บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 1811

“ข้าสบายดีมากเลย มันอร่อยมาก เป็นเจ้าหญิงน้อยเจ๋อหลาน ที่ทรงแบ่งปันสูตรนี้กับฝ่าบาทของพวกเรา ดังนั้น ที่ฝั่งทางโน้นของพวกเรา จึงได้รับอิทธิพลการทำชาชนิดนี้จนเป็นที่แพร่หลายไปด้วย” เขาอธิบายด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ข้าทำเรื่องขายหน้าต่อจวิ้นจู่เสียแล้ว"

“ไม่หรอก คุณชายไม่ต้องระแวดระวังขนาดนั้นก็ได้” อานจือให้คนเทชาให้เขาใหม่อีกแก้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าไม่กินคนหรอกนะ”

เมื่อมองดูใบหน้าอันงดงามผุดผาดของนาง เส้นประสาทอันตึงเครียดของหนิงหงเจาก็คลายลงไปได้บ้าง แต่ก็ยังมีท่าทางประหม่าเล็กน้อย เขาอธิบายว่า "อันที่จริงข้ากับจวิ้นจู่ไม่นับว่าได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกหรอก ปู่ของข้าเป็นพ่อค้า ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ข้าเคยร่วมทางไปท่องเที่ยวกับขบวนรถของท่านปู่จนถึงเจียงเป่ย เคยได้เห็นจวิ้นจู่จากที่ไกล ๆ"

“หา?” เมื่อได้ยินดังนั้น กลับเป็นฝ่ายอานจือที่รู้สึกประหม่าขึ้นมาแทน นางพยายามนึกย้อนเต็มที่ แต่กลับไม่มีความทรงจำใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

“ในตอนนั้น จวิ้นจู่กำลังปรุงโจ๊กเพื่อแจกให้ผู้ประสบภัย คงจะไม่ทันได้สังเกตเห็นข้าน่ะ” หนิงหงเจายิ้ม พูดเสริมอีกประโยคจากใจจริงว่า “ในเวลานั้น ข้ายังไม่มีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ จะออกหน้าแสดงตัวก็ดูจะไม่เหมาะ”

“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง” อานจือหน้าแดงน้อย ๆ แต่ก่อนความสัมพันธ์ระหว่างหลายประเทศล้วนตึงเครียด หลังจากเข้าสู่ฤดูหนาว บรรดาผู้ประสบภัยมักจะมาที่เมืองเจียงเป่ย ดังนั้น นางจึงมักตามท่านแม่ไปทำโจ๊กแจกคนในช่วงเวลานั้นของทุกปี แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆแค่นั้น จะมีคนเห็นในสายตา แล้วจดจำมันไว้ในหัวใจเช่นนี้ด้วย

ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสออกชาติ เจ๋อหลานที่อยู่ในเรือนเขียนข้อความทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งของอานจือ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเรียกเหลิ่งหมิงหยู่ให้ออกไปด้วยกัน

"น้องชาย พวกเราไปกันเถอะ"

เหลิ่งหมิงหยู่กอดดาบในอ้อมแขนแล้วยืนขึ้น “ไม่รอให้พี่อานจือกลับมาก่อนหรือ?”

เจ๋อหลานส่ายหน้า "ไม่รอแล้ว ข้ามีคนที่อยากพบมาก ๆ อยู่ ข้าจะรีบไปพบเขา"

สองพี่น้องก้าวเดินไปตามถนนทันที เหลิ่งหมิงหยู่ไม่รู้ว่าพี่สาวอยากไปพบใคร แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เขาก็แค่ตามนางไปตลอดเวลาเท่านั้นก็พอ

ยุคปัจจุบัน

ในที่สุดการสอบเอนทรานซ์ที่หนึ่งปีจะมีหนึ่งครั้ง ก็กำลังจะปิดฉากสิ้นสุดลงแล้ว

สามยักษ์ใหญ่และคนตระกูลหยวนเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมทำสงครามทันที พวกเขาต้องแพร่เชื้อทัศนคติเชิงบวกขั้นสุดให้กับเด็ก ๆ เพื่อที่เด็กๆ จะได้ใช้ทัศนคติเชิงบวกขั้นสุดที่ว่านี้ ไปรับมือกับการสอบที่สำคัญพอ ๆ กับชีวิตได้อย่างมั่นคง

ก่อนวันสอบหนึ่งวัน ครูประจำชั้นจางต่าวเหมยก็พูดบางอย่างกับทุกคน

ในฐานะครูประจำชั้นม.หก เขาจึงต้องพูดประโยคเดิมทุก ๆ ปี

และทุก ๆ ปี ก็จะพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน