บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 210

บทที่ 210 ไม่ให้คลาดสายตา

ไม่ได้เจอกันหลายวัน ตอนที่กู้อ้าวเวยเผชิญหน้ากับเขานั้นยังคงมีท่าทีตื่นตระหนกอยู่ตามเคย

วางเอกสารทางการและพู่กันขนสัตว์ในมือลง สีหน้าของซ่านจินจื๋อแน่วแน่ กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกเสมอว่าเขาดูเย็นชามากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่านัก

ทั้งสองมองสำรวจซึ่งกันและกัน ถึงทางตันไปต่อไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครปริปากเอ่ยต่อเลยสักคน

นิ่งเงียบเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดซ่านจินจื๋อก็ทนแข็งใจพูดออกไปไม่ได้ว่าต้องการจะเอาเด็กในครรภ์ของกู้อ้าวเวยออก...

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็หยัดกายยืนขึ้นและเดินมาหยุดอยู่ข้างลำตัวของกู้อ้าวเวย ยกมือดึงนางให้ลุกขึ้นมาเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็โอบเข้าที่ช่วงเอวของนาง “หลายวันมานี้ ไปเที่ยวมาสบายใจหรือไม่”

“ระหว่างข้ากับท่าน ทนฟังถ้อยคำเหลวไหลพวกนี้ไม่ได้หรอก” กู้อ้าวเวยยังคงเดินไปที่โต๊ะตามการเคลื่อนไหวของเขาก่อนจะหย่อนกายนั่งลง แต่แม้ว่านางจะหย่อนตัวนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักของซ่านจินจื๋อ ทว่ายังคงรักษาอาการตื่นตระหนกและน้ำเสียงแปลกๆ แบบนี้ต่อซ่านจินจื๋อตามเดิม

“ตาของเจ้าหายดีแล้ว?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงข้างกายของนาง เชยปลายคางของนางขึ้นและมองไปที่ดวงตาคู่นั้น

“ดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว แต่ก็ยังมองไม่ค่อยชัด” กู้อ้าวเวยปัดมือของเขาออก ก่อนยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ “หากท่านเรียกข้ามาเพราะเรื่องพวกนี้ ไม่สู้ปล่อยให้ข้ากลับไปนอนหลับให้เต็มอิ่มสักตื่นดีกว่า”

มองไปที่ท่าทีเอาแต่ใจถึงเพียงนี้ของกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋ออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมาในมุมที่นางมองไม่เห็น ผ่านไปอีกสักครึ่งเดือนเสียก่อนค่อยตัดสินใจแบบโหดร้าย ถ้าอย่างนั้นช่วงครึ่งเดือนนี้ เขาเองก็สามารถอยู่เคียงข้างกู้อ้าวเวยให้เต็มที่เสียหน่อย

เขากำข้อมือของนางแน่น ก่อนเอ่ยเสียงกระซิบ “ทำไมถึงได้ผอมอีกแล้ว”

“วันๆ เอาแต่กินมังสวิรัติ” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างแปลกประหลาดแวบหนึ่ง “ซูพ่านเอ๋อป่วยหนัก ท่านมาอยู่กับข้าที่นี่ ไม่กลัวนางจะอารมณ์เสียใส่ท่านหรือ”

“เจ้าก็เหมือนกับนาง” ปลายนิ้วอันแข็งแกร่งของซ่านจินจื๋อไล้ผ่านลงมายังใบหูส่วนล่างของนางอย่างแผ่วเบา ทัดปรอยผมสีดำขลับสองสามเส้นขึ้น คล้ายกับไม่มีใครล่วงรู้ ด้านหลังติ่งหู่ของนางมีจุดสีแดงเล็กๆ อยู่อันหนึ่ง ดุจดั่งชาดแดง

แต่เขารู้

ท้ายที่สุดแล้วกู้อ้าวเวยก็ไม่เข้าใจความคิดของซ่านจินจื๋อ ตอนที่ตนมองเห็นเฉิงยีเฉิงเอ้อมีท่าทีแบบนั้น กลับคิดว่าถูกตนทำให้ตกใจเสียขวัญไปแล้ว เดิมทีนางเข้าใจว่าซ่านจินจื๋อเรียกนางเข้ามาก็เพื่อจะให้นางเอาเด็กออก หรือไม่ก็ใช้เลือดเนื้อของนางมาทำกระษัยยาให้กับซูพ่านเอ๋อเสียอีก

ใครจะรู้ว่าวันนี้ซ่านจินจื๋อกับอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก

การเคลื่อนไหวที่ครอบบนเรียวปากนั้นช่างอ่อนโยนเบาหวิวเสียขนาดนี้ มีเพียงเรี่ยวแรงที่วางอยู่บนช่วงเอวของนางเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

กู้อ้าวเวยใบหน้าเรื่อแดง ผลักบุรุษตรงหน้าออกพลางหอบหายใจไม่มั่นคง ขนตาสั่นระริก “ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ข้าไม่ใช่ซูพ่านเอ๋อเสียหน่อย และไม่ได้ใช้เวลาเคียงข้างท่านมาตั้งหลายปีแล้ว”

นางหยัดกายลุกขึ้นมาอย่างตุปัดตุเป๋ กลับถูกซ่านจินจื๋อรวบเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง จากนั้นก็กอดรัดนางอย่างถือดีโดยตรง ทำเอากู้อ้าวเวยตกใจเสียจนรีบกำเสื้อผ้าใกล้มืออย่างแน่นหนา พลางเบิกตากว้างจ้องเขา “ท่านบ้าไปแล้ว”

“ใช่ บ้าไปแล้ว” ซ่านจินจื๋อปั้นหน้าขรึม อุ้มนางตรงไปหลังฉากกั้นลม

ด้านหลังฉากกั้นลมของห้องหนังสือแห่งนี้กลับเป็นโลกอีกใบ มีขนมอบสุราน้ำดื่ม เครื่องหอมฟูกนอนนุ่ม ดูครบครันทุกประการ ภาพวาดบนผนังยังคงเป็นภาพสี่ฤดู แต่ป่าฤดูหนาวกลับงดงามเป็นพิเศษ ลายเส้นแข็งแกร่ง นางอดชำเลืองมองไปหลายทีไม่ได้ ก่อนจะถูกซ่านจินจื๋อวางลงบนฟูกนอนนุ่ม

คราวนี้จึงเรียกสติกลับมามองไปที่เขา “ในที่สุดท่านก็ถึงขนาดยอมรับแล้วว่าตัวเองบ้าแต่ข้าก็ยังใคร่รู้นัก ไม่ใช่ว่าท่านไม่ชอบผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างข้าเรื่อยมาหรอกหรือ”

“ยิ่งชังมากเท่าไร ก็ยิ่งชอบมากเท่านั้น” ซ่านจินจื๋อจัดแจงนางเป็นอย่างดี ก่อนจะเอ่ยต่อไป “ขอเพียงเจ้าไม่ทำร้ายพ่านเอ๋อ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า”

ซ่านจินจื๋อให้สัญญากับนางมากเกินไปแล้ว กู้อ้าวเวยกลับไม่อยากเชื่อถือเลย ทำเพียงหัวเราะแบบขอไปทีสองสามครั้ง คิดเสียว่าเป็นแค่มุขตลกอย่างหนึ่ง

“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ วันหน้าจะต้องคอยอยู่ข้างกายข้าห้ามหนีห่างแบบไม่ให้คลาดสายตา”

“ได้เลย” สถานที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดฉันใด นับประสาอะไร คำมั่นสัญญาของซ่านจินจื๋อนางกลับยอมเชื่อฉันนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์