บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 100

สรุปบท ตอนที่100 งานเลี้ยงในวังเป็นเหตุ: บุบผาร้อยเสน่ห์

ตอน ตอนที่100 งานเลี้ยงในวังเป็นเหตุ จาก บุบผาร้อยเสน่ห์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่100 งานเลี้ยงในวังเป็นเหตุ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุบผาร้อยเสน่ห์ ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่100 งานเลี้ยงในวังเป็นเหตุ

คนที่ปรากฏในกระจก กู้อ้าวเวยไม่เคยเห็นมาก่อน

เปลือกตาลูกท้อของนางถูกทาด้วยเครื่องสำอางให้สวยงามขึ้น ปากทาด้วยสีแดงสด ชายเสื้อชุดสีดำขลิบทองมีนกกระเรียนขาวกระพือปีก ชุดดูเรียบง่ายแต่ไม่สูญเสียความงาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสีแดงของหัวนกกระเรียนที่บนหน้าอก ข้างปกคอเสื้อใช้ลายปักเมฆไหล สอดแทรกความกล้าหาญ ค่อนข้างเหมาะกับฐานะพระชายาจิ้ง

แต่กู้อ้าวเวยก็แค่ลุกขึ้น มองไปที่กระจกแล้วหลบตาหนี เครื่องประดับบนหัวเยอะมากเกินไป ค่อนข้างหนักไปนิด ก้มหัวอ่านหนังสือไม่สะดวก ได้แต่นั่งลง แล้วอดไม่ได้ที่จะประคองหัวของตนเอง “หนักขนาดนี้เลยเชียวหรือ”

“อย่าทำมันพังล่ะ” ฉีหรัวรีบตีมือนาง

ก็เลยเก็บมือดีๆ กู้อ้าวก็เลยพูดเบาๆว่า “งานเลี้ยงหลวงนี้คืองานเฉลิมพระชนมพรรษาของฮองเฮา ทำไมข้ายังจะต้องแต่งตัวยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่กลัวว่าฮงเฮาจะคิดว่าข้าสวยเกินหน้าเกินตาท่านหรือ?”

“เจ้าเป็นพระชายาจิ้ง จะให้เจ้าสวยกว่าใครๆก็ได้” ถึงแม่ฉีหรัวจะไม่เคยเข้าวัง แต่ก็พูดมีเหตุผล “ในวังไม่เหมือนข้างนอก ข้างในนั้นทุกคนล้วนมียศตำแหน่งฐานะ เพื่อท่านอ๋องและตัวเจ้าเอง เจ้าจะมาเอาแต่ใจไม่ได้แล้วนะ”

“เจ้านี่รู้เยอะจริง ” กู้อ้าวเวยส่งเสียง “เหอะ” ออกมา แล้วเอามือลูบที่คอ

“มันแน่อยู่แล้ว เจ้าคิดว่าสำนักเยียนหยู่ปีๆหนึ่งต้องส่งเครื่องสำอางเข้าวังเท่าไร ” ฉีหรัวเอามือปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ แล้วพยุงนางลุกขึ้น ไปส่งนางที่ประตูตำหนักอ๋องด้วยตนเอง

ซ่านจินจื๋อใส่ชุดสีเลือดหมู เหมือนวันปกติ มีแต่สายตาที่มองไปยังกู้จี้เหยา เหมือนว่าจะเป็นประกายมากกว่าปกติ

นี่เป็นครั้งแรก ที่กู้อ้าวเวยแต่งตัวเต็มๆ ตั้งแต่เครื่องหยกบนหัว ไปจนถึงรองเท้าที่เย็บด้วยด้ายทอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ใช้เครื่องแป้งหอม

ถ้าจะบอกว่าเป็นสาวงามที่มีค่าควรเมืองก็ไม่แปลก

แต่หลังจากนั้นไม่นาน คนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวก็จะถูกคานประตูสะดุดไว้ ซ่านจินจื๋อเอามือช่วยพยุงนางขึ้น กลับได้ยินกู้อ้าวเวยเอามือตบๆที่หน้าอก “ถ้าล้มไปเสียไม่เป็นท่าเลย ก็น่าจะดี”

“เข้าวังแล้วจะมาพลาดไม่ได้แล้ว ” ซ่านจินจื๋อตักเตือน

“รับทราบ ท่านอ๋อง ” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างตั้งใจ แล้วก็เดินขึ้นรถม้าทั้งๆที่ซ่านจินจื๋อยังประคองอยู่

ไม่นานนัก ก็ถึงประตูวัง ทั้งสองยังต้องลงเดิน คนรับใช้ในวังมีระเบียบมาก ทุกคนไม่เพียงมีมารยาท แม้แต่การเดินยังมีระเบียบ

กู้อ้าวเวยเข้าวังมาไม่นานก็เกือบจะล้มอีก โชคดีซ่านจินจื๋อช่วยไว้ ไม่ก็ให้นางเกาะตนเองไว้ แล้วให้ลองเดินเอง เพราะกลัวว่านางจะใส่รองเท้าคู่ใหม่นี้แล้วล้ม

