บทที่ 410 อ๋องเว่ยมาพบหยวนชิงหลิง – ตอนที่ต้องอ่านของ บัลลังก์หมอยาเซียน
ตอนนี้ของ บัลลังก์หมอยาเซียน โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย จีนทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 410 อ๋องเว่ยมาพบหยวนชิงหลิง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
สามวันต่อมา อ๋องเว่ยก็มาพบหยวนชิงหลิง
ตอนที่หยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดที่สวีอีมาแจ้ง ปฏิกิริยาแรกของนางคือ ทำไมเขายังไม่ไสหัวออกจากเมืองหลวงไปอีก?
แค่คนบ้าคนหนึ่ง นางไม่ได้อยากสนใจนักหรอก แต่นางไม่อาจไม่สนใจได้
ดังนั้น นางจึงสั่งให้สวีอีเชิญเขาไปยังลานข้าง
หลังจากที่นางออกไป ทันทีที่ได้เห็นอ๋องเว่ย นางก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยทีเดียว
เขาสวมชุดสีเทาชุดหนึ่ง ซึ่งบางมาก ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ เขาได้แต่ตัวสั่นงันงกอยู่ตลอดเวลา
เขาผอมลงไปมาก ใบหน้าซูบตอบลึกโหลไปทั้งหน้า ขอบตาดำคล้ำอย่างหนัก นัยน์ตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงก่ำ หนวดเคราไม่ได้โกน งอกยาวรุงรังไม่เป็นระเบียบ ลำคอโล่ง ๆ ของเขาสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีเขียวคล้ำได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าของเขาสกปรกมอมแมมมาก ราวกับว่าเขาถูกใครสักคนเอาหน้าลงไปถูกับพื้นมาอย่างไรอย่างนั้น
เขานั่งอยู่ที่นั่น สองมือล้วงอยู่ในแขนเสื้อ ท่านั่งของเขาทั้งงองุ้มและดูเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างมาก
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปหาอย่างช้า ๆ มองวิเคราะห์แยกแยะอยู่นาน ค่อยจำได้จากเค้าโครงหน้าในที่สุด ว่าเขาคืออ๋องเว่ยจริง ๆ ไม่ผิดตัวแน่นอน
เวลาเพียงไม่กี่วัน เขากลับผอมลงไปเกินครึ่งเลยทีเดียว
หยวนชิงหลิงนั่งลงแล้วมองดูเขา ตัวเขาเองก็เงยหน้าขึ้น สายตากระจัดกระจายคล้ายหาจุดรวมสายตาไม่เจอ
เขากระตุกริมฝีปากครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่าคิดจะแสดงอารมณ์แบบไหนออกมา สรุปแบบง่าย ๆ คือ หยวนชิงหลิงเห็นแล้วกลับรู้สึกเหมือนว่า เขากำลังร้องไห้อย่างไรอย่างนั้น
อารมณ์ของมนุษย์ นับเป็นสิ่งที่แปลกมากเหมือนกันหมด
นางเกลียดอ๋องเว่ย เป็นเพราะความระแวงสงสัยของเขา จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมของจวิ้นจู่จิ้งเหอ ทั้งยังทำให้ลูกของพวกเขาตายไปทั้งที่ยังอยู่ในท้องอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้เห็นเขาในสภาพนี้ นางไม่มีทางที่จะเกิดความรู้สึกเห็นใจหรือสามารถเข้าใจเขาได้เลยจริงๆ
ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจหรือเข้าใจอะไรเขา แต่ในใจกลับเอาแต่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา สายตาของคนเราช่างเป็นอัตวิสัยเสียจริง
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็พูดขึ้นช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งและแผ่วระโหยอย่างยิ่งว่า “นางยังสบายดีอยู่หรือไม่??”
ทันทีที่เขาพูด ความรู้สึกที่คล้ายความเห็นอกเห็นใจเล็ก ๆ ของหยวนชิงหลิงที่มีต่อเขาเมื่อครู่ ก็พลันสูญสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง พูดอย่างเย็นชาว่า “ ขอบคุณที่ท่านลงมือยังไว้ไมตรี คนยังมีชีวิตอยู่ ”
อ๋องเว่ยกระตุกมุมปากอีกครั้ง ลดมือทั้งสองข้างออกจากแขนเสื้อ ถูเข่าไปมาพลางพึมพำว่า "ยังมีชีวิตอยู่"
หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “เจ้ามาหาข้า มีธุระอะไร?”
เขาเหลือบมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง แววตาของหยวนชิงหลิงเย็นชาอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบหลบสายตา หลังจากหลบไปมาอย่างไร้ทิศทางอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็มองลงไปที่พื้น “ นางเกลียดข้าใช่หรือไม่? ”
หยวนชิงหลิงแค่นยิ้มเย็นชา “ข้าไม่รู้ ข้าไม่ใช่นาง ไม่รู้ว่านางต้องเจ็บปวดขนาดไหน แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านางมีความเกลียดชังมากขนาดไหน ยิ่งไม่รู้ด้วยว่านางสิ้นหวังมากขนาดไหน”
น้ำร้อนมาก อ๋องเว่ยดื่มลงไปทีละอึก ๆ หยวนชิงหลิงมองดูเขาดื่มเงียบ ๆ เขาดูเหมือนกับคนที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาเป็นเวลานาน จะพูดว่ามีสภาพเหมือนคนที่กระหายน้ำอย่างถึงที่สุดก็ว่าได้
หลังจากที่เขาดื่มเสร็จ หยวนชิงหลิงก็พูดว่า: “เจ้าพูดมาได้แล้ว”
ยังมีหยดน้ำที่ค้างอยู่บนริมฝีปากของอ๋องเว่ย เขายกมือขึ้นเช็ดออกลวก ๆ ไม่มีกิริยาท่าทางของคนเป็นอ๋องเลยแม้แต่น้อย ศีรษะของเขายังคงห้อยตกลงมาเหมือนเดิม
ผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคงจะไม่เชื่อ แต่ข้ารักนางมากจริง ๆ ตอนที่ข้าเห็นนางครั้งแรก นางสวมกระโปรงผ้าต่วนสีเหลืองราวผลซิ่ง บนคอห้อยสร้อยปี้สี่พวงหนึ่ง รองเท้าผ้าปักของนางเปื้อน นางจึงก้มหน้าลงเช็ดมันด้วยผ้าเช็ดหน้า ในตอนที่นางเงยหน้าขึ้นมา ข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้านางพอดี นางตกใจจนผงะก้าวถอยหลังไปสองก้าว ข้าเผลอตัว ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปคว้าข้อมือนางไว้ นางรีบสะบัดมือออก กระซิบขอบคุณข้าคำหนึ่งก็รีบจากไปทันที ตอนที่กำลังเดินไป ยังหันกลับมามองข้าแวบหนึ่งอย่างสงสัยอีกด้วย และเพราะสายตาเพียงแวบเดียวนั่นล่ะ ที่ทำให้ข้าย้อนกลับไปคิดถึงทีไร ก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างบอกไม่ถูก”
หยวนชิงหลิงมองเห็นความเจ็บปวดและความเสียใจในดวงตาของเขา ยังมีความขมขื่นและโศกเศร้าทุกรูปแบบในนั้นอีกด้วย
เขาพูดต่อไปว่า “ตอนที่ข้ายังเด็ก ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเจ้าอารมณ์ หลังจากที่ข้าได้รู้ถึงสถานะของนาง แล้วก็รู้ด้วยว่านางมีสัญญาแต่งงานกับท่านชายชิงหยาง แต่ข้ากลับเอาแต่ใฝ่ฝันพร่ำเพ้อ คะนึงหาแต่นางไม่ยอมหยุด ไม่แต่งกับนางไม่ได้ ดังนั้น คิดว่าเจ้าเองก็คงจะเข้าใจ ข้ารบเร้าอยู่นาน สุดท้ายเสด็จพ่อก็ยังไม่ทรงเห็นด้วยอยู่ดี ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงต้องพานางหนีตามกันไป ถึงจะบอกว่าหนีตามกัน แต่อันที่จริงถ้าพูดตามตรงก็คือข้าลักพาตัวนางไปต่างหาก นางเอาแต่ตื่นตระหนกไปตลอดทาง นางกลัวข้ามาก ข้าบอกนางไปว่า ท่านชายชิงหยางไม่มีทางอยากแต่งงานกับนางอีก เพราะนางมากับข้าแล้ว สูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าพูดแบบนั้น ดูเหมือนว่านางก็จะก้มหน้ายอมรับชะตากรรม กระทั่งพวกเราถูกพากลับเมืองหลวง นางถึงได้จำใจยอมแต่งกับข้าตามขนบธรรมเนียมที่ควรทำ"
