เจ้าตัวเล็กทั้งสามน่ารักฉลาดเป็นอย่างมาก จึงทำตามที่แม่นมสอนไว้ก่อนหน้านี้ทันที คุกเข่าลงน้อมทักทายอย่างมีระเบียบ
ผู้คนที่นั่งอยู่ มองดูจนตะลึงตาค้าง
ดูลูกของบ้านอื่น แล้วดูลูกของตัวเอง
นี่ยังไม่ครบหนึ่งปีเต็ม เดินเป็น ทั้งยังพูดได้อีก อย่างไรเสียก็เป็นเด็กที่เกิดในวันที่พระพุทธเจ้าถือกำเนิด สวรรค์ประทานพรสติปัญญาความเฉลียวฉลาดมาให้
หลังจากที่น้อมทักทายแล้ว หยู่เหวินเห้ายังต้องการให้พวกเขาน้อมทักทายทำความเคารพเหล่าผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ เพราะอีกเดี๋ยวจะมีลูกอมกิน เจ้าตัวน้อยทั้งสามว่านอนสอนง่ายมาก หลังจากที่ได้รับความสนใจและความชื่นชมรอบหนึ่ง จึงได้เข้าไปกินขนมพร้อมกับฉางกงกงแล้ว
ไท่ซ่างหวงบอกว่าตัวเองเหนื่อยหมดแรงเล็กน้อย จึงบอกให้ทุกคนแยกย้าย แล้วเรียกหยวนชิงหลิงให้อยู่ต่อตรวจชีพจรให้เขา ในพระตำหนักจึงเหลือเพียงครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งนี้แล้ว
แต่ว่า เขาก็ให้หยวนชิงหลิงตรวจร่างกายอย่างเชื่อฟังมาก ฟังการเต้นของหัวใจ วัดความดันโลหิต ฟังชีพจร สอบถามรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ล้วนให้ความร่วมมือเป็นที่สุด
ตั้งแต่หลังจากที่เจ้าตัวน้อยทั้งสามถือกำเนิดเขาก็เปลี่ยนเป็นรักและทะนุถนอมร่างกายตัวเองมาก มีความไม่สบายเล็กน้อยก็เรียกคนไปเชิญหยวนชิงหลิง
“เป็นอย่างไรบ้าง?” หยู่เหวินเห้าเห็นหยวนชิงหลวงเก็บอุปกรณ์ตรวจกลับลงในกล่องยา รู้ว่าจบเรื่องแล้ว จึงกล่าวถาม
หยวนชิงหลิงกล่าว: “อาการไม่เลว แค่ความดันโลหิตค่อนข้างสูง กินดื่มจำเป็นต้องระวัง ปีนี้ไม่อนุญาตให้กินอาหารที่มันเลี่ยนได้”
ดวงตาที่สวยงามของนางชำเลืองขึ้นเล็กน้อย ตกลงบนใบหน้าของไท่ซ่างหวง กล่าวอย่างจริงจัง: “ยังมีอีก เหล้าขาวไม่สามารถดื่มได้อย่างเด็ดขาด คำเดียวก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวข้าจะกำชับให้ฉางกงกงจับตาดูเขาไว้หน่อย”
ไท่ซ่างหวงกล่าวอย่างโกรธเคือง: “ฉลองปีใหม่พูดคำเหล่านี้ ชั่งขัดความสุขนัก หลังจากฉลองปีใหม่แล้วค่อยว่ากัน”
“ไม่สามารถดื่มได้เพคะ” หยวนชิงหลิงน้ำเสียงเน้นย้ำ “พระองค์เป็นคนที่ควบคุมไม่ได้ ดื่มอึกหนึ่งแล้ว ก็ต้องมีอีกที่สองเป็นแน่”
ไท่ซ่างหวงไม่อยากสนใจนาง หันหน้าไปมองหยู่เหวินเห้า “พบเสด็จแม่ของเจ้ามาแล้วหรือ?”
หยู่เหวินเห้าตอบรับเสียงหนึ่ง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ไท่ซ่างหวงไม่ได้เอ่ยวาจาใดๆ เพียงแค่ปล่อยให้หยวนชิงหลิงจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาให้ดี นิ่งเงียบครู่หนึ่ง จึงค่อยๆกล่าว: “ทุกคนมีชีวิตอยู่ก็ล้วนมีความปรารถนา นางสนใจเพียงความต้องการของนาง เจ้าก้าวก่ายนางไม่ได้ ควบคุมเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าให้ดี ทำเรื่องที่รัชทายาทอย่างเจ้าควรทำ ทำเรื่องที่หัวหน้าครอบครัวอย่างเจ้าควรทำ นอกเหนือจากนั้น ควบคุมไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว”
ด้านนอก เสียงประทัดดังขึ้น วันสิ้นปีวันนี้ ในพระราชวังจุดประทัดมากมาย แต่ละตำหนักล้วนจุดครั้งหนึ่ง และด้านนอกตำหนักกวงหมิง เว้นไปครู่หนึ่งก็จุดครั้งหนึ่ง เดินไปที่ไหน ก็เป็นเปลือกประทัดสีแดงสดทั้งพื้น
ไท่ซ่างหวงจึงกล่าว: “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็จุดประทัดพวงหนึ่งที่ด้านนอกพระตำหนักฉินคุนนี้ ขับไล่เคราะห์ร้ายโรคภัยไข้เจ็บปีนี้ออกไป”
หยู่เหวินเห้าเก็บอารมณ์ความรู้สึก ยืนขึ้นมาตะโกนเสียงดัง “ซาลาเปา ทังหยวน ข้าวเหนียว ออกมาจุดประทัดกับพ่อกัน”
เจ้าตัวเล็กทั้งสามเหมือนปลาที่ว่ายน้ำตามกันออกมา
หยวนชิงหลิงไม่ได้ออกไป อยู่เป็นเพื่อนไท่ซ่างหวงในพระตำหนัก มองออกไปจากประตูของพระตำหนัก เห็นเพียงหยู่เหวินเห้าที่ยิ้มจนดูเหมือนว่าเบิกบานใจ แต่ว่าความกลัดกลุ้มบนใบหน้าไม่ได้คลี่คลายไปเลย
หยวนชิงหลิงอดทอดถอนใจไม่ได้
ไท่ซ่างหวงจึงกล่าว: “เสียนเฟยทางนั้นคาดว่ามีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แล้ว เจ้าดูแลเจ้าห้าให้มากๆหน่อย อย่าให้เขาทำเรื่องโง่ๆออกมา”
หยวนชิงหลิงพยักหน้าอย่างเงียบๆ
พวกเด็กๆแสดงความประหลาดใจมากต่อท่านลุงหัวโตๆผู้นี้ มักจะยื่นมือเล็กๆอ้วนๆของพวกเขาไปลูบใบหน้าเจ้าเนื้อของเจ้าสิบน้อยอย่างระมัดระวัง เจ้าสิบน้อยก็เพ่งตามองพวกเขา
ความจริงในวังไม่ได้มีทารกมานานมากแล้ว โดยเฉพาะวันที่มีความสุขเพียงนี้ ทุกคนล้วนคอยผสมโรงทำให้ครึกครื้นสนุกสนานอย่างเต็มที่ อย่างไรเสียก็ไม่ได้มีหัวข้อที่พูดคุยร่วมกันได้มากนัก จึงได้เอาเด็กมาหยอกล้อ
หลู่เฟยหัวเราะแล้วกล่าว: “องค์ชายสิบหน้าตาดี หน้าผากอิ่มเอิบ ปากและคางเหลี่ยมกลม อนาคตจะต้องสามารถทำคุณูปการมากมายเป็นแน่”
ฮู่เฟยก็หัวเราะแล้ว “หวังว่าจะเป็นชายชาตรีห้าวหาญเปี่ยมด้วยพลังเหมือนกับบรรดาพี่ชายของของเขาก็พอแล้ว”