“รองเท้าคู่นี้ค่อนข้างคับ เจ้าตั้งใจให้ข้าใส่รองเท้าเล็กหรือ? ” กู้อ้าวเวยเกือบจะโดนรองเท้าคู่นี้กัดจนตาย

“วันนั้นที่ช่างเย็บผ้าเข้าไป เพราะเจ้าเองที่เลินเล่ออยากรีบๆเสร็จ ” ซ่านจินจื๋อก็ไม่อยากจะประคองจนถึงวัง แต่ก็กลัวนางไปล้มต่อหน้าฮ่องเต้

เบอะปาก ถ้านางรู้ว่าวันนี้จะผิดพลาด ก็คงจะไม่ประมาท

เงียบไม่พูดจา เดินเงียบๆมาจนถึงสถานที่จัดงาน ทุกคนนั่งลงรอฮ่องเต้และฮองเฮา ในฐานะราชนิกุล พวกเขานั่งกันด้านในโดยธรรมชาติ ขุนนางและภรรยานั่งด้านนอก อยู่นอกอาคารที่ไม่มีหลังคา

ซ่านจินเจ่อในฐานะที่เป็นน้องชายข้างกายฮ่องเต้ ได้นั่งข้างขวา

“องค์รัชทายาทมีความค้นกับข้า ”ซ่านจินจื๋อตอบด้วยเสียงต่ำ จะเล่าละเอียดๆแล้ว ก็คือ “ตอนแรกที่ฮ่องเต้ยังไม่แต่งตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาท เพราะว่าข้ายังอยู่ หลังจากนั้นก็เพราะว่าข้าทะเลาะกับฮ่องเต้ ท่านเลยแต่งตั้งรัชทายาทขึ้น”

กู้อ้าวเวย รู้เรื่องแล้ว ส่วนอีกมือหนึ่งก็คุ้นเคยที่จะเอามารองเศษขนมที่จะล่วงตกลงมา แล้ววางมือลงที่ขอบโต๊ะอาหาร ซ่านจินจื๋อเห็นเศษในอุ้งมือนาง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปกติแล้วเจ้าก็ทำกับคนอื่นๆแบบนี้หรือ?”

“แล้วยังไง?” ถ้าเศษพวกนี้มันตกลงพื้น หนูมันก็จะมา กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ นางถนัดเช่นนี้มาตลอด ก็ไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหน

ตอนนี้มีคนไม่น้อยหันมามองพวกเขา พระชายารัชทายาทถึงกับหัวเราะส่งเสียงออกมา “พวกชาวบ้านมีข่าวลือว่าพระชายาจิ้งกับอ๋องจิ้งไม่ปรองดองกัน วันนี้ได้เห็น พระชายากับอ๋องจิ้งสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก รักใคร่ปรองดองกันดี ”

คำพูดผู้หญิง ต้องให้ผู้หญิงมารับไว้ กู้อ้าวก็รีบรับเรื่องนี้ไว้คุย “อ๋อ พระชายารัชทายาทไปได้ยินข่าวลือมาจากไหน?”

“ก็แค่ข่าวลือในตลาด แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องที่พระชายาจิ้งชอบโมโหเอาแต่ใจ ต่อท่านอ๋องจิ้ง เหมือนว่าตอนที่อยู่ค่ายน่านน้ำ ต่อหน้าทหารทั้งหลาย ..........” พระชายารัชทายาทไม่ได้พูดต่อ แต่ก็แสดงออกทางความหมายแล้ว

ไม่ได้อยากจะบอกต่อคนอื่นๆ พระชายาจิ้งทำตามอำเภอใจ หยิ่งผยอง หรอกหรือ?

“งั้น พระชายารัชทายาทไม่ควรไปฟังข่าวลือ เรื่องในค่าย ก็เป็นเรื่องที่เข้าวางแผนกับท่านอ๋อง ” กู้อ้าวเวยพูดไปตามตรง แล้วเอาโจ๊กในมือไปใส่ปากซ่านจินจื๋อแทน “ละครที่กำเริบเสิบสานนั้นเป็นการตั้งใจแสดงให้คนอื่นดู แต่ทว่านิสัยของข้า ก็มีแต่ท่านอ๋องที่รู้ดี”

คำพูดนี้ดูเข้าใจไม่ชัด พระชายาองค์รัชทายาทก็เงียบไป คนอื่นๆก็เริ่มเม้าท์กัน

“เจ้าก็ช่างปากร้าย อาหารยังปิดปากเจ้าไว้ไม่ได้ ” ซ่านจินจื๋อทำหน้าเย็นชาแล้วจะดึงนางกลับมาที่เดิม แต่ว่าคำพูดมันรุนแรง แล้วก็คนงานมากวาดทำความสะอาดเศษอาหารที่ตกอยู่ขอบโต๊ะ

ทั้งคู่สบตากัน ความสามารถในการแสดงของทั้งคู่ กินกันไม่ลงเลยจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์