บัลลังก์หมอยาเซียน นิยาย บท 869

หยู่เหวินเห้าหายใจลำบากขึ้นมาในพริบตา “ไม่......ไม่ เหาะก็ไม่ได้”

“เหาะก็ไม่ได้? เช่นนั้นจุดไฟได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ?” ทังหยวนเอ่ยถาม

“เล่นไฟไม่ได้ เล่นไฟอันตราย” หยู่เหวินเห้ากล่าวเตือน ชะงักครู่หนึ่ง “เจ้าบอกว่าจุดไฟ คือจุดอย่างไร?”

ทังหยวนเอาหินจุดไฟออกมาจากหน้าอกสองก้อน เคาะกันต่อหน้าหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าโล่งใจเล็กน้อย “จุดไฟเช่นนี้ไม่ต้องให้เจ้าทำ แม่นมจะจุดให้พวกเจ้า......”

“ฮั่ว” เสียงหนึ่ง ประกายไฟของหินจุดไฟผุดออกมา ทังหยวนเป่าลมออกไปทีหนึ่ง ไฟนั่นพุ่งขึ้นตรงหน้าของหยู่เหวินเห้าทันที เผาคิ้วและเส้นผมจนเกิดเสียงซู่ซู่

หยวนชิงหลิงตกใจมาก ฉวยหยิบน้ำแก้วหนึ่งสาดเข้าไป ดับไฟให้เขา

หยู่เหวินเห้าโมโหจนตัวสั่น มือทั้งสองข้างเช็ดถูหน้าครู่หนึ่ง เช็ดขี้เถ้าเต็มทั้งมือ บนหน้าและหว่างคิ้วเจ็บร้อน “คิ้วไม่มีแล้ว”

หยวนชิงหลิงเช็ดให้เขาเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวข้าวาดให้ท่านเส้นหนึ่ง”

“ยายหยวน พวกเขาทั้งสาม......” หยู่เหวินเห้าแทบจะเสียสติแล้ว ยายหยวนยังสงบนิ่งเช่นนี้อีก “หากว่าถูกคนอื่นรู้ว่าพวกเขาสามารถเหาะเหินดำดินได้......”

ดำดินไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ” ทั้งสามขัดจังหวะพร้อมกัน

“ปิดปาก!” หยู่เหวินเห้าตำหนิ

หยวนชิงหลิงกล่าวปลอบ: “อย่าคิดร้ายเกินไป ดูแลให้ดีหน่อยก็ได้แล้ว ลูกๆมีความสามารถมากเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ดีกว่าโง่เขลา”

“โง่เขลาก็ไม่ดี ปกติดีที่สุด เช่นนี้อันตรายนะ” หยู่เหวินเห้าเปลี่ยนน้ำเสียง ดุเช่นนี้ก็ทำให้พวกเขาตกใจจริงๆ ที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขาก็อาจจะสู้ไม่ชนะพวกเขาทั้งสาม คิดๆแล้วก็ใช้การไม่ได้เป็นอย่างมาก “โตแล้วความสามารถมากก็ไม่เป็นไร ตัวเองรู้จักประมาณ แต่ตอนนี้เพิ่งจะสองขวบ อะไรก็ไม่รู้เรื่องแต่กลับมีความสามารถที่ทำให้โลกตะลึง นี่จะทำให้คนไม่เป็นห่วงได้อย่างไร?”

หยวนชิงหลิงหยิบยาทาออกมาทาหน้าให้เขา กล่าว: “หลังจากนี้ดูแลให้ดีหน่อย ไม่สามารถเผยความสามารถออกมาตามอำเภอใจได้ ท่านดูว่ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ พวกเราไปหาเจ้าอาวาส หรือเชิญเขามาเมืองหลวงก็ได้”

“พรุ่งนี้ข้าจะสั่งให้คนไปรับเขามาเมืองหลวง” หยู่เหวินเห้าทอดถอนใจ มองดูทั้งสามคนที่งุนงงจนทำตัวไม่ถูก “เอาล่ะ พ่อไม่ได้จะดุพวกเจ้า เป็นการพูดคุยด้วยเหตุผล อย่างไรเสียพวกเจ้าจงจำไว้ว่า ไม่สามารถเผยความสามารถของตัวเองออกมาต่อหน้าผู้ใดได้ ไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้ รู้หรือไม่?”

“รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” พวกเด็กตอบรับ แต่ใบหน้าน้อยๆยังคงมีความผิดหวัง พวกเขารู้สึกว่าเช่นนี้จะทำให้คนดีใจได้ แต่ท่านพ่อและท่านแม่กลับร้อนใจเช่นนี้ ไม่มีท่าทางดีใจสักนิด

หยวนชิงหลิงนั่งลง อ้าแขนโอบกอดพวกเขาทั้งสามเขาอ้อมอก หอมแก้มทั้งสามคนเหมือนดั่งแมลงปอจิบน้ำ กล่าวด้วยใบหน้าอ่อนโยน: “ท่านพ่อกับท่านแม่ล้วนดีใจเป็นอย่างมาก ชั่งปลื้มใจนัก พวกเจ้าเพิ่งจะสองขวบแต่กลับมีความสามารถมากมายเช่นนี้ ชั่งยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว”

“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เจ้าตัวน้อยทั้งสามมองดูหยู่เหวินเห้า ในตามีความสงสัย ท่าทางของท่านพ่อดูไม่เหมือนดีใจนี่

“แน่นอนว่าเป็นความจริง ความสามารถมากเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่านะ ท่านพ่อพูดมีเหตุผล ตอนนี้พวกเจ้ายังเล็ก ไม่สามารถแยกแยะดีชั่วได้ ไม่สามารถแยกแยะความจริงได้อย่างกระจ่าง ดังนั้นความสามารถเช่นนี้พวกเราต้องซ่อนเอาไว้ อย่าให้คนอื่นรู้ง่ายๆ รอพวกเจ้าโตแล้ว ใช้ความสามารถของพวกเจ้าตอบแทนบุญคุณราชสำนัก ให้บริการประชาชน หากเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อกับข้าก็จะภูมิใจในตัวพวกเจ้าเป็นแน่”

“เช่นนั้นทำอย่างไรจึงจะสามารถแยกแยะดีชั่วได้พ่ะย่ะค่ะ?” ซาลาเปาเอ่ยถาม

“นับตั้งแต่พรุ่งนี้ไป พวกเจ้าต้องศึกษาหาความรู้กับใต้เท้าทังหยาง เรียนรู้หลักการ เรียนรู้หลักการใหญ่แล้ว ในใจก็จะมีมาตรฐาน สามารถแยกแยะดีชั่วได้อย่างกระจ่าง แยกแยะว่าถูกหรือผิด เมื่อวันหนึ่ง เวลาที่จิตใจความคิดสติปัญญาของพวกเจ้าเพียงพอที่จะควบคุมความสามารถของพวกเจ้าได้ จึงจะไม่กลัวคนอื่นรู้”

“พ่ะย่ะค่ะ!” ตัวน้อยทั้งสามตอบรับอย่างพร้อมเพรียง “พวกเราจะเรียนหนังสืออย่างตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ”

หยวนชิงหลิงมองดูพวกเขาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ แล้วกอดอีกครู่หนึ่ง “สวรรค์รู้ ในใจของข้าภูมิใจเพียงใด พวกเจ้าคือลูกสุดที่รักที่สวรรค์ประทานให้แม่เชียวนะ”

เด็กน้อยทั้งสามล้วนหัวเราะแล้วเกาะติดอยู่ในอ้อมกอดของหยวนชิงหลิง หนึ่งคนหันไปหอมบนใบหน้าของนางครั้งหนึ่ง

นัยน์ตาของหยวนชิงหลิงเปียกชื้น “ดี พวกลูกรัก ไปเถอะ ไปหาแม่นม ข้าใส่ยาให้ท่านพ่อของพวกเจ้า”

เด็กน้อยทั้งสามตอบรับแล้วออกไปอย่างว่านอนสอนง่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์หมอยาเซียน