เช้าวันถัดมา ประธานโพ่ขับรถอเนกประสงค์มารับฮ่องเต้ ฮองเฮาและสามใหญ่ด้วยตนเอง ทีแรกผู้จัดการใหญ่บอกว่าจะส่งคนขับรถมา เพราะคิดว่าเป็นครอบครัวของนักเขียนบทหยู่เหวินเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเอิกเกริกขนาดนั้น
คำพูดนี้ทำประธานโพ่โมโหเดือดพลุระเบิดลงทันที บอกว่านักเขียนบทหยู่เหวินนั่นแหละที่เป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง เขาเข้าทำงานมาตั้งนาน หากเรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้ ก็ไม่ต้องอยู่ต่อแล้ว
ผู้จัดการใหญ่ถูกด่าจนมึน ถึงเขาจะรู้ว่านักเขียนบทหยู่เหวินต้องมีฐานะระดับหนึ่งในบริษัท แต่ประธานโพ่ไม่เคยบอกมาก่อนว่าเขานั่นแหละที่เป็นเจ้าของบริษัทที่แท้จริง
งานนี้ทำต่อไม่ได้แล้วจริงๆ
แต่สภาพเศรษฐกิจไม่ดี ด้วยความสามารถของเขา การได้เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ประธานโพ่ตาถั่วแล้วจริงๆ ถ้าเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่น น่ากลัวว่าจะได้อยู่ตำแหน่งกลางๆ
เขาไปดูความเรียบร้อยที่สถานที่ก่อน พอได้ยินว่าทางนั้นมีญาติมาด้วย ก็ส่งรถไปพร้อมกับประธานโพ่ด้วยตนเอง รับตา ยายและน้าของนักเขียนบทหยู่เหวินมา
เซเว่นอัพไปสถานที่ถ่ายทำเอง เมื่อคืนเขาทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ได้กลับไปพบพ่อแม่และพวกอู๋ซ่างหวง
โค้กกับข้าวเหนียวนัดมาด้วยกัน พอมาถึงก็เห็นว่าพ่อแม่มาถึงแล้ว พวกเขาเก็บกิริยาหนักแน่นแล้วพุ่งไปกอดแม่
เซเว่นอัพกำลังสนทนากับอาจารย์นักแสดงนำสองคน เมื่อหันกลับไปเห็นว่าครอบครัวของตัวเองมาแล้วก็พูดขึ้นด้วยความดีใจว่า “ผมต้องไปทางนั้นก่อนนะครับ ครอบครัวผมมาแล้ว”
แม่และลูกๆ พูดคุยพร้อมหน้ากัน กระทั่งอู๋ซ่างหวงส่งเสียงหึไม่พอใจ พวกเขาถึงเห็นว่าท่านผู้เฒ่าทั้งหลายก็อยู่ด้วย จึงรีบไปคารวะ
เจ้าห้าเดินเตร่อยู่แถวนี้ นี่คือโรงถ่ายภาพยนตร์ ใหญ่ก็ใหญ่อยู่หรอก แต่จะดูราคาถูกไปหน่อยแล้ว ประกายทองเหล่านี้ดูแล้วเก๊มาก แต่สวีอีอาจจะชอบก็ได้ รู้อย่างนี้พาเขามาด้วยก็ดี
ไม่รู้ว่าเด็กเฒ่านั่นกำลังทำอะไรอยู่ ทำงานกับรัชทายาทหรือเปล่า ลืมกำชับไปเลย ว่าเจ้านี่ต้องถีบสักหน่อย กระตุ้นสักนิด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะซังกะตาย
เมื่อประธานโพ่เห็นอยู่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวจึงรีบเข้าไปอยู่เป็นเพื่อน “ฝ่าบาท ทอดพระเนตรแล้วดูเป็นอย่างไรบ้าง จัดการพอใช้ได้หรือไม่ พบอาจารย์นักแสดงนำของพวกเราแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”
“ยัง พวกเขาเป็นดาราดังกระมัง พบได้ง่ายๆ หรือ” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
“ทำไมจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ หากทรงต้องการ กระหม่อมจะพาเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ค่อยดีกระมัง” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าถึงตนจะเคยดูละครมาบ้าง และรู้เรื่องโดยรวมของโลกนี้ แต่จะให้สนทนาลึกซึ้งกับคนแปลกหน้า เขาก็ยังไม่สามารถทำได้
จักรพรรดิผู้ชำนาญในการเจรจาพาที กลับกลัวการเข้าสังคมเมื่ออยู่ที่นี่
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังอยากเชิญพระองค์เป็นดารารับเชิญเลย ฮ่าๆ ฮ่าๆๆๆ...” ประธานโพ่หัวเราะอย่างเก้อเขิน หลักๆ เป็นเพราะหากฝ่าบาทสามารถร่วมแสดงภาพยนตร์ที่เขาทำขึ้นได้ นั่นก็จะวิเศษไปเลย
“อ้อ ข้า...เล่นบทอะไรได้หรือ มีบทที่เหมาะสมกับข้าหรือ” หยู่เหวินเห้าถามด้วยความสงสัย หรือก็คือเขามีความสนใจนิดๆ จริงๆ ไม่รู้ว่าหากได้เห็นตัวเองในโทรทัศน์แล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร
“มีพ่ะย่ะค่ะ มีแน่นอน” ประธานโพ่ผงกหัวหงึกหงักอย่างกับสากตำครก ต่อให้ไม่มีก็สร้างมันขึ้นมาสิ
“อ้อ บทอะไรหรือ เจ้าลองว่ามาสิ” หยู่เหวินเห้ามองเขายิ้มน้อยๆ “วันหยุดข้ามีไม่มาก จะอยู่ในกองถ่ายนานเกินไปไม่ได้”
ประธานโพ่เค้นสมอง แต่ก็คิดไม่ออกว่าบทอะไรเหมาะที่จะให้เขามาร่วมเล่นแสดงแทรกได้ เพราะตอนนี้บทต่างๆ แทบจะกำหนดหมดแล้ว
ได้แต่เพิ่มตัวละครแล้ว
“เรื่องนี้ กระหม่อมจะกลับไปศึกษาเนื้อเรื่องสักหน่อย แล้วค่อยมาทูลฝ่าบาททีหลังพ่ะย่ะค่ะ” ประธานโพ่เปลี่ยนเรื่องพูดทันที “กระหม่อมจะพาพระองค์เสด็จไปพบอาจารย์นักแสดงนำของพวกเรานะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ ต่อให้ยิ้มน้อยๆ ก็ยังพกพาความกดดันอยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...