บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่ นิยาย บท 8

“เคารพเจ้าถิ่น?”

เห็นท่าทางของคนกลุ่มนี้ หวังหยวนก็นึกขึ้นมาได้ "พวกเจ้ามาที่นี่เอาค่าคุ้มครองใช่ไหม?"

ต้าหู่ เอ้อหู่กำหมัดแน่น และมายืนหลังหวังหยวน หวังหานซานขมวดคิ้วแน่น

หวังซื่อไห่พูดเสียงทุ้มต่ำ “หวังหยวน ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้บอกเจ้า นี่เป็นลูกพี่ใหญ่ค้าปลาของตลาดตะวันตก ‘น่าวซานเจียง’ มีลูกน้องตั้งสิบยี่สิบคน ไม่ว่าใครมาขายปลาต้องจ่ายส่วยให้เขาสองส่วนด้วยย”

“สองส่วน?”

หวังหยวนโกรธมาก “พวกเจ้าเก็บแพงกว่าทางการตั้งมากโข?”

ลำบากลำบนทำงานอย่างหนักอยู่สองวันเพื่อจับปลา ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อเข้าเมือง ทางการเก็บภาษีค้าขายแค่หนึ่งในสิบ แต่พวกอันธพาลเหล่านี้กล้าที่จะเก็บตั้งสองในสิบได้

เอ้อหู่จ้องเขม็ง

แม้แต่ต้าหู่ที่ใจเย็นและนิ่งอยู่เสมอยังกำมือแน่น จนเส้นเลือดปูดโปนไปหมด

แท้จริงแล้วพวกอันธพาลเหล่านี้มีเอาเปรียบขูดเลือดขูดเนื้อได้โหดเหี้ยมมากกว่าทางการเสียอีก

หวังหานซานจ้องไปที่ลูกชายทั้งสองแล้วส่ายหน้า

“อยากขายปลาที่ตลาดนี้ก็ต้องจ่ายมาสองในสิบ นี่เป็นกฎของตระกูลซาที่นี่ ไม่งั้นก็ทิ้งปลาไว้ แล้วไสหัวไปซะ”

น่าวซานเจียงยกมือขึ้นข่ม

ทั้งแปดขึ้นที่ก้าวเข้ามา มีทั้งกำหมัด มีดสั้น และไม้ลอง ทุกคนล้วนข่มขู่อย่างดุร้าย

หวังหยวนขมวดคิ้ว และชั่งน้ำหนักการได้เปรียบเสียเปรียบ

ฝ่ายตรงข้ามมีเก้าคน พกอาวุธครบมือ แถมยังต่อสู้อยู่บ่อย ๆ ด้วย

พวกเขาทั้งสี่คน ยกเว้นลุงหานซานผู้ช่ำชองที่เคยเป็นทหารเก่ามาก่อนก็พอสู้ได้ ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนเป็นชาวไร่ชาวนา จะเอาแรงที่ไหนไปชนะใครได้

แถมฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเจ้าถิ่นที่นี่ หากสู้กันเกรงว่าคงเรียกคนมาช่วยเพิ่มแน่

แต่จะมาเอาสองในสิบส่วนแบบนี้ เขาเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

“สองส่วนนี้พวกเจ้าก็ไม่ได้ให้เปล่า ๆ หรอกนะ”

น่าวซานเจียงยกมือขึ้น พวกลูกกระจ๊อกก็ยกตาชั่งเข้ามา “ตอนขายปลา พวกเราจะช่วยเจ้าชั่งปลา พวกเจ้าจะได้ไม่ลำบากเกินไป”

“ช่วย?”

หวังหยวนโกรธจนหัวเราะเย้ยหยันออกมา

หากินขูดเลือดขูดเนื้อได้ไร้ยางอายสิ้นดี

ชั่งปลาเองทั้งหมด มาเก็บส่วยสองส่วนแล้วไปง่าย ๆ แบบนี้เนี้ยนะ กะจะไม่ให้ขาดทุนเลยสินะ

ถ้าหากไปร้องเรียนไปถึงสำนักผู้ตรวจการ พวกเขาก็จะแถว่าเป็นค่าช่วยเหลือเอาน่ะสิ

“ว่าไง จะตกลงหรือไม่ตกลงว่ามา ตระกูลซาไม่มีเวลามาเสียให้กับคนอย่างเจ้าหรอกนะ”

น่าวซานเจียงดีดนิ้ว

ทั้งแปดคนมาล้อมรอบพวกเขาไว้

ต้าหู่ เอ้อหู่กำหมัดแน่น แต่หวังหานซานจ้องไปที่ทั้งคู่ส่ายหน้าห้ามไว้

เหตุผลบอกให้หวังหยวนก้มหัว แต่เขากับพูดไม่ออก

“บางครั้งมังกรยังต้องสยบให้งูดินนะ!”

