บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 100

ตอนที่100 งานเลี้ยงในวังเป็นเหตุ

คนที่ปรากฏในกระจก กู้อ้าวเวยไม่เคยเห็นมาก่อน

เปลือกตาลูกท้อของนางถูกทาด้วยเครื่องสำอางให้สวยงามขึ้น ปากทาด้วยสีแดงสด ชายเสื้อชุดสีดำขลิบทองมีนกกระเรียนขาวกระพือปีก ชุดดูเรียบง่ายแต่ไม่สูญเสียความงาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสีแดงของหัวนกกระเรียนที่บนหน้าอก ข้างปกคอเสื้อใช้ลายปักเมฆไหล สอดแทรกความกล้าหาญ ค่อนข้างเหมาะกับฐานะพระชายาจิ้ง

แต่กู้อ้าวเวยก็แค่ลุกขึ้น มองไปที่กระจกแล้วหลบตาหนี เครื่องประดับบนหัวเยอะมากเกินไป ค่อนข้างหนักไปนิด ก้มหัวอ่านหนังสือไม่สะดวก ได้แต่นั่งลง แล้วอดไม่ได้ที่จะประคองหัวของตนเอง “หนักขนาดนี้เลยเชียวหรือ”

“อย่าทำมันพังล่ะ” ฉีหรัวรีบตีมือนาง

ก็เลยเก็บมือดีๆ กู้อ้าวก็เลยพูดเบาๆว่า “งานเลี้ยงหลวงนี้คืองานเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา ทำไมข้ายังจะต้องแต่งตัวยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่กลัวว่าฮงเฮาจะคิดว่าข้าสวยเกินหน้าเกินตาท่านหรือ?”

“เจ้าเป็นพระชายาจิ้ง จะให้เจ้าสวยกว่าใครๆก็ได้” ถึงแม่ฉีหรัวจะไม่เคยเข้าวัง แต่ก็พูดมีเหตุผล “ในวังไม่เหมือนข้างนอก ข้างในนั้นทุกคนล้วนมียศตำแหน่งฐานะ เพื่อท่านอ๋องและตัวเจ้าเอง เจ้าจะมาเอาแต่ใจไม่ได้แล้วนะ”

“เจ้านี่รู้เยอะจริง ” กู้อ้าวเวยส่งเสียง “เหอะ” ออกมา แล้วเอามือลูบที่คอ

“มันแน่อยู่แล้ว เจ้าคิดว่าสำนักเยียนหยู่ปีๆหนึ่งต้องส่งเครื่องสำอางเข้าวังเท่าไร ” ฉีหรัวเอามือปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ แล้วพยุงนางลุกขึ้น ไปส่งนางที่ประตูตำหนักอ๋องด้วยตนเอง

ซ่านจินจื๋อใส่ชุดสีเลือดหมู เหมือนวันปกติ มีแต่สายตาที่มองไปยังกู้จี้เหยา เหมือนว่าจะเป็นประกายมากกว่าปกติ

นี่เป็นครั้งแรก ที่กู้อ้าวเวยแต่งตัวเต็มๆ ตั้งแต่เครื่องหยกบนหัว ไปจนถึงรองเท้าที่เย็บด้วยด้ายทอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ใช้เครื่องแป้งหอม

ถ้าจะบอกว่าเป็นสาวงามที่มีค่าควรเมืองก็ไม่แปลก

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็จะถูกคานประตูสะดุดไว้ ซ่านจินจื๋อเอามือช่วยพยุงนางขึ้น กลับได้ยินกู้อ้าวเวยเอามือตบๆที่หน้าอก “ถ้าล้มไปเสียไม่เป็นท่าเลย ก็น่าจะดี”

“เข้าวังแล้วจะมาพลาดไม่ได้แล้ว ” ซ่านจินจื๋อตักเตือน

“รับทราบ ท่านอ๋อง ” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างตั้งใจ แล้วก็เดินขึ้นรถม้าทั้งๆที่ซ่านจินจื๋อยังประคองอยู่

ไม่นานนัก ก็ถึงประตูวัง ทั้งสองยังต้องลงเดิน คนรับใช้ในวังมีระเบียบมาก ทุกคนไม่เพียงมีมารยาท แม้แต่การเดินยังมีระเบียบ

กู้อ้าวเวยเข้าวังมาไม่นานก็เกือบจะล้มอีก โชคดีซ่านจินจื๋อช่วยไว้ ไม่ก็ให้นางเกาะตนเองไว้ แล้วให้ลองเดินเอง เพราะกลัวว่านางจะใส่รองเท้าคู่ใหม่นี้แล้วล้ม

“รองเท้าคู่นี้ค่อนข้างคับ เจ้าตั้งใจให้ข้าใส่รองเท้าเล็กหรือ? ” กู้อ้าวเวยเกือบจะโดนรองเท้าคู่นี้กัดจนตาย

“วันนั้นที่ช่างเย็บผ้าเข้าไป เพราะเจ้าเองที่เลินเล่ออยากรีบๆเสร็จ ” ซ่านจินจื๋อก็ไม่อยากจะประคองจนถึงวัง แต่ก็กลัวนางไปล้มต่อหน้าฮ่องเต้

เบอะปาก ถ้านางรู้ว่าวันนี้จะผิดพลาด ก็คงจะไม่ประมาท

เงียบไม่พูดจา เดินเงียบๆมาจนถึงสถานที่จัดงาน ทุกคนนั่งลงรอฮ่องเต้และฮองเฮา ในฐานะราชนิกุล พวกเขานั่งกันด้านในโดยธรรมชาติ ขุนนางและภรรยานั่งด้านนอก อยู่นอกอาคารที่ไม่มีหลังคา

ซ่านจินเจ่อในฐานะที่เป็นน้องชายข้างกายฮ่องเต้ ได้นั่งข้างขวา

ส่วนองค์รัชทายาทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็พาพระชายาองค์รัชทายาทมาด้วย กู้อ้าวเวยมองไปรอบๆ องค์รัชทายาทดูเหมือนจะเป็นคนซื้อสัตย์ แต่พระชายาที่นั่งข้างๆมีดวงตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไร

องค์ชายสองนั่งข้างๆองค์รัชทายาท เมื่อนับแล้ว ก็เป็นโต๊ะฝั่งที่องค์ชายสามนั่งฝั่งข้างๆซ่านจินจื๋อ

ส่วนฉางอีฉินวันนี้ก็ตั้งใจแต่งตัวมา นั่งลงที่ข้างๆซ่านเซิ่งหาน เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยก็จ้องเขม็ง ทำให้กู้อ้าวเวยอดยิ้มไม่ได้ เลยดื่มชาหนึ่งจิบ

“เอาโจ๊กเก๋ากี้สาลี่หิมะมาถ้วยนึง”ซ่านจินจื๋อเรียกใช้คนข้างๆ

กู้อ้าวเวยตาเป็นประกาย ขอเพียงเป็นอาหารที่เกี่ยวกับสาลี่หิมะและน้ำผึ้งนางชอบหมด

ไม่นาน ขันทีผู้หนึ่งไม่เพียงเอาโจ๊กมา ทั้งยังเอาขนมมาเสริฟด้วย ยิ้มๆแล้วพูดว่า “กว่างานจะเริ่มคงอีกสักพัก ฮองเฮาให้ข้าน้อยเอาของพวกนี้มาเสริฟตามรับสั่ง”

“ขอบใจมาก” กู้อ้าวเวยยิ้มแบบหน้ารับแขก ทันใดก็จะรีบเอาช้อนตักชิม ซ่านจินจื๋อก็จับมือนางไว้ “ค่อยๆกิน ที่นี่คือวังหลวง”

“ก็ปกติเจ้าทำอะไรก็ช้าอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยไม่พอใจ แต่ก็กินอย่างช้าลง

สาลี่หิมะหวานมาก รสชาติไม่เลวจริงๆ

ซ่านจินจื๋อได้แต่ตามใจนาง แต่กลับไม่นึกว่าองค์รัชทายาทจะพูดกับกู้อ้าวเวยว่า “ท่านอาแต่งพระชายาปีนี้หรอกหรือ ขอแสดงความยินดีด้วย”

ซ่านจินจื๋อยกจอกเหล้าขึ้น และรับคำอวยพรนั้นไว้

กู้อ้าวเวยสนใจแต่จะกินขนมของตน เห็นพระชายารัชทายาทจ้องเขม็งมาที่ตน ก็เลยเอาขนมยัดเข้าไปในปากของซ่านจินจื๋อ ทั้งขำทั้งพูดว่า “พระชายารัชทายาทมีความแค้นกับข้าหรือ?”

“องค์รัชทายาทมีความค้นกับข้า ”ซ่านจินจื๋อตอบด้วยเสียงต่ำ จะเล่าละเอียดๆแล้ว ก็คือ “ตอนแรกที่ฮ่องเต้ยังไม่แต่งตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาท เพราะว่าข้ายังอยู่ หลังจากนั้นก็เพราะว่าข้าทะเลาะกับฮ่องเต้ ท่านเลยแต่งตั้งรัชทายาทขึ้น”

กู้อ้าวเวย รู้เรื่องแล้ว ส่วนอีกมือหนึ่งก็คุ้นเคยที่จะเอามารองเศษขนมที่จะล่วงตกลงมา แล้ววางมือลงที่ขอบโต๊ะอาหาร ซ่านจินจื๋อเห็นเศษในอุ้งมือนาง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปกติแล้วเจ้าก็ทำกับคนอื่นๆแบบนี้หรือ?”

“แล้วยังไง?” ถ้าเศษพวกนี้มันตกลงพื้น หนูมันก็จะมา กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ นางถนัดเช่นนี้มาตลอด ก็ไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหน

ตอนนี้มีคนไม่น้อยหันมามองพวกเขา พระชายารัชทายาทถึงกับหัวเราะส่งเสียงออกมา “พวกชาวบ้านมีข่าวลือว่าพระชายาจิ้งกับอ๋องจิ้งไม่ปรองดองกัน วันนี้ได้เห็น พระชายากับอ๋องจิ้งสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก รักใคร่ปรองดองกันดี ”

คำพูดผู้หญิง ต้องให้ผู้หญิงมารับไว้ กู้อ้าวก็รีบรับเรื่องนี้ไว้คุย “อ๋อ พระชายารัชทายาทไปได้ยินข่าวลือมาจากไหน?”

“ก็แค่ข่าวลือในตลาด แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่พระชายาจิ้งชอบโมโหเอาแต่ใจ ต่อท่านอ๋องจิ้ง เหมือนว่าตอนที่อยู่ค่ายน่านน้ำ ต่อหน้าทหารทั้งหลาย ..........” พระชายารัชทายาทไม่ได้พูดต่อ แต่ก็แสดงออกทางความหมายแล้ว

ไม่ได้อยากจะบอกต่อคนอื่นๆ พระชายาจิ้งทำตามอำเภอใจ หยิ่งผยอง หรอกหรือ?

“งั้น พระชายารัชทายาทไม่ควรไปฟังข่าวลือ เรื่องในค่าย ก็เป็นเรื่องที่เข้าวางแผนกับท่านอ๋อง ” กู้อ้าวเวยพูดไปตามตรง แล้วเอาโจ๊กในมือไปใส่ปากซ่านจินจื๋อแทน “ละครที่กำเริบเสิบสานนั้นเป็นการตั้งใจแสดงให้คนอื่นดู แต่ทว่านิสัยของข้า ก็มีแต่ท่านอ๋องที่รู้ดี”

คำพูดนี้ดูเข้าใจไม่ชัด พระชายาองค์รัชทายาทก็เงียบไป คนอื่นๆก็เริ่มเม้าท์กัน

“เจ้าก็ช่างปากร้าย อาหารยังปิดปากเจ้าไว้ไม่ได้ ” ซ่านจินจื๋อทำหน้าเย็นชาแล้วจะดึงนางกลับมาที่เดิม แต่ว่าคำพูดมันรุนแรง แล้วก็คนงานมากวาดทำความสะอาดเศษอาหารที่ตกอยู่ขอบโต๊ะ

ทั้งคู่สบตากัน ความสามารถในการแสดงของทั้งคู่ กินกันไม่ลงเลยจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์