ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงรู้สึกไม่พอพระทัยขึ้นมาแล้ว อาหารมื้อนี้ที่เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจงใจสำรอกออกมา ดูจะใหญ่โตเกินตัวไปหน่อยแล้วกระมัง? แม้จะพูดว่าตอนนี้เขาได้เลื่อนชั้นยศขึ้นมาเป็นเจ้าพระยาแล้วก็จริง แต่ก่อนที่เขาจะได้ไปเจิ้งเป่ย ก็ไม่ใช่ว่าเป็นเพียงแม่ทัพคนหนึ่งเท่านั้นหรอกรึ?
แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจะทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงใจแรงกายไปมากมาย แต่ราชสำนักก็ไม่เคยปฏิบัติต่อคนในตระกูลของเขาอย่างละเลยแม้แต่น้อย แม่ของเขาได้รับการพระราชทานยศเป็นฮูหยินตราตั้ง นี่ก็นับว่าเป็นเกียรติยศขนาดไหนแล้ว?
เพียงแต่ ฮ่องเต้หมิงหยวนทรงมีความคุ้นชินในการติดต่อสื่อสาร รวมถึงรับมือกับบรรดาขุนนางมากมายหลากหลายประเภท ดังนั้น พระองค์จึงส่ายพระพักตร์เพียงน้อย ๆ พลางตรัสว่า “คนวัยหนุ่มสาวมักชอบใช้อารมณ์เป็นธรรมดา เป็นข้าเองที่สั่งให้นางกลับบ้านไปคิดทบทวนตัวเองเสียใหม่ หลังจากที่นางคิดทบทวนในความผิดได้ แน่นอนว่าย่อมต้องขัดเกลาจิตใจและนิสัยของตนเองได้ใหม่เป็นธรรมดา”
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยยังคงยกยิ้มน้อย ๆ "เช่นนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ? เห็นจะเป็นไปตามนั้นจริงๆ แต่สรุปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวของอ๋องฉู่ หม่อมฉันจะพูดอะไรมากไปก็คงไม่ดีนัก ฝ่าบาทตรัสว่าพระองค์จะทรงพระราชทานงานแต่งให้กับก่วงถิงลูกสาวหม่อมฉัน ไม่ทราบว่าเป็นคุณชายตระกูลไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ? ขอพระองค์อย่าทรงล้อเล่นกับหม่อมฉันเลย ลูกสาวคนนี้เอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่ยังเล็ก เกรงว่าถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป อาจจะไม่เข้าตานางก็เป็นได้”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากไม่ใช่ตำแหน่งชายาเอกของอ๋องชิน เขาจะไม่พิจารณาเรื่องนี้นั่นเอง
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่ได้เร่งรีบ เพียงยกถ้วยชาขึ้นมา จิบช้า ๆ พลางตรัสว่า "การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อเป็นเรื่องใหญ่ เป็นธรรมดาที่ควรต้องถามความคิดเห็นของท่านเจ้าพระยาก่อน ส่วนจะเลือกใครข้ายังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เผอิญว่าเมื่อวานเสียนเฟยได้เชิญคุณหนูฮู่เข้าวังมาสนทนาคลายเหงา พวกนางทั้งสองดูสนิทสนมเข้ากันได้ดี ดูคล้ายจะมีชะตาต้องกันไม่น้อย "
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เรื่องนี้หม่อมฉันก็ได้ยินจากลูกสาวมาแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ลูกสาวหม่อมฉันเคารพเทิดทูนเสียนเฟยอย่างยิ่ง นางยังบอกด้วยว่า หากนางได้รับเกียรติเป็นลูกสะใภ้ที่แท้จริงของเสียนเฟย นั่นคงเป็นสิ่งที่วิเศษสุดอย่างไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้"
“ลูกสะใภ้ก็คือลูกสะใภ้ ยังมีลูกสะใภ้จริงลูกสะใภ้ปลอมอะไรกัน ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ พลิกลิ้นอย่างไร้ความจริงใจขึ้นมาทันควัน
