เข้าสู่ระบบผ่าน

บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 510

ประทัดที่ถูกจำหน่ายในเมืองฝูมีส่วนผสมเป็นดินประสิว กำมะถัน และถ่าน เมื่อประทัดระเบิดออกจะเกิดเสียงดังและมีควันโขมง

บางคนซื้อประทัดเหล่านั้นมาใช้และพบว่ามันทั้งเสียงดัง มีควันเยอะ ซึ่งไม่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง

หวังหยวนจึงผสมดินปืนลงไป จากนั้นใช้กระดาษฟั่นเป็นเกลียวเพื่อทำประทัด

เสียงประทัดทำให้เหล่าชาวบ้านตกใจ

“ตกลง!”

เมื่อได้รับอนุญาต ต้าหู่ก็หยิบประทัดขึ้นมาแล้วจุดไฟก่อนโยนทิ้ง!

ชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นต่างปิดหูอย่างรวดเร็ว!

ปัง ปัง!

เสียงระเบิดดังขึ้น เปลวไฟสว่างวาบ ตามมาด้วยควันหนาทึบ!

“ข้าขอหนึ่งอันสิ!”

“พี่หู่ ข้าขอด้วย!”

“ข้าก็อยากเล่นเช่นกัน!”

หวังซื่อไห่ หวังเอ้อโกว หวังเถียนอัน และชาวบ้านหลายคนไม่ได้ที่จะเขยิบไปข้างหน้า!

ต้าหู่จุดประทัดอันต่อไปด้วยความปวดใจ ขณะที่เหล่าชาวบ้านต่างระมัดระวังมากขึ้น!

ปัง... ปัง!

เสียงประทัดดังกระหึ่มไปทั่วหมู่บ้าน!

เหล่าผู้เฒ่านั่งมองอยู่ในที่ไกล ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

ในอดีตเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน พวกชาวบ้านไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อประทัด ดังนั้นพวกเขาจึงโยนไม้ไผ่ลงในกองไฟแทน

แต่ในที่สุดปีนี้ก็เป็นปีที่ดี และในตอนนี้พวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตเช่นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว

หวังหยวนมองดูภาพตรงหน้าพร้อมยิ้มกว้าง!

ตอนนั้นเองกัวฉางก็ควบม้าเข้าในหมู่บ้าน ขณะตะโกนด้วยสีหน้ามีความสุข “ผู้มีพระคุณ!”

“ตรุษจีนมาถึงแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่ฉลองอยู่ที่บ้านเล่า มาทำอะไรที่นี่!”

หวังหยวนถามด้วยรอยยิ้ม

สามวันก่อนถึงเทศกาลตรุษจีน โรงงานทั้งห้าแห่งประกาศหยุด และจะเปิดทำการอีกในวันที่แปด

ยกเว้นการก่อสร้างอาคารใหม่ ดังนั้นผู้คนจึงรู้สึกเกียจคร้านไม่น้อย!

อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าสามพี่น้องตระกูลกัวไม่ใช่คนเกียจคร้าน พวกเขาออกไปตระเวนซื้อทาสที่ถูกขายในเมืองทุกวัน

“ผู้มีพระคุณ วันนี้ข้าเดินทางเข้าไปในเมืองและได้รับจดหมายจากตระกูลหลี่แห่งเมืองโจว ดูเหมือนว่าจะเป็นจดหมายของฮูหยินขอรับ!”

กัวเฉิงลงจากหลังม้าพลางหยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นยื่นจดหมายไปตรงหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง

“ซื่อหานส่งจดหมายมาแล้วรึ!”

ดวงตาของหวังหยวนเปล่งงประกายทันที เขารีบรับจดหมายมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มรูปงามมองจดหมายในมือก่อนเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว

ซื่อไห่ ต้าหู่ และชาวบ้านหลายคนต่างกลั้นหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะสูดหายใจเข้า

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าพี่หยวนและซื่อหานคิดถึงกันและกันมากเพียงใด หลังจากที่ต้องอยู่ห่างกันเป็นเวลานาน

ทุกคนมองชายหนุ่มรู้งามตรงหน้า ทว่าจู่ ๆ คิ้วและดวงตาที่เคยฉายแววความสุขก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง

“ถึงสามีสุดที่รัก!

หลังจากที่พวกเราแยกทางกันเป็นเวลาสองเดือน เมื่อไม่ได้เจอหน้าท่าน ข้าก็คิดถึงท่านทั้งเช้าและเย็น

เมื่อสามปีที่แล้ว ตระกูลหลี่ต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ไม่มีผู้ใดในเมืองฝูกล้าแต่งงานกับข้า แต่ท่านกลับไม่หวั่นต่ออันตรายและแต่งงานกับข้า ดังนั้นข้าจึงไม่มีวันลืมความเมตตาในครั้งนั้น

หลังจากแต่งงาน ท่านต้องทนทุกข์ต่อความอับอายมากมาย แต่ข้าก็ยังยึดมั่นในความตั้งใจเดิม และสาบานว่าจะติดตามท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

อย่างไรก็ตาม สามีของข้าไม่มีวันละโมบและต้องการรางวัลตอบแทนในการปราบปรามชาวหวง หากท่านทำสอบคัดเลือกขุนนางเคอจี่ไม่ผ่าน ราชสำนักก็คงมารังแกท่านเช่นนี้

ตอนนี้ฝ่าบาททรงดูหมิ่นสามีของข้า หากท่านยังมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่ ไม่ช้าก็เร็วเรื่องต่าง ๆ คงต้องซับซ้อนกว่าเดิม

อาชีพของพ่อข้าต้องเจอกับความไม่แน่นอน รวมไปถึงพี่ใหญ่ พี่รอง และน้องสามของข้าที่พยายามร่ำเรียนอย่างหนัก

ข้าทนเห็นพวกเขาต้องพยายามอย่างหนักไปตลอดชีวิตไม่ได้ และไม่ต้องการให้ทุกอย่างสูญเปล่า!

ดังนั้นข้าจึงเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อแจ้งให้ท่านรู้ว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของพวกเราได้สิ้นสุดลงแล้ว!

อย่ามาที่เมืองฝูเพื่อตามหาข้าเลย!

ตอนนี้ข้าเจอคนดีแล้ว เขาคือคุณชายจากตระกูลผู้ตรวจราชการมณฑล ผู้ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะจู่เหริน!

ข้าหวังว่าท่านจะเคารพการตัดสินใจของข้า และอย่าทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปกว่านี้เลย!”

เมื่อเห็นท่าทีของหวังหยวนเปลี่ยนไป กัวฉางจึงเอ่ยถาม “ผู้มีพระคุณ เป็นอะไรไปรึ?”

ซื่อไห่และต้าหู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างขมวดคิ้ว พวกเขาสังเกตเห็นความผิดปกติได้อย่างชัดเจน!

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่