เขายิ้มขึ้นมา แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูจนใจไร้หนทางอย่างยิ่ง
“ข้ารู้ว่านางคงไม่มีทางชอบข้า แต่ข้าคิดว่าข้ามีเวลาอีกทั้งชีวิตที่จะใช้ใกล้ชิดนาง สุดท้ายต้องมีสักวันที่นางจะรักข้า เป็นไปอย่างที่คิด หลังจากที่เราแต่งงานกัน นางอ่อนโยนกับข้ามาก ใส่ใจทุกเรื่องของข้า ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ที่ข้าจำได้แม่นยำที่สุด คือมีครั้งหนึ่งที่ข้าป่วย มีไข้ขึ้นสูงถึงสองวัน หลังจากตื่นขึ้นมาก็เห็นนางมองมาที่ข้าอย่างเป็นกังวล ตาทั้งแดงก่ำบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มา นางเป็นห่วงข้า พวกเจ้าคงไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นข้าดีใจมากแค่ไหน มันเหมือนกับว่าทุกสิ่งในใต้หล้านี้ ได้เข้ามาอยู่ในกำมือของข้าจนหมดสิ้นแล้วเลยทีเดียว"
เขาเงียบไป ไม่พูดอะไรออกมาอีก ท่าทางเหมือนจมอยู่ในความเศร้าโศก
หยวนชิงหลิงอดถามไม่ได้: "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้าถึงยังไม่ยอมเชื่อนาง?"
เขาเงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังดื้อรั้น “เพราะว่า ก่อนหน้าที่ท่านชายชิงหยางจะแต่งงาน เขามาพบนางน่ะสิ นางถึงกับร้องไห้ให้กับท่านชายชิงหยาง ที่แท้ นางไม่ได้ร้องไห้ให้ข้าเพียงคนเดียว แต่ยังร้องไห้ให้ผู้ชายคนอื่นด้วย หากข้าไม่เคยเชื่อว่านางรักข้ามาก่อน ตอนนั้นข้าก็ไม่ต้องรู้สึกเสียใจมากมายเช่นนั้น แต่ข้าก็เฝ้าพูดกล่อมตัวเองว่านางรักข้า แล้วให้ข้าต้องมาเห็นภาพบาดตาฉากนี้ ข้าทรมานจนอยากตายไปให้พ้น ๆ จะได้ไม่ต้องทนมีชีวิตอยู่ ข้าพลิกคว่ำความเชื่อมั่นทั้งหมดที่ผ่านมาทิ้งไปไม่มีเหลือ หัวใจข้าเอาแต่หวาดระแวงว่าที่นางยอมอยู่กับข้า ก็แค่อยู่ไปแบบพอเป็นพิธีให้คนอื่นเห็น นั่นเป็นเพราะนางไม่มีหนทางอื่น นางไม่มีหนทางให้เลือก ข้าเชื่ออย่างนี้มาโดยตลอด ดังนั้น ต่อมาเป็นเพราะการปรากฏตัวของกู้จือ นางใช้วิชาลวงตากับข้า ข้าจึงสามารถเชื่อได้อย่างมั่นใจแน่วแน่ว่ามันเป็นอย่างนี้ เพราะสิ่งที่ กู้จือ พูด แท้ที่จริงก็คือทุกสิ่งที่ข้าคิดอยู่ในใจลึก ๆ มาโดยตลอด นางเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นางไม่ได้รักข้า กู้จือก็แค่พูดทุกอย่างที่มันเก็บงำอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของข้าออกมาแทนข้าเท่านั้น กระทั่งในที่สุดนางตั้งครรภ์ กู้จือบอกกับข้าว่านั่นไม่ใช่ลูกของข้า เป็นของท่านชายชิงหยาง เพราะก่อนหน้านี้ กู้จืออยู่รับใช้ข้างกกายนางมาโดยตลอด กู้จือเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง พวกเขาลอบพบกันเป็นการส่วนตัว ชั่วขณะนั้นที่ข้าได้ยิน สิ่งเดียวที่ข้าคิดได้ ก็คืออยากฆ่าทุกคนให้หมด กับทำลายโลกใบนี้ให้พินาศย่อยยับไปพร้อมกัน ไม่ต้องให้มันเหลืออะไรทั้งสิ้น!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...