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยกลับสวนขึ้นแบบไม่อ้อมค้อมว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีเพียงลูกสาวคนนี้คนเดียว เป็นธรรมดาที่จะไม่อาจตัดใจยอมให้นางต้องพบเจอความน้อยเนื้อต่ำใจได้ ในเมื่อนางบอกว่าอยากแต่งให้กับอ๋องฉู่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นชายาเอกของอ๋องฉู่เท่านั้น หม่อมฉันไม่อาจให้นางต้องทนน้อยเนื้อต่ำใจ แต่งเข้าไปในฐานะของอนุได้"
ฮ่องเต้หมิงหยวนทอดพระเนตรใบหน้าหนวดเคราครึ้มของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย โทสะปะทุขึ้นมาทั่วทั้งสรรพางค์กาย ช่างตรงไปตรงมาเสียจริงนะ ประเพณีพื้นบ้านอันแข็งแกร่งในเจิ้งเป่ย หล่อหลอมให้เขามีขวัญกล้าอาจหาญขึ้นมาไม่น้อยเลยจริง ๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาเสียแล้ว พระองค์ควรฟังเจ้าห้า เจ้าเด็กหัวดื้อนั่นพูดแต่แรกว่าให้รับฮุ่ก่วงถิงเป็นลูกบุญธรรม แล้วค่อยมอบตำแหน่งองค์หญิงให้ เรื่องต่าง ๆ ก็คงจะง่ายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ไปแล้ว
แรกเริ่มเดิมที ตระกูลของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่นับว่ามีสถานะสูงส่งอะไร ในรุ่นบรรพบุรุษก็ไม่เคยปรากฏขุนนางผู้มียศตำแหน่งสูงอะไร ได้เป็นชายารองของอ๋องชิน ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องน่าน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว
ดูเหมือนว่า ใจคนจะไม่รู้จักเพียงพอแล้ว
ฮ่องเต้หมิงหยวนวางถ้วยน้ำชาลง ตรัสอย่างราบเรียบว่า: "อ๋องฉู่มีชายาเอกแล้ว ราชวงศ์ไม่อาจทำเรื่องชั่วช้าอย่างการพรากแม่พรากลูกได้ ในเมื่อท่านเจ้าพระยามีความคิดเห็นในเรื่องการแต่งงานของลูกสาวมานานแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่ขอเป็นคนกลางจับคู่ให้อีก ท่านเจ้าพระยาเชิญกลับไปเสียเถอะ”
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยไม่มีท่าทีตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ประสานมือคำนับแล้วก้าวถอยหลังออกไป
อ๋องฉู่ หยู่เหวินเห้า ในเมื่อเป็นคนที่เข้าตาเขาได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ต้องเป็นลูกเขยของเขาเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยแน่นอนแล้ว
หลังจากที่เขากลับมาถึงจวน แม่ที่อยู่ที่บ้านย่อมต้องถามถึงเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฮูหยินใหญ่ก็เป็นกังวลในเรื่องการแต่งงานของหลานสาวคนนี้เช่นกัน จนปาเข้าไปสิบเจ็ดแล้ว หากยังไม่ยอมออกเรือนอีกล่ะก็ เกรงว่านางอาจจะกลายเป็นสาวแก่ไปจริง ๆ แล้ว
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเอ่ยตอบอย่างยินดีว่า: “ท่านแม่ ท่านโปรดวางใจเถอะ หลานเขยท่านคนนี้ ท่านจะต้องพอใจมากอย่างแน่นอน”
“ฝ่าบาททรงกำหนดคุณชายตระกูลไหนมาให้ ? เจ้ารีบบอกข้ามาเร็วเข้า” ฮูหยินใหญ่เอ่ยถาม
เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยนั่งลงอย่างวางท่าใหญ่โต "อ๋องฉู่หยู่เหวินเห้า ท่านแม่ อ๋องฉู่ผู้นี้ฝีมือโดดเด่น ฉลาดหลักแหลม ใจคอมั่นคงเด็ดขาด เป็นต้นกล้าที่ดีงามยิ่งนัก"
ฮูหยินใหญ่ยิ้มพลางพูดว่า: "ต้นกล้าดีงามอะไรของเจ้า ? พูดจาเหลวไหล คนเขาเป็นถึงอ๋องชิน หลานสาวของข้า จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องแต่งกับคนที่มีคุณสมบัติดีสิ ต้องไปสนทำไมว่าเขาจะโดดเด่นหรือไม่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...