“ข้ากลับคิดว่า เลี้ยงลูกชายอายุร้อยปี ต้องกังวลเก้าสิบเก้าปี ยังเฝ้าหวังให้ปลอดภัยแข็งแรงก็พอแล้ว อย่างอื่นไม่ได้ต้องการมากมายแล้วล่ะ” หลู่เฟยกล่าว ตั้งแต่หลังจากที่อ๋องหวยป่วยแล้วเก็บชีวิตกลับคืนมาได้ นางก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่แล้ว
แน่นอน ต้องมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง
ทุกคนล้วนเห็นด้วยกับคำพูดของหลู่เฟย เห็นนางถอนใจเบาๆ ก็รู้ว่านางนึกถึงเรื่องขณะนั้นที่อ๋องหวยป่วย เต๋อเฟยจึงกล่าวปลอบโยนนาง: “ตอนนี้เจ้าหกดีเพียงใดแล้วล่ะ หลังจากแต่งกับพระชายาหวย สุขภาพก็ดีกว่าเมื่อก่อน คนก็เบิกบานขึ้นมากแล้ว เจ้าแค่รอเสพสุขก็พอ”
พูดถึงลูกสะใภ้ของตัวเอง บนใบหน้าของหลู่เฟยก็เป็นความภูมิใจ กล่าว: “เฝ้ารอแน่นอนว่าก็เฝ้ารอคอยวันนี้”
นางมองดูพวกเด็กๆ กล่าวด้วยความอิจฉา: “ความจริงคนที่มีบุญวาสนาที่สุดก็คือท่านพี่เสียนเฟย ลูกชายได้เป็นรัชทายาท พระชายารัชทายาทก็มีความสามารถ อีกทั้งมีหลานๆที่เฉลียวฉลาดน่ารักเพียงนี้.......แต่ว่า นางสุขภาพไม่ดี หวังว่านางจะสามารถหายดีได้ในเร็ววัน”
สีหน้าของฮองเฮาฉู่ขุ่นเคืองเล็กน้อยแล้ว นางเป็นฮองเฮา อ๋องฉีคือลูกชายของเมียหลวง กับไม่ได้เป็นรัชทายาท แม้ว่าหลังจากที่ถูกท่านพ่อว่ากล่าวและปลงตกแล้ว แต่ตอนนี้ได้ยินคำพูดของหลู่เฟยก็ยังคงไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ลูกชายของนางไม่มีอนาคต ไร้ยศไร้ตำแหน่ง พระชายาหลวงก็ตายจากไปผู้หนึ่งชายารองก็จากไปผู้หนึ่ง ตอนนี้ยังเป็นโสดอยู่แน่ะ
ฉะนั้น นางกล่าวเบาๆ: “ไม่แน่ว่าเสียนเฟยจะมีบุญวาสนา หรือว่าเพราะบุญวาสนาน้อย รับไม่ได้ มิเช่นนั้นจะป่วยจนไม่ได้เสพสุขกับบุญวาสนานี้ได้อย่างไรล่ะ?”
ฐานะที่เป็นฮองเฮา พูดวาจาเช่นนี้จริงๆแล้วไม่เหมาะสม ผู้คนในเหตุการณ์ล้วนตะลึงไปครู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน
OMG ไม่คิดว่าจะอ่านจบ 2105 หน้าสุดปัง เรื่องสนุกมาก ดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม มีความเรียลจนบางตอนมีน้ำตาซึมตามเพีาะความประทับใจ สนุกมากจริงๆทอยากให้มีภาคลูกไปบ้าง...
กลับมาอ่านอีกครั้ง สนุกจริง...
สนุกมากค่ะ มีต่อไหมคะ...
สองขาของหยู่เหวินเห้าก็คดงอคุกเข่าลงอย่างช่วยไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจเลยสักนิดว่า “ลูกยินดียอมรับโทษทัณฑ์ที่เหลือของเสด็จพ่อ ชอบข้อความบทนี้ตลกดีคะพระเอก ตอน 394...
1...
1...
เพิ่งอ่านได้ 2ร้อยกว่าหน้า สนุกน่าติดตามมาก แต่ทั้งเรื่องมี2พันกว่าหน้า ทำไงจะอ่านจบ...
ขอบคุณผู้แต่ง และ novelones มากๆค่ะ ดีที่สุด อ่านรอบที่ 4 แล้วก็ยังสนุกครบรส ❤️...
เรื่องนี้ถือว่าสมบูรณ์มากสนุกต้นถึงจบ อยากให้เป็นซีรี่ย์...
สนุก ตลกดี เนื้อเรื่องชวนติดตามแต่คำผิดเยอะไปหน่อยค่ะ...