สวีอีรั้งตัวท่านชายสี่ไม่อยู่ โสวฝู่ก็เกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ ท่านชายสี่กับหยู่เหวินเห้าจึงเริ่มสู้กันชุลมุน
เห็นแค่ทั้งสองแลกหมัดแลกเท้ากันไปมา เจ้าเตะมาข้าเตะกลับ คว้ากิ่งไม้มาใช้เป็นอาวุธ ปะทะกันว่องไวประดุจสายฟ้า
สวีอีกับโสวฝู่นั่งลงตรงใต้ระเบียง ดื่มเหล้าที่พวกเขาดื่มกันอยู่เมื่อครู่ พลางมองดูพวกเขาสู้กันด้วยแววตาที่เหมือนปลาตาย
พูดตามตรงคือมันดูน่าเบื่อมาก ไม่มีกระบวนท่าไหนให้พูดถึงได้เลย ไม่มีความวิจิตรตระการตาน่าชื่นชมซักนิด จะดีหน่อยก็แค่กิ่งไม้ที่กวัดแกว่งวูบไหวนั่นยังนับว่าดูดีใช้ได้
การต่อสู้ยกนี้ สู้กันไปเกือบ ๆ ครึ่งชั่วยาม จนหยวนชิงหลิงเข้าไปนวดแข้งนวดขาให้เสือขนทองเสร็จ เดินออกมาก็เห็นว่าพวกเขายังสู้กันอยู่ จึงตะโกนขึ้นว่า "ได้เวลากินข้าวแล้ว"
ทั้งสองแยกกัน เหินกายลงมา ยกมือขึ้นลูบ ๆ กด ๆ เส้นผมตัวเองอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งเวลานี้มีสภาพกระเซอะกระเซิงไม่ต่างจากเล้าไก่ แต่พยายามกดเท่าไหร่ เส้นผมก็ไม่ยอมกลับไปสภาพเดิมเสียที ทั้งคู่จมูกเขียวช้ำใบหน้าบวมเป่ง จะเห็นได้ว่าตอนที่พวกเขาตีกัน คงจะลงมือหนักจนเข้าเนื้อเข้าหนังเลยทีเดียว
หลังจากสู้กันไปยกหนึ่ง ท่านชายสี่ก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย จึงกอดคอกับหยู่เหวินเห้าพยุงกันเดินขาลากในสภาพโซซัดโซเซไปกินข้าว
ผู้ชายพวกนี้ปลูกฝังวิธีการเข้าหากันในรูปแบบนี้มานานแล้ว ถ้าใครรู้สึกไม่สบายใจ ก็จะมีใครคนหนึ่งออกหน้ามาท้าตีท้าต่อย หลังจากต่อยตีกันแล้ว ในใจก็จะรู้สึกดีขึ้นมาระดับหนึ่ง เพราะถึงอย่างไร สุดท้ายแล้วชีวิตก็ยังต้องเดินต่อ ไม่สามารถปล่อยให้เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสภาวะอารมณ์เชิงลบนานเกินไปได้
กินข้าวเสร็จ พวกเขาก็พูดคุยกันครู่หนึ่ง ก็ไปห้องทรงพระอักษรเพื่อทำงานล่วงเวลา
ช่วงนี้ทางเป่ยโม่เหมือนจะมีการเคลื่อนไหวขึ้นมาเล็กน้อย มีรายงานด่วนมาจากจวนเจียงเป่ย ว่าพบกองกำลังทหารมารวมตัวกันที่แนวชายแดนเป่ยโม่
แต่เรื่องลักษณะนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็มีเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว เป่ยถังในตอนนี้ไม่ใช่ประเทศที่ยากจนข้นแค้นเหมือนเมื่อสองสามทศวรรษก่อนอีกแล้ว ตอนนี้มีทั้งกำลังเงินมีทั้งกำลังคน กองพลเข้มแข็งอาวุธยุทโธปกรณ์เพียบพร้อม ไม่ใช่ว่าคิดจะรังแกก็จะรังแกกันได้ง่าย ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป่ยถังในช่วงหลายปีมานี้ ในขณะที่เน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ก็ยังให้ความสำคัญต่อการป้องกันทางทหาร ความมั่นใจต่อความปลอดภัยในตนเองของผู้คนในเป่ยถังก็เพิ่มเป็นเท่าตัว
กลุ่มชายชราแห่งจวนอ๋องซู่มักพูดว่า เป่ยถังภายใต้คำพูดโอ้อวดของตาเฒ่าหวางลิ่วเยว่ คนฆ่าสัตว์ในตลาดตะวันตก ได้กลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้ว
กลุ่มองครักษ์เงาดำชราเล่าว่า ถึงแม้หวางลิ่วเยว่จะมีอาชีพเป็นคนฆ่าสัตว์ แต่ความรู้สึกรักใคร่บ้านเมืองของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกหอจัยซิงเลย ประเทศของนางค่อย ๆ ก้าวหน้าขึ้นไปทีละก้าว กำลังปรับปรุงเปลี่ยนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น นางมีความรู้สึกที่ดีรวมถึงคาดหวังกับเป่ยถัง ความคาดหวังและรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ ล้วนเป็นเช่นเดียวกับราษฎรในเป่ยถัง
นางหวังว่าราษฎรเป่ยถัง จะไม่ต้องถูกประเทศอื่นรังแกอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องถูกคนอื่นพ่นลมออกจมูกใส่ด้วยความรังเกียจ ยิ่งไม่ต้องถูกใครมาดักคอว่าทำนี่ไม่ได้ทำนั่นไม่ได้อีกต่อไป และวันเวลาที่ว่านี้ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
นางมักจะพูดกับลูก ๆ หลานๆ อีกร้อยห้าสิบคนของนางว่า พวกเจ้าจะต้องรักใคร่สามัคคี จะต้องรักเป่ยถัง ต้องรักประเทศนี้ให้เหมือนกับที่ตัวเองรักเงินทอง มีเพียงความรู้สึกรักใคร่ที่ลึกซึ้งระดับนี้เท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับการสรรเสริญรำลึกถึงที่ทหารกล้าที่เคยต่อสู้ในสนามรบ สละเลือดเนื้อสละชีวิตจนมีวันนี้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...