็ตดี นั่นคืออิจฉาพวกคนรวย แถมยังจ้างพวกกองทัพน้ำมาระดมเขียนข้อความ โดยบอกว่าตนเป็นผู้ชมที่อยู่ในสนามนั้น ยืนยันได้ว่าเห็นลวดทองแดงสองเส้นบนตัวของ[ยามอาทิตย์อัสดง]จริง ๆ

จากนั้นกองทัพน้ำเหล่านี้ ยังพยายามแจกแจงความแตกต่างระหว่างฐานะของ[ยามอาทิตย์อัสดง] กับฝั่งของ[เหวยหวูตู๋จุน] ทั้งยังขุดหลุมสร้างประเด็นเรื่องความยากลำบากที่[เหวยหวูตู๋จุน]ต้องเจอ ให้มันยิ่งลึกเข้าไปอีกขั้น

การใช้ลูกไม้กลับดำให้เป็นขาวแบบนี้ เรียกได้ว่าค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียว ในเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่วัน จำนวนคนที่ก่นด่า[เหวยหวูตู๋จุน]ก็ลดลงไปมาก

ไม่ใช่ว่าไม่มีคนที่มีสติปัญญามีเหตุมีผล แต่พวกคนที่มีสติปัญญามีเหตุมีผล มักไม่เข้าร่วมสงครามน้ำลายประเภทนี้ต่างหาก!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน