บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 262

อาซี่มายังจวนอ๋องจี้ตามคำสั่ง

จวนอ๋องจี้กำลังตระเตรียมงานแต่งของอ๋องจี้กับพระชายารอง ไม่มีบรรยากาศที่สื่อถึงความเจ็บป่วยร้ายแรงของนายหญิงใหญ่แห่งจวนให้เห็นแม้แต่น้อย รอแค่เพียงอ๋องจี้ที่ยามนี้อยู่ที่วัดฮู่กว๋อได้รับคำสั่งให้กลับมาเข้าพิธีเท่านั้น งานแต่งครั้งนี้ช่างแลดูยิ่งใหญ่ มีชีวิตชีวา และหรูหรา มีการเตรียมการอย่างแข็งขัน ในทางกลับกัน พระชายาเอกที่ป่วยหนักกลับถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังอย่างเย็นชาไร้เยื่อใย

อาซี่ยึดตามคำแนะนำของหยวนชิงหลิง ด้วยการสวมหน้ากากก่อนไปพบพระชายาจี้

พระชายาจี้ถอยซ้ายขยับขวาหามุมที่สบายที่สุดให้ตัวเอง เอนหลังนอนบนเก้าอี้เอนกาย ยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นมองอาซี่ “มีอะไรเจ้าก็ว่ามาเถอะ”

“พระชายาให้ข้ามาส่งข้อความ ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้นางจะเริ่มปรุงยา แต่ไม่รู้ว่าอาการของพระชายาจี้นั้นรุนแรงแค่ไหน พรุ่งนี้ขอเชิญพระชายาจี้ไปที่จวนอ๋องฉู่สักครั้ง” อาซี่พูดรวดเดียวจบ

พระชายาจี้ยิ้มเย้ยหยันเย็นชา “งั้นรึ? เป็นเพราะว่านางกลัวแล้ว? หรือเพราะนางตกลงตามเงื่อนไขของข้ากันล่ะ?”

อาซี่พูดอย่างเย็นชาว่า “พระชายายังมีอีกเรื่องที่จะให้ข้าบอก นั่นคือถ้าพระชายาจี้ยังอยากมีชีวิตรอด ควรต้องแยกแยะให้ออก ว่าใครเป็นเจ้าบ้าน ใครเป็นผู้มาเยือน ถ้าพระชายาจี้รู้สึกว่าพระชายากลัวการถูกคุกคาม หรือเพราะสาเหตุอื่นใด ถึงได้ยอมมารักษาให้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปก็ย่อมได้”

หลังจากพูดจบ อาซี่ก็หันหลังแล้วเดินจากไปทันที

“พระชายา สาวใช้จากตระกูลหยวนผู้นี้ น่ารังเกียจเหลือเกินแล้วเพคะ” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ

พระชายาจี้หลับตา ริมฝีปากสั่นระริก ความเย่อหยิ่งอวดดีของอาซี่นี้ เป็นสิ่งที่นางไม่อาจมัวไปเก็บมาใส่ใจได้อีกแล้ว

การมีชีวิตอยู่ต่อไปต่างหาก ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

“ถ้าเจ้ามีปัญญาช่วยรักษาข้าได้ เจ้าก็มีสิทธิ์เย่อหยิ่งจองหองเช่นกันนั่นล่ะ” พระชายาจี้พูดอย่างเย็นชา

สาวใช้มุ่นคิ้ว “ข้าน้อยไม่กล้าเพคะ”

พระชายาจี้รู้สึกผิดคาดไปมาก

นางไม่สนใจหรอกว่า ตัวเองจะต้องถ่อมตัวลงไปต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนเป็นฝุ่นธุลี ขอเพียงแค่นางได้มีชีวิตอยู่ต่อไป นางสามารถก้มหัวคำนับหยวนชิงหลิงได้ หรือจะให้นางไปก้มหัวคำนับใครที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแล้ว

นางไม่อาจทำใจได้ง่ายนัก

ไม่ใช่เป็นเพราะหยวนชิงหลิง อย่างหยวนชิงหลิงนั่นนับเป็นตัวอะไรได้? นางก็เป็นได้แค่หมาจรจัดน่ารังเกียจตัวหนึ่งก็เท่านั้น

ชีวิตที่ผ่านมาของนาง คือการทุ่มเททำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคนคนเดียว แต่สิ่งที่นางได้รับเป็นผลตอบแทนกลับมา คือการถูกทรยศหักหลังอย่างไร้สิ้นเยื่อใย นางจะฝืนกลืนโทสะนี้ลงท้องไปได้อย่างไรกัน?