หวังซื่อไห่พูดเกลี้ยกล่อมเขาเบา ๆ ก้าวไปข้างหน้ากำมือประสานคำนับ และพูดด้วยรอยยิ้ม "ลูกพี่ พวกเราล้วนก็เป็นพี่น้องกัน ส่วยนั้นพวกเราให้แน่นอน แต่ตอนนี้พี่ชายของข้าเป็นหนี้ก้อนโต เช่นนั้นขอลดส่วยไว้ชั่วคราวได้ไหม รอให้พี่ชายข้าผ่านช่วงเวลาที่ลำบากนี้ไปชดใช้หนี้นี้ได้ พวกเราจะจ่ายให้อย่างแน่นอน"

“พวกเราล้วนเป็นพี่น้อง!”

แววตาน่าวซานเจียงเป็นประกาย เขาชี้นิ้วไปที่หวังซื่อไห่และเดินเข้าไปตบหน้าเขา และยังถีบเข้าไปอีกพร้อมตะโกนด่าสาปว่า "ไอขี้ครอกอย่างแกนับว่าเป็นอะไรได้ กล้ามานับรวมตระกูลซาว่าเป็นพี่น้องงั้นรึ ตระกูลซาจะหักขาเจ้าแล้วเอาไปโยนทิ้งนอกตลาด”

อันธพาลทั้งสี่ล้อมตัวหวังซื่อไห่และทุบตีเขา

น่าวซานเจียงมองไปที่หวังหยวนและหัวเราะเย้ยหยัน "เจ้าหนู ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่ยอมใช่ไหม?"

ไม่ยอมสิโรราบแบบนี้ มันก็ต้องกระทืบสักยกแบบนี้แหละ

มิฉะนั้นเดี๋ยวคนที่ตลาดพาลจะได้ใจเอามากขึ้นเรื่อย ๆ

เห็นซื่อไห่ถูกกระทืบ หวังหยวนถูกขู่ เอ้อหู่สติขาดผึ่งกำหมัดแน่น จนเส้นเลือดปูดไปหมด ส่วนต้าหู่ก็โกรธจนคุมสีหน้าที่นิ่งเรียบราวกับน้ำแข็งไม่ไหวอีกต่อไป หวังหานซานกัดฟันแน่น จ้องเขม็งไปที่ลูกชายและส่ายหน้าห้ามไว้

“มารดาเจ้าสิ!"

เดิมทีคิดจะยอมจ่าย แต่หวังหยวนโกรธจนสติหลุดแล้ว เขาหันกลับไปหยิบแท่งไม้จากเกวียน แล้วฟาดลงไปบนหัวของน่าวซานเจียง แล้วพุ่งเข้าปาพวกอันธพาลทั้งสี่ที่ทำร้ายซื่อไห่ และตะโกนเสียงดังว่า “ลุงหานซาน ต้าหู่ เอ้อหู่ ไปที่ว่าการอำเภอเร็วเข้า!”

จ่ายส่วยสองในสิบ เขารับได้ แต่ทำให้ซื่อไห่ขาหัก เขาทนไม่ได้

หวังซื่อไห่มาขายและกับเขา ช่วยพูดให้เขา จะอยู่เฉย ๆไม่ได้

ปั้ก ปั้ก ปั้ก!

หวังหยวนวาดไม้ฟาดไล่ทั้งสี่คนออกไป แล้วรีบไปลากตัวหวังซื่อไห่ออกมา

คนทั้งตลาดตกใจจนอึ้งไปเลย!

ใครจะไปคิดว่าหวังหยวนจะกล้าลงมือฟาดเข้ากลางน่าวซานเจียงได้

“พ่อ!”

“พ่อ!”

ต้าหู่ เอ้อหู่โกรธใบหน้าบึ้งตึง และจ้องไปที่หวังหานซานที่ไม่พูดสักที

“เฮ้ย ไปสิ!”

หวังหานซานเองก็ตกใจ รีบโบกมือให้ทั้งคู่ไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน

ทั้งคู่ประหลาดใจ และรีบวิ่งพุ่งออกไปเหมือนสัตว์ป่าที่ถูกปล่อยออกมากรง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่