บทที่ 216 คืนวันส่งท้ายปีเก่า
หิมะครั้งที่สองแห่งเทียนเหยียน โปรยมาในสี่วันให้หลัง
ทั่วทั้งเทียนเหยียนประดับประดาด้วยสีขาวเงิน ริมถนนนอกจากขอทานที่ไร้ที่อยู่อาศัย หรือบุคคลสำคัญที่กลับมาจากนอกเมือง ก็ไม่มีเงาคนเลยแม้สักนิด มีเพียงข่าวล่ำลือที่แพร่สะพัดไปอย่างไร้สุ้มเสียงเท่านั้น
ในช่วงปีใหม่ ก็แม้แต่กู้จี้เหยาที่อยู่เรือนอื่นยังจำต้องหวนกลับมาตามระเบียบ ภายใต้สถานการณ์ที่พระชายาไม่สบายจึงพาพระชายารองไปร่วมงานเลี้ยงที่วังหลวงแทน
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ริมหน้าต่างของวิหารเฟิ่งหมิง แต่กลับทำได้เพียงแง้มบานหน้าต่างไปชื่นชมทัศนียภาพได้เท่านั้น
คนรับใช้และสาวใช้จำนวนนับไม่ถ้วนไม่อาจปล่อยให้นางได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย อาการหิมะกัดของชิงต้ายยังมิทันหายดี ก็ถูกซ่านจินจื๋อไล่ตะเพิดส่งกลับมาที่ร้านยาเหย้าเสียแล้ว กลัวเหลือเกินว่าชิงต้ายจะช่วยกู้อ้าวเวยทำเรื่องที่ทำร้ายตัวเองขึ้นมา หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่ทำร้ายผู้อื่น
“ข้าแค่อยากกินบะหมี่น้ำซุปร้อนๆ สักหน่อย” ดวงตาของกู้อ้าวเวยหายดีโดยสมบูรณ์แล้ว ทำเพียงมองสาวใช้เบื้องหน้าดวงสายตาเย็นชา
“พระชายาท่านนี่ช่างจู้จี้จุกจิกเสียจริงๆ” สาวใช้คนนั้นแค่นเสียงเย็น ไม่ได้มีความยำเกรงต่อนางเลยสักเสี้ยว “ท่านไม่มีทายาทของท่านอ๋องแล้ว ตอนนี้หากไม่ทานของบำรุงสักหน่อย เกิดล้มป่วยขึ้นมา ถึงตอนนั้นคนที่ถูกลงโทษก็คือพวกเรานะ”
สาวใช้ขี้ขลาดข้างกายฉุดดึงนาง “พระชายา พวกเราจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้”
กู้อ้าวเวยไม่ได้พูดอะไรอีก ถูกคนรับใช้และสาวใช้ที่ไม่รู้จักมาห้อมล้อม ไม่ได้แตกต่างไปจากการถูกรายล้อมด้วยน้ำทะเลเลยสักนิด
ถือน้ำอุ่นในมือเอาไว้ อุ้งนิ้วลากไล้ผ่านแก้วน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ในโพรงจมูกล้วนเป็นกลิ่นยาเหม็นหืน
นางควรจะต่อสู้อย่างไร นางทำอย่างนี้แล้วจะทำให้ซูพ่านเอ๋อสูญสิ้นทุกสิ่ง?
“พระชายา วันพรุ่งก็จะเป็นปีใหม่แล้ว ยังมีความปรารถนาอะไรหรือไม่ ข้าน้อยสามารถไปตระเตรียมสิ่งของให้ท่านได้นะ” มีเพียงสาวใช้อายุน้อยมากๆ คนหนึ่งเท่านั้นที่ประชิดใกล้เข้ามา และเอ่ยถามด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก “ท่านอ๋องบอกว่าร่างกายท่านไม่ดี ให้พวกเรามาคอยประคบประหงมมากๆ เพียงแต่ข้าน้อยยังเด็ก หากไม่ถาม ก็ไม่ทราบว่าควรไปเตรียมอะไร”
ก็ไม่รู้ว่าสูญเสียลูกไปแล้วถึงได้มีความเป็นแม่ท่วมท้นแบบนี้หรือเปล่า
สายตาของกู้อ้าวเวยอ่อนโยนลงมาก ทำเพียงกอบพวงแก้มของนางไว้ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น “ยามปกติเจ้าฉลองปีใหม่อย่างไร”
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าน้อยยังไม่ได้เข้ามาวังอ๋องก็เป็นคนยากจน น้องชายสามคนในบ้านจะดื่มซุปเนื้อ ข้าจะได้กินอาหารเต็มอิ่มเพียงหนึ่งมื้อ จึงไม่รู้ว่าควรจะฉลองปีใหม่อย่างไรดี” สาวใช้ตัวจ้อยดูท่าทางคงจะอายุไม่เกินสิบสามสิบสี่ปี ต่อให้ยากลำบาก แต่กลับยังคงมีรอยยิ้ม “ข้าเพิ่งเข้ามาวังอ๋องเมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง ซักเสื้อผ้ามาสามเดือนเต็มๆ กว่าจะได้ปรนนิบัติรับใช้เจ้านาย”
“เสี่ยวเหยียง นี่เจ้าพูดกับพระชายาได้อย่างไรกัน” สาวใช้ข้างหลังที่ดูมีอายุขึ้นมาหน่อยกระชากนางออกเต็มแรง
สาวใช้ที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเหยียงฟุบนั่งลงกับพื้น ถูกเตะไปหนึ่งทีคราวนี้จึงหลุบตาต่ำลงมา
“ให้นางกินข้าวเป็นเพื่อนข้า” กู้อ้าวเวยเอื้อมมือให้นาง เสี่ยวเหยียง จึงตะกายปีนขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแป้น ก่อนจับมือของนางพลางนั่งลง
สาวใช้คนรับใช้ข้างกายยังอยากพูดกฎระเบียบที่ไม่เหมาะควรอีก แต่กู้อ้าวเวยกลับเอาขนมอบบนโต๊ะยัดใส่มือนางโดยตรง “กินสิ”
ขนมอบชิ้นนี้อุดอยู่ในปากของคนพวกนั้น เสี่ยวเหยียงเริ่มกินขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย และยกย่องว่ากู้อ้าวเวยเป็นคนดีคนหนึ่ง
“วันหน้า ก็ให้เสี่ยวเหยียงมาอยู่เป็นเพื่อนข้า” กู้อ้าวเวยมองนางอย่างอ่อนโยน
เสี่ยวเหยียงดูแล้วเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่ประสาโลก พิจารณาจากแววเมตตาอันบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว มันก็หายากมากจริงๆ
นางแบ่งบะหมี่ร้อนๆ ครึ่งชามเล็กให้นาง เป็นครั้งแรกที่เอ่ยถึงวิธีการฉลองปีใหม่แรกของนางว่าควรทำอย่างไรดี อย่างไรเสียซ่านจินจื๋อก็ไม่อาจอยู่เคียงข้างนางอยู่แล้ว ค่ำคืนนี้ก็เป็นของตัวนางเองแล้วกัน
ดังนั้นตอนที่ซ่านจินจื๋อพากู้จี้เหยากลับมา ก็ได้ยินเสียงหัวเราะอิ่มเอมดังมาจากด้านในเรือนนอกพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...