บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 555

ในเมื่อต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดจริงจัง เช่นนั้นก็ต้องเชิญหมอหลวงและขุนนางอีกหลายคนไปด้วยกัน

แต่ในเมื่อเป็นโรคเรื้อน ขุนนางธรรมดาย่อมไม่กล้าไป ต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครยินดีจะเสนอหน้า

โสวฝู่ฉู่ยืนออกไป เอ่ยเสียงขรึมว่า “กระหม่อมยินดีจะไปพร้อมหมอหลวงพ่ะย่ะค่ะ ”

ตี๋เว่ยหมิงได้ยินคำนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า “กระหม่อมสองพ่อลูกก็ยินดีจะไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

โสวฝู่ฉู่ปกป้องแม่นมสี่กับรัชทายาทมากแค่ไหน นี่เป็นเรื่องชัดเจนที่ใครก็มองเห็น จะให้เขาไปพร้อมหมอหลวงเพียงลำพังได้อย่างไร ตอนนี้เขามีอำนาจแค่อยู่ใต้คนเพียงหนึ่งอยู่เหนือคนนับหมื่น หมอหลวงยังต้องเชื่อฟังเขา แม้จะวินิจฉัยออกมาว่าเป็นโรคเรื้อน เขาก็สามารถสั่งการให้หมอหลวงปิดปากได้

ต่อจากการเสนอตัวของโสวฝู่ฉู่กับแม่ทัพใหญ่ตี๋แล้ว ขุนนางในราชสำนักต่างก็ทยอยกันออกมาขันอาสา เพราะว่า ไปเพียงชั่วครู่มิใช่ว่าต้องไปสัมผัสกับแม่นมสี่ รอผลอยู่ในจวนอ๋องฉู่ก็พอแล้ว อย่างน้อยก็ถือว่าได้ไปทำหน้าที่แล้ว

เช่นนี้เอง เหล่าขุนนางที่สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับองค์รัชทายาทที่สีหน้ามึนงง ยกขบวนไปยังจวนอ๋องฉู่อย่างเอิกเกริก

ตลอดทาง สีหน้าของหยู่เหวินเห้าแสดงออกอย่างงี่เง่ายิ่งนัก ถามพระมาตุลาตี๋ตลอดว่า “ใครกันแน่ที่บอกว่าแม่นมสี่เป็นโรคเรื้อน นี่มันเป็นการสร้างข่าวลือชัดๆ ถ้าหากแม่นมสี่รู้เข้า คงต้องโมโหมากแน่ๆ ”

พระมาตุลาตี๋ไม่ค่อยสนใจเขา พระมาตุลาตี๋ไม่สนใจ แต่ขุนนางคนอื่นๆก็ไม่อาจปล่อยให้รัชทายาทรู้สึกอับอายได้ จึงได้เข้าไปปลอบใจว่าเรื่องนี้บางทีอาจมีคนตั้งใจปล่อยข่าวลือก็เป็นได้ เพื่อหาเรื่องจวนอ๋องฉู่กับรัชทายาท

เดิมทีแค่คิดจะปลอบใจเฉยๆ แต่เมื่อพูดออกไปแม้แต่โสวฝู่ฉู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย “เป็นไปได้สูงว่าเป็นการสร้างข่าวลือเพื่อหาเรื่องจวนอ๋องฉู่ ”

และแล้ว ตลอดการเดินทาง คำพูดนี้ถูกพูดออกไปกว้างขวางในหมู่ขุนนาง ราวกับว่าแม่นมสี่ไม่ได้เป็นโรคเรื้อนจริงๆ แต่มีคนตั้งใจสร้างข่าวลือให้จวนอ๋องฉู่ต้องถูกปิดตายเพื่อกักกันโรค

สองพ่อลูกตี๋เว่ยหมิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ยิ้มเย็นในใจ ถึงเวลาก็รู้เองว่าเป็นข่าวลือหรือไม่ หยู่เหวินเห้านั้นเสแสร้งเก่งจริงๆ แต่เสแสร้งไปจะมีประโยชน์อะไร โรคเรื้อนนั้นร้ายแรงแค่ไหน หัวหน้าโรงหมอหลวงไม่กล้าปิดบังความจริงต่อหน้าขุนนางมากมายเช่นนี้แน่

แต่ว่า ตี๋เว่ยหมิงมองหน้าหยู่เหวินเห้าที่แสร้งทำเป็นไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ในใจรู้สึกไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หรือว่า เขารู้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้ในการประชุมเช้าของราชสำนักจะมีการทูลรายงานเรื่องนี้ ฉะนั้นจึงได้ส่งแม่นมสี่ออกไปจากจวนแล้ว

แต่ว่า ไม่ช้าเขาก็วางใจ เพราะว่า ได้สั่งให้คนไปคอยจับตาดูจวนอ๋องฉู่อยู่ตลอดเวลา ถ้าหากมีการส่งตัวแม่นมสี่ออกไปจริง ตอนนี้คงมีคนมารายงานแล้ว

ใช้ระยะเวลาในการเดินทางเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม ที่สุดก็มาถึงจวนอ๋องฉู่

ทังหยางกับสวีอีเห็นคนมากมายที่มาพร้อมกัน ก็ตกใจไปตามๆกัน รีบเข้าไปต้อนรับขับสู้ทุกท่านให้เข้าไปข้างในทันที

หยู่เหวินเห้าสั่งการว่า “เชิญแม่นมสี่ออกมา ”

ทังหยางลังเลอยู่ชั่วครู่ “แม่นมสี่ เชิญนางมาทำไมพ่ะย่ะค่ะ นางอยู่ในเรือนไม่ยอมออกมาข้างนอก และไม่ยินดีจะพบใครด้วย”

พระมาตุลาตี๋เอ่ยเสียงเรียบว่า “ในเมื่อไม่ยินดีจะออกมา เช่นนั้นพวกเราก็ไปที่เรือนของแม่นมสี่กัน ไม่เป็นไร เพียงแค่เชิญหมอหลวงตรวจวินิจฉัยให้นางเท่านั้น ดูสิว่าตกลงเป็นโรคอะไรกันแน่ ”

ทังหยางรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง “แม่นมสี่ไม่สบายหรือ ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ”

พระมาตุลามองทังหยางที่แสนเจ้าเล่ห์ เสแสร้ง เสแสร้งต่อไป ประเดี๋ยวหมอหลวงตรวจวินิจฉัยแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะเสแสร้งอย่างไร

“นำทางเถอะ ”ตี๋เว่ยหมิงไม่อยากจะพูดให้มากความ พูดเสียงขรึม

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “คนมากมายเช่นนี้จะไปเรือนที่ผู้หญิงอาศัยอยู่คงไม่เหมาะ ทังหยาง ไปเชิญแม่นมสี่ออกมา บอกนางว่าอย่าเอาแต่ใจ บอกว่าเป็นบัญชาของเสด็จพ่อก็พอ ”

ทังหยางรับคำแล้วก็ออกไป

มีขุนนางบางคนนั่งไม่ติดที่แล้ว พวกเขาไม่เข้าใจในโรคเรื้อน คิดแต่เพียงว่าสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้เป็นโรคก็สามารถติดเชื้อได้ ฉะนั้นเมื่อได้ยินว่าแม่นมสี่จะมาที่นี่ ต่างก็อยากจะออกไปรออยู่ข้างนอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน