บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 56

ท่านไป๋หลี่มองไปที่หวังหยวนอีกครั้ง “สหายน้อย เช่นนั้นเรามาคุยกันแบบสบาย ๆ เถอะ!”

“ดูเหมือนว่าหากวันนี้ข้าไม่พูดอะไรเลย ท่านไป๋หลี่จะไม่ยอมปล่อยข้าไป”

หวังหยวนเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริง ๆ แต่ข้าสามารถเสนอแนะเกี่ยวกับการทำเงินได้นิดหน่อย”

“ทำเงินรึ?”

ดวงตาของท่านไป๋หลี่เป็นประกาย “สหายน้อยโปรดชี้แนะ!”

พอไม่พูดเรื่องเก็บภาษีก็ยังมีวิธีหาเงิน คำกล่าวของสหายน้อยผู้นี้ชวนให้กระชุ่มกระชวยเสียจริง!

หลี่ซานซือจ้องมองหวังหยวน ‘เจ้ากล้าพูดเรื่องสำคัญของประเทศเชียวรึ!’

หลิวเจี้ยนเย่ตะคอก ‘ข้าไม่เชื่อว่าคนบ้านนอกเสเพลผู้นี้จะเก่งไปกว่าข้าด้านความรู้เรื่องภาษี’

หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านกำลังทำธุรกิจใช่หรือไม่? แน่นอนว่าใครก็ตามที่มีเงินก็ทำธุรกิจได้ทั้งนั้น กลับกันผู้ที่ทำงานหนักตลอดทั้งวันกลับไม่สามารถทำเงินได้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักเพียงใดก็ตาม”

ท่านไป๋หลี่ปรบมือแล้วหัวเราะ “สหายน้อย ขอเพียงมีเงินก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ แต่จะทำอย่างไรล่ะ?”

หลี่ซานซือและหลิวเจี้ยนเย่รู้สึกหนาววาบที่กระดูกสันหลัง ‘พวกข้าทั้งสองจัดว่ามีเงินเหมือนกัน’

หวังหยวนกล่าว “เราอาจต้องทลายกำแพงจัตุรัสเมืองลง ไม่ควรแบ่งแยกเขตเมืองด้วยกำแพงอีกต่อไป คราวนี้การค้าจะยิ่งแพร่หลายไร้ข้อจำกัดมากขึ้น”

เมืองต้าเย่ปกครองด้วยระบบเทศบาล แบ่งเขตที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ออกจากกันอย่างชัดแจ้ง

ตัวเมืองถูกคั่นด้วยกำแพงสูง

เจ้าหน้าที่จะเปิดประตูเมืองตอนเช้า แล้วตีฆ้องบอกเวลาพร้อมกับปิดประตูเมืองหลังจากตะวันตกดิน

ข้อดีคือรัฐสามารถป้องกันเมืองได้ง่าย แต่ข้อเสียคือการทำการค้าไม่สะดวก

ประเทศจีนสมัยราชวงศ์ถังปกครองด้วยระบบเมือง หลังจากการยกเลิกระบบดังกล่าวในสมัยราชวงศ์ซ่ง การค้าขายก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก ภาษีของศาลก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ไม่มีขาดแคลนเงินอีกต่อไป

ท่านไป๋ลี่พยักหน้า “ความคิดนี้มีประโยชน์จริง ๆ!”

เมื่อมีร้านค้าอยู่ทุกหนทุกแห่งในตัวเมือง จะยิ่งทำให้การจับจ่ายใช้สอยสะดวกยิ่งขึ้น ส่งผลให้รายได้และภาษีเพิ่มตาม

หวังหยวนกล่าวเสริม “รื้อกำแพงเมืองอย่างเดียวไม่พอ เราต้องสร้างพื้นที่เศรษฐกิจยามค่ำคืนด้วย!”

ท่านไป๋หลี่กอบหมัด “ขอบังอาจถามสหายน้อยว่าพื้นที่เศรษฐกิจยามค่ำคืนเป็นอย่างไร?”

หวังหยวนอธิบาย “รัฐต้องอนุญาตให้ผู้คนทำการค้าในเวลากลางคืน จัดตั้งโรงละครหรือโคมไฟหลากสีสัน เพื่อให้ผู้คนอยากออกมาเดินเล่นในเวลากลางคืน ปล่อยให้พ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงลอยขายขนมบนท้องถนน ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าใครก็สามารถออกไปซื้อของในยามค่ำ คนร่ำรวยจะมีเวลาใช้เงิน คนยากจนก็จะมีเวลาทำมาหากิน คราวนี้เมืองของเราก็จะกลายเป็นเมืองที่ไม่มีวันหลับใหล”

เจ้าของบ้าน ผู้รากมากดี หรือแม้กระทั่งผู้มีอำนาจต่างก็มีเงินทั้งนั้น แต่ไม่มีเวลาพอที่จะใช้จ่าย

ดวงตาของท่านไป๋หลี่เป็นประกาย “สหายน้อยช่างมีความคิดดียิ่งนัก!”

