บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 796

หมาป่าหิมะค่อย ๆ หมอบตัวลงไปกับพื้น เก็บไฟโทสะในดวงตาสีแดงฉานกลับไปจนหมด แล้วแทนที่ด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรเชื่อฟัง ว่านอนสอนง่ายขึ้นมาแทน

ย่าหยวนได้กลิ่นเลือดมาจากตัวเฝิงโร่ จึงพยายามพูดอย่างยากลำบากว่า: “เจ้าปล่อยข้าซะเถอะ รีบไปห้ามเลือดจะดีกว่า ถ้าเสียเลือดมากเกินไปเจ้าจะตายได้นะ”

ถูกหมาป่าตัวหนึ่งทำร้ายจนบาดเจ็บ นับเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของนางแล้ว แม้ว่าหมาป่าหิมะจะหมอบลงไปแล้วก็จริง แต่นางก็ยังไม่กล้าชะล่าใจ มือคว้าจับตัวย่าหยวนมาบังข้างหน้าตัวเองไว้ จนกระทั่งนางเดินออกไปได้ ถึงค่อยผลักย่าหยวนกลับเข้าไป

นางจ้องไปที่หมาป่าหิมะที่อยู่นอกม่านครู่หนึ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมพิษถึงยังไม่กำเริบอีก?

ได้! ให้แกมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย ถ้าพิษมันฆ่าแกไม่ได้ ข้านี่ล่ะจะเป็นคนฆ่าแกเอง! เฝิงโร่เดินถลันออกไปห้ามเลือดอย่างโกรธแค้น

ย่าหยวนหยัดกายให้มั่นคง เข้าไปกอดหมาป่าหิมะแน่น ทั้งเป็นห่วงทั้งหวาดวิตก "ถูกพิษแล้ว นี่ข้าควรทำอย่างไรดีล่ะ? สารหนูตั้งมากมายขนาดนั้น มันถึงตายได้จริง ๆ นะ"

แต่หมาป่าหิมะกลับใบหูตั้งตรงแหน็ว นั่งบนพื้นพลางวางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ของท่านย่า ท่าทางภูมิอกภูมิใจสุดขีด ไม่ปรากฏอาการว่าถูกพิษเลยแม้แต่น้อย

ท่านย่าประหลาดใจมาก โอบหัวของมันเข้ามาจ้องมองที่ดวงตาชัด ๆ รวมถึงฟังเสียงหัวใจเต้น ดูเหมือนว่ามันจะไม่ถูกพิษจริง ๆ

“นี่เจ้าต้านพิษได้รึนี่!” ท่านย่าดีใจแทบแย่แล้ว

หมาป่าหิมะเชิดหน้าเงยขึ้น แสดงท่าทางโอ้อวดเหมือนว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าศัตรู

“แต่นับจากนี้ไปอย่าได้กัดใครเข้าอีกล่ะ ถ้าเจ้าไปกัดใครอีก พวกนั้นจะพยายามหาทางจัดการกับพวกเรา แล้วสุดท้าย พวกเราก็จะต้องตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอนาถมากเป็นแน่” ท่านย่าตักเตือน

หมาป่าหิมะนอนหมอบอยู่บนพื้น ส่งเสียงครางงี้ด ๆ ขึ้นมาสองครั้ง แน่นอนว่ามันรู้เรื่องนี้ดี ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่มันคงจะกัดผู้หญิงคนนั้นจนตายไปเสียนานแล้ว มันเป็นหมาป่าที่ฉลาดมาก เกิดมันกัดคนจนตายขึ้นมาจริง ๆ ในระหว่างที่ยังล่องลอยกันอยู่ใจกลางแม่น้ำสายนี้ มันจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ?

