บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1750

คืนนั้น พวกเขาดื่มจนเมา ใช้ผืนฟ้าเป็นผ้าห่มใช้พื้นดินเป็นเตียงนอน ราวกับว่าพวกเขาได้ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ออกรบกันเป็นครั้งแรก

ในเวลานั้น การรบเป็นไปอย่างดุเดือด มีหลายครั้งที่พวกเขาทำได้เพียงต้องขดตัวนอนบนพื้นทั้ง ๆ อย่างนั้น

ในเวลานั้น เจ้าหกมักจะท้องร่วงเสมอ ๆ เพราะทั้งสามคนแอบเข้าไปในสนามรบ ใช้ลูกไม้เจ้าเล่ห์อย่างการทำร้ายตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ มาหลอกอาจารย์กับพี่สะใภ้ จากนั้นค่อยพกเงินเพียงเล็กน้อยวิ่งไปที่สนามรบ

ในเวลานั้น ในใจของพวกเขาต่างก็หวาดกลัวมาก เพราะในสนามรบย่อมต้องมีคนตายจริง ๆ

ในเวลานั้น รู้สึกกันแค่ว่าไม่มีอะไรจะน่ากลัวไปกว่าความตายแล้ว ยกเว้นความยากจน

ความตายหนอ ใครบ้างจะไม่กลัว? พวกเขาแทบไม่เคยเห็นคนที่ไม่กลัวความตายสักกี่คนในชีวิต

แต่หลังจากนั้นมาก็พบว่า แท้จริงแล้วจะมีบรรยากาศชนิดหนึ่ง ที่จะทำให้คนเราไม่รู้สึกกลัวความตายอยู่จริง ๆ

นั่นคือเมื่อกองทัพศัตรูเคลื่อนมาข้างหน้า เข่นฆ่าสังหารสหายร่วมรบของพวกเขา ปล้นชิงแผ่นดินของพวกเขา เวลานั้น พวกเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องความตายกันอีกเลย

หรือต่อให้เคยคิด ก็จะเป็นได้แค่ความคิด ต่อให้กลัวตายแค่ไหน ก็ต้องใช้สองขาของตนยืนหยัดปกป้องแผ่นดินให้จงได้

พวกเขาตกอยู่ในห้วงความฝันเช่นนี้ ฝันว่าได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เพิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ครั้งแรก

จวนอ๋องซู่ยังอยู่ หอจัยซิงยังมีผู้คนแน่นขนัด ยากจนข้นแค้นจนถึงขั้นขุดหาแผ่นทองแดงสลักสักชิ้นก็ยังไม่มี สงครามได้ผลาญเงินทองที่มีไปจนหมดไม่มีเหลือ

พี่เหว่ยกับพี่สะใภ้เดินทางไปแคว้นต้าโจวเพื่อชำระหนี้ ระหว่างทำสงครามกับเป่ยโม่ พวกเขายืมทหารสามแสนนายจากต้าโจว แต่ไม่มีเงินจะจ่ายคืนให้ จึงต้องใช้พี่เหว่ยเป็นสิ่งชำระหนี้

ทันทีที่พี่เหว่ยจากไป ราชสำนักก็ไม่เคยมองฮ่องเต้หนุ่มองค์ใหม่ ที่เกิดจากสนมรองอย่างเขาอยู่ในสายตา

พวกเขาไม่อาจไม่เผชิญหน้ากับพวกขุนนางเหล่านั้นในราชสำนัก และทุกครั้งที่พวกเขาปะทะคารมเสร็จกลับไปที่ห้องทรงพระอักษร พวกเขาทั้งสามจะนั่งลงบนพื้น หลั่งเหงื่อเย็นเยือกเต็มแผ่นหลัง

ตอนที่เขาขึ้นครองบัลลังก์ พี่เหว่ยให้กำลังใจเขาอย่างมาก บอกว่าตราบเท่าที่เขาพยายามทำให้ดีที่สุด เขาย่อมทำหน้าที่ของฮ่องเต้ให้ดีได้อย่างแน่นอน

เขาก็เคยคิดว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเขาขึ้นนั่งบนเก้าอี้มังกร เขาจึงตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น เพราะเรื่องบางเรื่อง ต่อให้เค้นพลังกายใจในแง่บวกออกมามากมายแค่ไหน ก็ยังไม่อาจทำเรื่องนั้นให้สำเร็จลงได้

แต่เพราะมันไม่มีหนทางให้ถอยได้ อย่างที่พี่เหว่ยพูดไว้ การไม่มีหนทางถอยเป็นหนทางที่ดีที่สุด

เมื่อไหร่ที่คนเราตั้งหน้าตั้งตาพุ่งไปข้างหน้าด้วยสองตาที่มุ่งมั่น ย่อมจะชนะได้ในที่สุด

ยังดีที่ยังมีคนยื่นมือเข้าช่วยในราชสำนัก ใต้เท้าจางกับซูฟู่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างมาก ยังมีท่าน

ส่วนการแบ่งที่ดินให้เป็นการชำระหนี้นั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางเป็นไปได้แน่ เพราะในเวลานั้นคุณภาพชีวิตของชาวเป่ยถังคืออดอยากยากจน ประชาชนล้วนยอมตายดีกว่าที่จะยอมเสียที่ดินแม้เพียงหนึ่งนิ้วไป

ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องขอทรัพยากรเพิ่มจากพวกเขาอีก ไม่ว่าจะเป็นแผ่นทองแดงผุ ๆ หรือเศษผ้าเศษเหล็กที่หุ้มเกือกม้า ทุกอย่างล้วนต้องเอามาโยนให้กับทัพเป่ยถังจนหมด

ช่วงเริ่มแรก พวกเขาต่างก็คิดว่า ทำตัวหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้เลยจะดีหรือ?

ต่อมาถึงค่อยพบว่ามันทำแบบนั้นได้จริง ๆ ประเทศเพื่อนบ้านเลื่อนการใช้หนี้ธัญพืชออกไปโดยไม่

มีเงื่อนไข ขอแค่ถังไร้ก้นอย่างเป่ยถังอย่าได้ยื่นมือมาหาพวกเราอีก อย่าได้ถึงเดือนเจ็ดยืมเมล็ดพืช

เดือนสิบยืมเสื้อผ้าอีก เจ้าพวกเมล็ดพันธุ์ธัญญาหารเหล่านั้น คิดจะคืนเมื่อไหร่ก็คืนได้ตามสะดวกแล้วกัน

พี่เหว่ยยังคงทำงานด้านการคิดวิเคราะห์ให้กับพวกเขาไม่หยุด ยากจนก็อย่าได้หน้าบางมากนัก ถ้าอยากให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี แค่ต้องเจอกับเรื่องน่าน้อยเนื้อต่ำใจนิด ๆ หน่อย ๆ หรือยอมให้หนังหน้าด้านจนเป็นพื้นปูรองเท้าก็ไม่ใช่ปัญหา

แต่มีข้อแม้อย่างเดียวคือ จะคุกเข่าไม่ได้เด็ดขาด!

ความยากจนกับความอ่อนแอ เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน