บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 7

“อืม ท่านพี่!”

“อย่าเรียกท่านพี่สิ เรียกเหล่ากง!”

“...ไม่ได้!”

“ทำไม?”

“ท่านพี่ เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที ท่านแค่ป่วย หาหมอดูอาการก็ดีขึ้นแล้ว ทำไมต้องดูถูกตัวเองแบบนี้ด้วย!”

"...เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที???”

"คำใช้เรียกขันทีถูกเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละราชวงศ์ที่ผ่านมา พวกเขาเรียกขันทีอย่างเป็นทางการว่าหวางเหมินและเตียวตัง บางคนได้รับเกียรติยกย่องเป็นเน่ยกว้าน เน่ยเฉิง จงกว้าน และจงกุ้ย นอกจากนี้ยังมีชื่อที่เสื่อมเสียเช่น เน่ยซู่ เหยียนเฉิน ไท่เจี้ยน เหยียนเหริน และเหล่ากง ขันทีก็เรียกว่าเหล่ากงเจ้าค่ะ"

“...ทำไมเจ้าถึงรู้เยอะนัก?”

“...ตอนเด็ก ๆ มีหมอดูผ่านบ้านข้า บอกว่าข้ามีดวงชะตานางหงส์ ท่านพ่อจึงอบรมให้ข้าเป็นกุลสตรี สอนมารยาทและธรรมเนียมในวังให้ด้วย”

“ดวงชะตานางหงส์?”

“ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย หมอดูคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋น ข้าจะไปมีดวงชะตานางหงส์ได้อย่างไร! หลังจากแต่งงานกับท่านแล้ว ตราบใดที่สามียังต้องการข้า ข้าก็จะรับใช้ท่านตลอดไป”

...

ในวันรุ่งขึ้น

หวังหานซานขับเกวียนล่อขนปลาลงในถังไม้ขนาดใหญ่พวกเขาทั้งห้าก็เตรียมตัวออกเดินทาง

หลี่ซื่อหานหยิบถุงผ้าสีแดงยัดใส่มือของหวังหยวน "ท่านพี่ ถ้าเงินขายปลาไม่พอ ก็ให้จำนำกำไลข้อมือวงนี้! ถ้าไม่พออีกก็ไปหาพี่ชายข้า เขาไม่มีทางทิ้งข้าไว้แน่"

“อยู่บ้านดี ๆ รอข้ากลับมา!”

หวังหยวนเก็บกำไลข้อมือไว้ที่อกเสื้อของเขา เกลี่ยนิ้วทัดผมข้างขมับของหญิงสาวให้เรียบร้อย และออกเดินทางไป

เมื่อปลายนิ้วสัมผัสแก้ม หลี่ซื่อหานก็หน้าแดงทันที

เมื่อคืนพวกเขาสองคนยังไม่เกินเลยกัน พวกเขาเพียงแค่กอด และพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน

แต่นางชอบสามีคนปัจจุบันของนางมาก

ทั้งอ่อนโยน มีน้ำใจ และอบอุ่น

มีสามีเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่เคยเป็นแบบนี้ นางก็เต็มใจ

ต้าหู่และหวังซื่อไห่ทั้งสองเดินนำหน้าไปก่อน

หวังหานซานขับเกวียนล่ออยู่ตรงกลาง

หวังหยวนและเอ๋อหู่ตามมาอยู่หลังเกวียน

ยุคนี้ไม่สงบนัก โดยเฉพาะเวลากลางคืน มักมีโจรผู้ร้ายโผล่มาบ่อยครั้ง

ถนนลูกรังขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่ระวังล้ออาจจะติดหล่มได้

หวังหานซานคุ้นเคยกับการเดินตอนกลางคืนเป็นอย่างดี และพวกเขาทั้งห้าคนก็ไม่พบปัญหาใด ๆ ระหว่างทาง

ท้องฟ้าเริ่มสว่าง เมืองที่ปรากฏขึ้นจากระยะไกลในสายตาของทั้งห้าคน

ขณะที่พวกเขาเดินไป เอ้อหู่ก็กระซิบเบา ๆ ว่า "พี่หยวนช่วยเปลี่ยนชื่อให้ข้าได้ไหม?"

หวังหยวนมีเครื่องหมายคำถามปรากฏบนใบหน้าของเขา

เอ้อหู่พูดเสียงดังทุ้มว่า “หมู่บ้านของเราคนชื่อ ‘หู่’ เยอะเกินไปแล้ว ต้าหู่ เอ้อหู่...ชีหู่ ปาหู่ เสี่ยวหู่ เฮยหู่ พางหู่ มีตั้งสองคนที่ชื่อเหมือนข้า ข้าอยากเป็นเหมือนพ่อ เมื่อก่อนพ่อชื่อต้าซาน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหานซานแล้ว ช่างองอาจนัก! พี่หยวนเป็นบัณฑิตเรียนหนังสือมาก็มาก คงช่วยเปลี่ยนชื่อได้”

มี 'เสือ' มากกว่าสิบตัวในหมู่บ้านต้าหวัง หวังหยวนหัวเราะและถามว่า "เจ้าอยากทำอะไรมากที่สุด?"

"ข้า!"

เอ้อหู่แอบมองด้านหลังพ่อแล้วกระซิบว่า "พี่หยวน ข้าอยากเข้าร่วมกองทัพเพื่อฆ่าข้าศึก ไล่พวกคนเถื่อนกลับไปทางเหนือ และนำดินแดนที่เสียไปของต้าเย่กลับคืนมา"

"..."

คนเถื่อนจากทางเหนือต่อสู้กับต้าเย่มาเป็นเวลาร้อยปี กินพื้นที่หนึ่งในสามของต้าเย่ไป หวังหยวนไม่เคยคิดเลยว่าคนที่อดอยากอย่างเอ้อหู่จะกล้ามีความคิดเช่นนี้ เขานิ่งอึ้งไปแล้วพูดว่า "งั้นก็เรียก โป้ลู แล้วกัน!"

เอ้อหู่ที่ได้ยินก็กระวนกระวายใจ "โป้โหล่ว กำแพงเมืองถล่ม หอคอยเมืองตีแตกแล้ว ทันทีที่ได้ยินก็รู้สึกว่าชื่อนี้อาภัพเกินไป พี่หยวน ช่วยเปลี่ยนให้มันฟังดูดีกว่านี้สิ ข้าไม่อยากถูกเรียกว่าโป้โหล่ว!”

หวังหยวนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ลู ที่แปลว่าเชลยข้าศึก เป็นคำเรียกโดยรวมของคนเถื่อน โป้ลูก็คือทลายข้าศึก ไม่ใช่กำแพงเมืองถล่ม”

“อ่อ แบบนี้นี่เอง!”

เอ้อหู่ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง “โป้ลู หวังโป้ลู ชื่อนี้น่าเกรงขามเหลือเกิน ขอบคุณพี่หยวน ต่อไปนี้ข้าชื่อหวังโป้ลู จะไม่เรียกหวังเอ้อหู่อีก ใครเรียกเอ้อหู่ข้าจะไม่หัน”

หวังหยวนกระพริบตาปริบ ๆ "เอ้อหู่?"

เอ้อหู่เงยหน้าขึ้น "อะไรรึ พี่หยวน?"

หวังหยวนเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดัง "ฮ่าฮ่าฮ่า!"

“พี่หยวน ท่านหัวเราะอะไร?”

เอ้อหู่คิดไม่ออก และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ จนหน้าแดงก่ำ "ยกเว้นพี่หยวน เรียกข้าว่าเอ้อหู่ได้ คนอื่นเรียกข้าจะเมินเขา"

ข้างหน้า หวังหานชานซึ่งกำลังขับเกวียนอยู่กล่าวว่า "เอ้อหู่ มานี่!"

"มาแล้ว!"

หวังเอ้อหู่ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น และเพิ่มประโยคในใจของเขาอีกประโยค นอกจากพี่หยวนและพ่อแล้ว ใครก็ตามที่เรียกว่าเอ้อหู่ เขาจะไม่สนใจอย่างแน่นอน!

ต้าหู่เอ่ยว่า "เจ้าไปช่วยพ่อขับเกวียนด้วยกัน ข้าจะไปอยู่กับพี่หยวนด้านหลัง!"

“...”

เอ้อหู่กัดฟัน "เช่นนั้นเพิ่มอีกคนหนึ่ง!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่