ต้าเย่กำหนดช่วงเวลาออกนอกเคหสถาน ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกในเวลากลางคืน ดังนั้นทุกคนจึงอยู่แต่ในบ้านเรือน

ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม การอยู่บ้านไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เท่าไหร่ ชวนให้รู้สึกหดหู่ใจเสียเปล่า

หากสามารถทำการค้าได้ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน การจัดเก็บภาษีก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

หลี่ซานซือมองดูหวังหยวน ราวกับว่าเขาจำอีกฝ่ายไม่ได้ รู้สึกว่า ‘น้องเขย’ คนนี้แตกต่างไปจากเดิม

หวังหยวนขดริมฝีปาก

ช่างเป็นความคิดที่สูงส่งสำหรับยุคนี้จริง ๆ!

ถนนทุกสายในประเทศจีนต่างก็มีตลาดตอนกลางคืนกันทั้งนั้น บอกได้เลยว่าสภาพเศรษฐกิจคึกคักอย่างยิ่ง!

หลิวเจี้ยนเย่ส่ายหน้าและโต้แย้ง “ท่านไป๋หลี่ แม้มีข้อดีแต่ก็มีข้อเสีย หากรัฐรื้อกำแพงจัตุรัสเมืองและยกเลิกกำหนดเวลาออกนอกเคหสถาน จำนวนโจรและอันธพาลก็จะเพิ่มขึ้น แม้ว่ากลยุทธ์นี้ดูเหมือนจะดี แต่แท้จริงแล้วมันอันตรายมาก!”

“เจ้าหนู ถ้าโจรหรืออันธพาลเพิ่มขึ้น รัฐก็เพิ่มกำลังหน่วยลาดตระเวนได้ อย่าพูดจาขัดจังหวะ”

หลังจากหันมองหลิวเจี้ยนเย่ ท่านไป๋หลี่ก็หันกลับมามองหวังหยวน ก่อนจะกอบหมัดอีกครั้ง “สหายน้อย โปรดเสนอแนะต่อไป!”

เลือดลมของหลิวเจี้ยนเย่พุ่งสูง

หนึ่งคำก็สหายน้อย สองคำก็สหายน้อย สถานะของเขาสำหรับท่านไป๋หลี่ ดูเหมือนเทียบไม่ได้กับไอ้หนุ่มจอมเสเพลคนนี้เลย

หวังหยวนยืนขึ้นและกล่าวต่อ “เพียงสองอย่างนี้ก็เพียงพอแล้ว ตราบใดที่เมืองเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาทำการค้าเพื่อหาเลี้ยงชีพ เหล่าคนร่ำรวยทั้งหลายก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในตัวเมืองด้วยเช่นเดียวกัน ความต้องการซื้อบ้านเรือนในเมืองจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐสามารถขายที่ดินสำหรับสร้างบ้านได้ ถือเป็นการส่งเสริมการดำรงชีพของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น”

“นี่ถือเป็นแนวคิดอันยิ่งใหญ่!”

ท่านไป๋หลี่ยืนขึ้น “ข้าจะกลับไปเขียนรายงานต่อราชสำนัก อธิบายประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการรื้อกำแพงจัตุรัสเมือง!”

“ท่านไป๋หลี่ เดินช้า ๆ!”

ใบหน้าของหลี่ซานซือเปลี่ยนไปอย่างมาก พยายามห้ามปรามเขา “ที่นี่ปกครองด้วยระบบเทศบาลมานาน ใครก็ตามที่กล้ายกเลิกจะถูกโจมตีอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงท่าน!"

ท่านไป๋หลี่ขมวดคิ้ว ‘ผู้บังคับบัญชาไม่ชอบเขา ทั้งยังถูกลดขั้นมาถึงจุดนี้ ดังนั้นข้อเสนอของเขาอาจไม่เป็นจริง’

หวังหยวนเดินออกไป “ไม่ผิด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างใหญ่หลวงแน่! ทว่าผองเราเหล่าบัณฑิตควรทำอะไรบางอย่าง เพื่อสร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก เพื่อสร้างโชคชะตาให้กับผู้คน เพื่อสืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย และเพื่อสร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่