ตลอดทางลงเขานี้ จนถึงนั่งรถม้ากลับไปที่ลาน หยู่เหวินเห้าก็ไม่ค่อยพูดจา กลับเป็นสวีอีที่พูดฉอดๆอยู่ด้านนอก บอกว่าทะเลสาบจิ้งมหัศจรรย์จริงๆ
หยวนชิงหลิงก็ไม่พูดจา หลังจากกระตือรือร้นอย่างสุดๆก็เป็นการครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ตั้งแต่ที่นางมาถึงที่นี่ ไม่มีเวลาใดไม่มีนาที่ไหนที่จะไม่คิดถึงคนในครอบครัว การปรากฏตัวของทะเลสาบจิ้ง ทำให้ความรู้สึกคิดถึงบ้านเกิดของนางที่ยากจะระงับไว้ได้ถูกกระตุ้นขึ้นเป็นครั้งที่สอง
นางก็ไม่ได้ถึงกับจะกระโดดลงน้ำด้วยความไร้สติขนาดนั้น เพียงคิดว่า เรื่องราวมากมายดำรงอยู่อย่างสมเหตุสมผลที่สุด ในเมื่อสมเหตุสมผล ก็ต้องมีคนที่เข้าใจเป็นแน่ อย่างเช่นคนที่ส่งโม่ยี่มา
มีคนเช่นนี้ผู้หนึ่ง มีทะเลสาบจิ้งเช่นนี้ที่หนึ่ง นางยิ่งมีความมั่นใจ กลับไปเยี่ยมบ้านไม่ใช่ความฝันจริงๆ การใช้ชีวิตในวันข้างหน้ามีเป็นความเป็นไปได้ว่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ อีกทั้งความหวังยังเพิ่มมากขึ้นทีละนิดทีละหน่อยอีกด้วย
หลังจากที่หยู่เหวินเห้านิ่งเงียบเป็นเวลานาน กล่าวประโยคหนึ่งที่กลั้นไว้ต่อหยวนชิงหลิง “ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่เจ้ายืมร่างศพเพื่อคืนชีพแล้ว”
หยวนชิงหลิงพิงเขา “ไม่ได้คิดนี่”
“มิติเวลานั่นคืออะไรกันแน่? เป็นทางเข้าของโลกวิญญาณใช่หรือไม่?” ท้ายที่สุดหยู่เหวินเห้าก็ไม่เข้าใจ และเพราะไม่เข้าใจจึงหวาดกลัว
เขารู้สึกว่าที่หยวนชิงหลิงดีใจขนาดนี้ โดยคร่าวๆแล้วทะเลสาบจิ้งยังต้องเกี่ยวข้องกับการยืมร่างศพเพื่อคืนชีพอีกด้วย
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว “ทำไมท่านถึงคิดเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความกลัดกลุ้ม “สำหรับข้าแล้ว นั่นก็เหมือนกับทางเข้าของนรกที่หนึ่ง”
หยวนชิงหลิงเข้าใกล้เขามากขึ้น และไม่ได้วิเคราะห์แล้ว อย่างไรเสีย ทะเลสาบจิ้งเป็นทางเข้าของมิติเวลาหรือไม่ก็ไม่แน่ คำพูดของนักพรตก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อถือได้หมด ไม่ได้บอกว่าเขาโกหก แต่เพราะปรมาจารย์อาท่านนั้นอาจจะลงเขาไปเองแล้วก็ได้ ทุกคนคิดว่าเขาลงทะเลสาบจิ้งไปแล้ว การปรากฏตัวครั้งสุดท้าย ก็ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเขาปรากฏตัวขึ้นมาจากในทะเลสาบจิ้ง สำหรับอีกโลกหนึ่งและทางเข้าของมิติเวลาที่เขาบอก ก็เป็นไปได้ว่าฟังมาจากที่อื่น กระทั่งยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะรู้จักกับรุ่นน้อง รุ่นน้องได้เคยบอกเรื่องของมิติเวลาของอีกโลกหนึ่งกับเขามาก่อน
ดังนั้น ตอนนี้สงบจิตใจลงมา ก็ค่อนข้างมีสติสัมปชัญญะในการไตร่ตรองเรื่องราวแล้ว
กลับถึงในลานบ้าน อะซี่ก็ดึงหยวนชิงหลิงไว้แล้วกล่าว “วันนี้พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้พูดกันสักประโยคเลยเจ้าค่ะ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “ไม่ต้องบีบบังคับ ปล่อยตามที่พวกเขาแต่ละคนชอบเถอะ”
อะซี่กล่าวด้วยความกลุ้มใจ “ก็เพราะมองแล้วไม่สบอารมณ์น่ะเจ้าคะ”
หยวนชิงหลิงตบไหล่ของนางเบาๆ จากนั้นเข้าไปตรวจบาดแผลของหยวนหย่งอี้แล้ว
หมันเอ๋อกลับดึงอะซี่ไปบอกเรื่องทุกอย่างที่ได้เห็นที่ทะเลสาบจิ้งในวันนี้ บอกว่าทะเลสาบจิ้งเป็นสถานที่ของโลกอีกใบหนึ่งอะไรนั่น ทิ้งสิ่งของเข้าไปก็สูญหายไปทันที พูดจนอะซี่อยากไปดูเป็นอย่างมาก มองดูสวีอีด้วยความตื่นเต้น “พรุ่งนี้พวกเราไปกันอีกเถอะนะ”
สวีอีมองดูแววตาที่เปล่งประกายของอะซี่ กล่าวอย่างเรียบๆ “ไม่ไป เพื่อเลี่ยงไม่ให้เจ้าเข้าใจผิด”
พูดจบ จึงหมุนตัวเดินจากไป
อะซี่มองดูเงาหลังของเขาด้วยความประหลาดใจ เข้าใจผิดอะไร? เจ้าหมอนี่ยังไม่หายโกรธอีกหรือนี่? ขี้โมโหจริงๆ!
ทั้งคืนก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ละคนมีเรื่องเก็บอยู่ใจใน วันรุ่งขึ้นก็จะต้องออกเดินทางไปเขาโรคเรื้อนแล้ว
หยวนหย่งอี้มีบาดแผล ดังนั้นอ๋องฉีและอะซี่จึงพานางกลับไปยังเมืองหลวงก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...