การทำใจก็นับเป็นหนึ่งในนั้น

ที่สำคัญที่สุดคือ นางไม่อาจปล่อยลูกสาวทิ้งไว้ตามลำพังได้

หลังนางตาย ฉู่หมิงหยางก็จะกลายเป็นพระชายาเอก และเพื่อเอาใจตระกูลฉู่ นางรู้ดีเลยว่าผู้ชายคนนี้จะสามารถสารเลวได้มากขนาดไหน

ลูกสาวจะกลายเป็นแค่สิ่งของ ที่เขาสามารถสละทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ไปทันที

หยวนชิงหลิงบีบจุดอ่อนของนางอยู่หมัด เพราะรู้ว่านางจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่

แต่ไม่ต้องรีบร้อนไป ต่อให้ชีวิตของนางจะถูกส่งไปวางไว้ในมือนางมารร้ายที่ไหน หรือต่อให้ต้องไปเจรจาขอหนังจากเสือ ก็ย่อมดีกว่าการคืนวิญญาณกลับสู่ยมโลกเป็นแน่

ยิ่งไปกว่านั้น การมีชีวิตอยู่ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเอาคืนได้ในภายหลัง

ตอนนี้ปล่อยให้หยวนชิงหลิงภูมิใจไปก่อนเถอะ รอเมื่อไหร่ที่นางฟื้นคืนสภาพเดิม ไม่ช้าก็เร็ว คนอย่างหยวนชิงหลิง ก็จะกลายเป็นแค่มดปลวกใต้ฝ่าเท้านางเท่านั้นล่ะ

นางไม่อาจรอจนถึงวันพรุ่งนี้แล้วค่อยไป เร่งสั่งให้คนเข้ามาช่วยนางหวีผมเปลี่ยนเสื้อผ้า สั่งให้เตรียมรถม้า แล้วรีบไปที่จวนอ๋องฉู่ทันที

หยวนชิงหลิงมาพบนางที่ห้องโถงด้านข้าง

แม่นมสี่และอาซี่ยืนจับตาดูอยู่ข้าง ๆ

หยวนชิงหลิงสวมหน้ากาก มองไม่เห็นสีหน้าใด ๆ ของนาง แต่ดวงตาของนางดูเฉยชาไม่แยแส เป็นความเย็นชาที่ทะลุได้ถึงกระดูกเลยทีเดียว

“ข้าจะไม่มัวพูดจาไร้สาระ ข้อแรก ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือของเจ้า ข้าสอง ข้าไม่ได้กลัวคำขู่ของเจ้า แต่ข้าก็ไม่ใช่แม่พระผู้เมตตาอะไร การที่ข้าท้องอยู่ แต่กลับยอมเสี่ยงมาปรุงยาให้เจ้า มีจุดประสงค์เพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือท้องนี้ของข้า ล้วนมีคนมากมายที่จับจ้องมองมา มีหลายคนที่เป็นห่วง แล้วก็มีหลายคนที่ไม่ชอบ เจ้าต้องเป็นคนมายืนขวางอยู่ข้างหน้าของข้า แล้วสกัดกั้นทุกคนที่คิดร้ายต่อข้าออกไปให้หมด เพื่อให้แน่ใจว่า ข้าจะสามารถให้กำเนิดเด็กคนนี้ได้อย่างปลอดภัยราบรื่น"

พระชายาจี้ไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย “เจ้าอยากให้ข้าเป็นสุนัขเฝ้าบ้านสินะ? ข้ารับปากเจ้า”

หยวนชิงหลิงถึงกับต้องชื่นชมนางเลยทีเดียว

ครั้งหนึ่งนางเคยหยิ่งผยอง ไม่เห็นใครในสายตา

“ถ้าเจ้าไอเป็นเลือดมากๆ มันย่อมอันตรายแน่นอน ข้าจะให้เจ้าใช้ยาที่รักษาอ๋องหวยไปก่อน นับจากพรุ่งนี้ไป ข้าจะเริ่มปรุงยาของเจ้า เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็ค่อยคืนให้อ๋องหวยก็แล้วกัน” หยวนชิงหลิงฉีดยาให้นางก่อน แล้วจึงค่อยให้น้ำเกลือ

เมื่อมองดูขวดที่ห้อยกลับหัว พระชายาจี้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่สิ่งเหล่านี้ที่นางเห็น เป็นสิ่งที่ทำให้อ๋องหวยหลบหนีออกมาจากประตูผี จนกลับมายืนในโลกมนุษย์ได้จนถึงทุกวันนี้

นางหายใจออกช้า ๆ แล้วหลับตาลง

หยวนชิงหลิงพูดว่า: "เรียกสาวใช้ของเจ้าให้เข้ามาเฝ้าดูไว้ น้ำเกลือใกล้หมดเมื่อไหร่ ค่อยมาเรียกข้า"

พระชายาจี้ลืมตาขึ้น แล้วหันไปมองนางด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน

หยวนชิงหลิงเดินออกไป

หลังจากแขวนขวดน้ำเกลือเสร็จ พระชายาจี้ก็ถามหยวนชิงหลิงขึ้นอีกครั้ง “เจ้าแน่ใจหรือว่ายาของข้าถูกสับเปลี่ยนดัดแปลง?”

หยวนชิงหลิงพูดว่า "เจ้ากลับไปตรวจสอบดูเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องกินยาที่หมอหลวงสั่งหรือยาที่ได้จากตำราพื้นบ้านอื่น ๆ อีก ใช้แค่ยาของข้าเพียงคนเดียวก็พอ"

หลังจากได้ยินคำว่า "ตำรายาพื้นบ้าน" ดวงตาของพระชายาจี้ก็เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง สีหน้าขาวซีดเผือดสีอย่างรุนแรง

หยวนชิงหลิงไม่ได้ถามอะไรทั้งสิ้น เรียกให้คนมาช่วยพยุงนางออกไป

แม่นมสี่รีบเข้ามาช่วยจัดข้าวของ พลางเอ่ยถามว่า “ยาของพระชายาจี้ถูกคนแตะต้องจริงๆหรือเพคะ?”

หยวนชิงหลิงพยักหน้า "ข้ามั่นใจได้ ทักษะทางการแพทย์ของหมอหลวงนั้นดีมาก ดูได้จากอาการป่วยของอ๋องหวยที่เป็นมานาน แต่ก็ยังประคองมาได้ตลอด แต่ทางพระชายาจี้ยังไม่ได้ป่วยนานมากนัก แต่อาการกลับร้ายแรงมาก และนางก็กินยาอย่างสม่ำเสมอ มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่อาการจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้”

“จะเป็นใครไปได้ล่ะ?” อาซี่เดินย่อง ๆ เข้ามาถาม “ พูดกันตามปกติแล้ว ไม่น่าจะมีใครในจวนอ๋องหวยที่กล้าแตะต้องนางนี่นา”

หยวนชิงหลิงยิ้มจาง ๆ "ก็ไม่ใช่ว่ายังมีอ๋องจี้อยู่หรอกรึ?"

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ทั้งแม่นมสี่และอาซี่ ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริศกันไปหมด

แม่นมสี่ยกนิ้วชี้ขึ้นมา แตะเข้าที่ริมฝีปากนางเป็นการห้าม “ชู่ ๆ อย่าพูดอีกเลยเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน