บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 57

บูม!

ประโยคง่าย ๆ เพียงสี่ประโยคนี้ เปรียบเสมือนระฆังมังกร ทำให้ทั้งสามคนตกใจ

เพื่อสร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก เพื่อสร้างโชคชะตาให้กับผู้คน เพื่อสืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!

บทกลอนสี่บาทนี้โด่งดังไปทั่วโลก แพร่กระจายไปตามยุคสมัย ทิ้งชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร์!

หลิวเจี้ยนเย่นึกอิจฉา “เขาแต่งบทกวีสี่บาทที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?”

ใบหน้าของหลี่ซานซือดูซับซ้อน

แม้ว่าสี่ประโยคนี้สามารถทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก แต่เขาก็ไม่สามารถก้าวสู่แนวหน้าได้ หากไม่ได้สอบเคอจวี่ และไม่ใช่ลูกเขยของตระหูลหลี่เช่นกัน

“สร้างมโนธรรมให้กับสวรรค์และโลก สร้างโชคชะตาให้กับผู้คน สืบทอดองค์ความรู้ของนักปราชญ์ไม่ให้สูญหาย สร้างสันติสุขให้แก่คนรุ่นหลัง!"

ท่านไป๋หลี่พึมพำทั้งน้ำตาไหลอาบหน้า ลุกขึ้นแล้วไล่ตามอีกฝ่ายออกไป “นายท่าน รอข้าด้วย!"

ชายสองคนวิ่งตามออกไป

เมื่อทั้งสามคนออกไปด้านนอก!

หวังหยวนและรถม้าของเขาก็หายไปแล้ว!

ท่านไป๋หลี่ประหลาดใจ “สหายน้อยหวูโยว เซียนเซิงท่านนี้มาอยู่ในจวนของเจ้าได้อย่างไร? ระหว่างพวกเจ้ามีความสัมพันธ์เช่นไรกัน? รู้หรือไม่ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน? ข้าอยากไปเยี่ยมเขา!”

หลิวเจี้ยนเย่กัดฟันกรอด ‘จากสหายน้อยกลายมาเป็นเซียนเซิง เจ้าเสเพลนั่นชักจะได้รับเกียรติเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้ว’

หลี่ซานซือถอนหายใจ “เขา… ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและข้าค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นข้าจะไม่กล่าวถึง หากท่านต้องการไปเยี่ยมเขา เช่นนั้นก็ไปที่ตำบลเป่ยผิง หมู่บ้านต้าหวัง และตามหาหวังหยวน!"

เพียงสี่ประโยคนี้ ไม่เพียงพอสำหรับตระกูลหลี่ที่จะยอมรับเขาเป็นเขยได้

หากต้องการเป็นเขยที่ได้รับการเชิดหน้าชูตาของตระกูลหลี่ อย่างน้อยเขาควรมีชื่อเสียงที่ดี มิฉะนั้นจะเสียหน้ามาถึงท่านพ่อ

ครอบครัวบัณฑิตจะยอมรับลูกเขยที่เป็นเพียงถงเซิงได้อย่างไร?

“ตำบลเป่ยผิง หมู่บ้านต้าหวัง!”

ดวงตาของท่านไป๋หลี่สว่างขึ้นเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ ราวกับว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้มาก่อน

ตึก ตึก ตึก!

ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ก็ลงจากหลังม้า ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วกอบหมัดคำนับท่านไป๋หลี่ “ใต้เท้า หวังเอ้อโกวจอมหัวรั้นกำลังตีกลองเติงเหวิน ฟ้องร้องที่ว่าการอำเภอข้อหาละเมิดกฎหมายบ้านเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว!”

“โอ้!”

ท่านไป๋หลี่หรี่ตาลง กอบหมัดแล้วหันกลับมา “สหายน้อยหวูโยว เจ้าหนูเจี้ยนเย่ ไว้พบกันคราวหน้า!"

ทั้งสองคำนับซึ่งกันและกันเพื่อบอกลา

เมื่อท่านไป๋หลี่จากไป หลิวเจี้ยนเย่ก็แทบกัดลิ้นตนเอง “ไม่นึกเลยว่าที่แท้เขาก็คือนายอำเภอคนใหม่ จ้าวเว่ยหมิน!”

หลี่ซานซือหัวเราะเบา ๆ “นายอำเภอไป๋หลี่โหว นามแฝงของเขาคือท่านไป๋หลี่ เจ้าควรจะเชื่อมโยงเรื่องนี้ออก”

หลิวเจี้ยนเย่ลอบดูถูก “คนเสเพลผู้นั้นก็คงไม่คาดคิดเช่นกัน!”

หลี่ซานซือเฝ้าดูรถม้าเคลื่อนออกไป “น่าเสียดาย เขาเป็นถึงจิ้นซื่ออันดับหนึ่งหรือสองนี่แหละ แต่พลาดท่าเพราะให้คำแนะนำแก่กองทัพเกราะดำผิด ๆ หลังจากถูกลดตำแหน่งครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เขาถูกลดระดับลงจนเป็นเพียงนายอำเภอระดับเจ็ด โชคดีที่เขาไม่ลดละความทะเยอทะยาน ยังคงต้องการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน”

หลิวเจี้ยนเย่กอบหมัดไปทางหลี่ซานซี กล่าวคำอำลาด้วยความดูหมิ่นอย่างยิ่ง!

พวกชาวนาฐานะยากจนแต่กำเนิด ชะตาชีวิตถูกกำหนดมาให้ไร้ประโยชน์!

หลี่ซานซีกลับไปที่จวนของเขา

หญิงสาวถือถุงน้ำตาลและสบู่หนึ่งก้อนเข้ามา พลางกล่าวอย่างมีความสุข “สามี ท่านลองมาดูสองสิ่งนี้สิ ขนมพวกนี้เหมือนน้ำตาลคริสตัลที่ขายกันทั่วไปในเมืองโจวไม่มีผิด สบู่นี้มีกลิ่นหอมมาก และล้างสะอาดกว่า น้องสาวข้าบอกว่าทั้งหมดเป็นสินค้าของหวังหยวน สิ่งที่เขาทำขึ้นไม่ธรรมดาเลย!”

หลี่ซานซือเหยียดหยาม “ของเหล่านี้ไม่ใช่ของหรูหราอะไร แม้ว่าเขาจะคิดค้นขึ้นเองจริง แต่ก็ขายได้ในราคาเพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้นมิใช่หรือ? เทียบได้กับตระกูลหลิวที่ค้าขายเกลือมาสามชั่วอายุคนหรือไม่?”

หญิงสาวอ้าปากค้างแต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร

นางได้รับจดหมายจากเพื่อนสนิทของนางในเมืองโจว อีกฝ่ายเล่าให้นางฟังว่าช่วงนี้น้ำตาลคริสตัลเป็นที่นิยมอย่างไรบ้าง

หากขนมนี้ถูกทำขึ้นโดยหวังหยวนจริง ๆ อีกหน่อยรายได้คงไม่ด้อยไปกว่าเกลือ ที่ตระกูลหลิวขายภายในตัวอำเภอเลย!

แต่นางก็รู้ด้วยเช่นกันว่าสามีของนางดูถูกอาชีพพ่อค้าหาบเร่ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีก

หลี่ซานซือเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เจ้าจงแนะนำน้องสาวของข้าให้เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้ ท่านพ่อและข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวนางเอง หากเขามีความตั้งใจจริง บอกนางว่าหากเขาสอบไม่ผ่าน ตระกูลหลี่จะไม่มีวันยอมรับเขา ครอบครัวบัณฑิตจะไม่ยอมให้ลูกเขยไม่เอาไหนผู้นั้นทำให้ตระกูลหลี่เสื่อมเสีย”

เมื่อเห็นรถม้าของหวังหยวน สายตาของหลิวเจี้ยนเย่ก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้านั่นมาทำอะไร?”

พ่อของข้าวางตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อต่อสู้กับลูกชายฟุ่มเฟือยคนนี้ซึ่งสามารถส่งเขาเข้าคุกได้!

รถม้าทั้งสองคันหยุดอยู่หน้าประตู คนขับรถม้าของตระกูลหลิวรีบกล่าวว่า “นายน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไปที่ร้านขายของชำทางทิศตะวันตกของเมือง เพื่อขายของที่เรียกว่าสบู่ขอรับ!”

หลิวเจี้ยนเย่หรี่ตาลงและกล่าวอย่างเย็นชา “ชาวนาขาจมโคลนคนนั้นมีความสามารถในการแต่งกวีสี่บาทมิใช่รึ? เจ้าคงไม่อยากเป็นพ่อค้าต่ำต้อยขายของเพื่อหาเงินหรอกกระมัง ไปบอกร้านค้าบนถนนนั้นเสีย ใครก็ตามที่กล้าซื้อสบู่ของเขา เท่ากับคนผู้นั้นกล้าต่อต้านตระกูลหลิว!”

“ขอรับ นายน้อย!”

คนขับรถม้าหันหลังแล้ววิ่งออกไป!

หลิวเจี้ยนเย่เผยสีหน้าดุร้าย “ไอ้คนเสเพล ข้าจะทำให้เจ้าเจออุปสรรคทุกครั้งไป ในที่สุดก็ต้องติดคุก ถึงเวลานั้นเจ้าต้องคุกเข่าลงและยกซื่อหานให้เป็นผู้หญิงของข้า!”

บรรดาอาชีพต่าง ๆ เช่น ชาวนา ช่างฝีมือ หรือพ่อค้าในต้าเย่ แม้ว่าพ่อค้าจะมีเงินร่ำรวยเพียงใด แต่ก็ไร้ซึ่งสถานะ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมุ่งความสนใจไปที่การสอบเคอจวี่มาก ต่อให้ต้องแต่งภรรยาคนที่สอง ก็ต้องแต่งกับบุตรสาวของตระกูลหลี่

มีเงินไม่เท่ามีอำนาจ!

ต้าหู่ขับรถไปยังตลาดฝั่งตะวันตกของเมือง คิ้วของเขาขมวดแน่น ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อย

เขาและเอ้อหู่ไปยังที่ว่าการอำเภอ และได้พบกับท่านไป๋หลี่ รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าอีกฝ่ายดูเหมือนชายชราคนนั้น แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูไม่เหมือนเอาเสียเลย

นายอำเภอเป็นขุนนาง เขาควรสวมชุดที่ตัดเย็บจากผ้าไหมหรือผ้าต่วน แต่เสื้อผ้าที่ท่านไป๋หลี่สวมใส่กลับไม่ใช่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่