เฝิงโร่ออกไปได้ ก็รีบไปบอกท่านอู๋ทันทีว่าพิษที่วางใส่หมาป่าหิมะนั้นไม่ได้ผล หมาป่าหิมะไม่ถูกพิษ แต่กลายเป็นว่ามันหันกลับมากัดนางแทน

ท่านอู๋ขมวดคิ้ว “ใช้ยาพิษก็ยังไม่ตายอีกรึ? ดูไปแล้วเหมือนว่าจะไม่ใช่หมาป่าธรรมดาแน่แล้ว อย่าเพิ่งไปยั่วโมโหอะไรมันตอนนี้ หลีกเลี่ยงปัญหายุ่งยากที่อาจจะตามมา โชคดีที่อย่างน้อยมันเป็นหมาป่าที่ถูกเลี้ยงดูอยู่ในจวน จึงไม่มีความดุร้ายกระหายเลือด แค่กัดเสร็จก็หยุด ถ้าเป็นหมาป่าที่อยู่ในป่าเขา ไม่แน่ว่าชีวิตนี้ของเจ้าก็อาจรักษาไว้ไม่ได้ ในเมื่อมันไม่ใช่ภัยคุกคามที่ใหญ่โตอะไรนัก ก็ปล่อยมันไปก่อน อย่าทำให้งานใหญ่เสียหาย คนต้องส่งไปที่ซีเจ้อให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ รอให้ขึ้นฝั่งก่อน” เฝิงโร่เพิ่งพันแผลเสร็จ ในดวงตาปรากฏแววอาฆาตฉายชัด “ข้าจะต้องฆ่ามันด้วยมือตัวเองให้ได้”

“รอให้ขึ้นฝั่ง เจ้าจะกินมันตุ๋นมันก็แล้วแต่เจ้า อาศัยความสามารถของตัวเองให้ได้ก็แล้วกัน ตอนนี้อย่าได้ทำอะไรที่จะส่งผลให้งานล่าช้าเป็นอันขาด ” ท่านอู๋พูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไป

เมื่ออ๋องชินเฟิงอันและพระชายามาถึงเมืองหลวง ทั้งสองก็ตรงไปที่จวนอ๋องฉู่ทันที

หลังจากที่หยู่เหวินเห้าเล่าทุกอย่างออกไปจนหมดแล้ว จึงถามถึงเรื่องราวในอดีต ว่าเวลานั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น “ สรุปว่าตอนนั้นเป็นใครที่ใส่ร้ายอ๋องชินยู่กันแน่? เพราะอะไรเรื่องราวจึงดำเนินไปจนถึงขั้นต้องโทษประหารทั้งตระกูล?”

อ๋องชินเฟิงอันนั่งทับส้นเท้าและยืดหลังตรงบนที่นั่ง มีเสือขนสีทองคลานอยู่ใต้เท้าของเขา ดูเชื่องจนเหมือนแมวยักษ์ตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ใบหน้าของเขาดูมืดมนอยู่หลายส่วน หลุมฝังศพของบิดาถูกขุด ไม่ว่าใครก็คงต้องรู้สึกโกรธแค้นกันทั้งนั้น

แต่เขาไม่รีบร้อนเล่าออกมา แค่สั่งคนให้ไปเตรียมเนื้อมาให้เสือขนทอง แล้วมองดูมันด้วยสายตาอ่อนโยนจนมันกินเสร็จ ถึงค่อยพูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ในตอนนั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องเต้ฮุยจงเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะฮ่องเต้เซี่ยนประชวรหนัก ทรงมีราชโองการสั่งให้ประหารเขา ในเวลานั้นฮ่องเต้ฮุยจงได้รับพระราชทานแต่งตั้งชั้นยศขึ้นเป็นรัชทายาทแล้ว ทรงเฝ้าดูแลพระอาการประชวรอยู่ในวัง ราชโองการนั้นเป็นพระประสงค์ของพระองค์ จึงคิดว่าเขาเป็นผู้บงการ ในตอนนั้นข้าเองก็อยู่ในวังด้วยเช่นกัน สามารถเป็นพยานในเหตุการณ์นั้นได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน