บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 230

บทที่ 230 ข่าวลือไม่จาง

“เจ้า! เจ้าก็เป็นแค่พระชายาจิ้งคนหนึ่ง ข้าเป็นถึง...”

“อ๋อ ที่แท้ยศของท่านสูงกว่าข้าเสียอีก” กู้อ้าวเวยปั้นหน้าเคร่งขรึม ปลายนิ้วถูกสายพิณบาดจนเป็นรอยทางยาว นางในข้างกายที่คุกเข่าอยู่ข้างตัวนางร้องเรียกขันทีข้างๆ อย่างตกใจ ให้ไปเรียกหมอหลวงเข้ามา

ตอนที่เข้าวังมา ขวดยาในตัวของกู้อ้าวเวยล้วนถูกยึดไว้ชั่วคราว ตอนนี้จึงไม่มีสิ่งห้ามเลือดเลยสักอัน

“แผลเลือดน้อยไม่เป็นไรหรอก” กู้อ้าวเวยชักมือของตนออกมาจากมือของนางในคนนั้น มององครักษ์ที่อยู่ข้างๆ “ไม่ได้ยินสิ่งที่ข้าพูดเมื่อครู่หรือ”

องครักษ์ไม่กี่คนมองหน้ากันไปมา ขบคิดอย่างถี่ถ้วน สถานะกู้อ้าวเวยสูงส่ง ไม่เพียงแต่เป็นพระชายาจิ้งทั้งยังเป็นบุตรีแห่งเฉิงเสี้ยงอีกด้วย ไม่ว่าจะเอาสถานะไหนกดทับลงมาก็สั่งย้ายพวกเขาได้ทั้งสิ้น คิดอย่างนี้จึงเดินตรงเข้ามา กักตัวพระญาตินางนั้นเอาไว้ มองไปทางกู้อ้าวเวยแวบหนึ่งอย่างจนปัญญา “เพียงแต่กฎของวังหลวงนี้...”

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงพระราชสมภพ ไม่เหมาะที่จะมีเลือดตกยางออก สามสิบไม้กระดานนี้ พวกเจ้าสั่งคนไปดูก็ได้แล้ว”

กู้อ้าวเวยรับผ้ามาจากนางในพลางเช็ดหยดเลือดบนปลายนิ้วจนสะอาด และดีดสายพิณขาดในมือเล่นต่อไป

องครักษ์ไม่กี่นายกดตัวคนลงไป ไม่กล้าพร่ำบ่นเลยสักแอะ

ส่วนคุณหนูคนอื่นๆ ต่างส่งเสียงฮือฮา คิดไม่ถึงว่าพระชายาจิ้งคนนี้ถึงแม้จะไม่ได้รับความโปรดปราน แต่เบื้องหลังค่อนข้างใหญ่ ทำได้เพียงอภิปรายเสียงซุบซิบ กลัวเหลือเกินว่าจะยั่วโมโหพระชายาจิ้งผู้นี้อีก

เชือดไก่ให้ลิงดู ก็แค่แลกเปลี่ยนกับความสุขครึ่งหนึ่งเท่านั้น

รอจนกระทั่งซ่านจินจื๋อพากู้จี้เหยาเข้ามาด้วยตัวเอง เหล่าคุณหนูฮูหยินทั้งหลายแหล่ข้างกายต่างพากันทยอยมองไปทางกู้อ้าวเวยผู้โดดเดี่ยวอีกครั้ง กู้อ้าวเวยกลับเอนกายลงครึ่งตัวพิงบนเก้าอี้ ง่วงเหงาหาวนอนอยู่เท่านั้น

ซ่านจินจื๋อเห็นกู้อ้าวเวยมีท่าทางซังกะตาย จากนั้นจึงปั้นหน้าขรึมลง ให้กู้จี้เหยานั่งลงข้างๆ ทำเพียงเดินมาหยุดต่อหน้ากู้อ้าวเวย และดีดกระหม่อมของนางเบาๆ เห็นกู้อ้าวเวยกุมหน้าผากสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา ทำเพียงเอ่ยอย่างจนปัญญา “มีอะไรหรือ”

“ท่ามกลางวังหลวง เจ้ายังกล้าหลับ” ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นดึงนางขึ้นมาจากตำแหน่งนั่ง

กู้อ้าวเวยที่ยังไม่ทันตื่นดีปล่อยให้เขากระทำ ตอนท้ายก็ทำเพียงแค่ยกกระโปรงยาวๆ ของตนขึ้นเท่านั้น และชักมือของตนออกจากมือของซ่านจินจื๋ออย่างไม่ทิ้งร่องรอย “น้องสาวตั้งครรภ์อยู่ ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องมาสนใจข้า หากยังไม่ทันเริ่ม ก็ปล่อยให้ข้าได้พักผ่อนอีกสักหน่อยแล้วกัน”

เห็นว่ากู้อ้าวเวยสาละวนหาสถานที่หย่อนกายนั่งลงอีกครั้ง ซ่านจินจื๋อก็ปั้นหน้านิ่ง ส่วนกู้จี้เหยาก็ประชิดเข้ามา จับข้อมือของซ่านจินจื๋อเต็มแรง แฝงไปด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “ท่านอ๋อง...ไม่สู้พวกเราเข้าไปนั่งก่อน ให้พี่สาวพักผ่อนลำพังสักครู่เถิด”

“อืม” ซ่านจินจื๋อก็ไม่อยากหวังดีโดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องการเหมือนกัน จึงทำเพียงพากู้จี้เหยาออกไป

แต่กู้อ้าวเวยก็ไม่รู้ว่าทำไม เพียงแค่ง่วงนอนเอามากๆ เอนกายพิงครึ่งตัวลงบนแท่นนอนนุ่มข้างๆ และผลอยหลับสู่ห้วงนิทราลึก

คนข้างกายแทบจะทยอยซุบซิบกัน

“พระชายาจิ้งคนนี้ ไม่ได้รับความโปรดปรานนิสัยเสีย ช่างไม่ใช่ศรีภรรยาเลยจริงๆ”

“นี่ใช่นิสัยเสียที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าแสร้งเล่นตัวอยู่หรือไง แนบชิดอ๋องจิ้งแจเชียว กลัวว่าเมื่อครู่แค่แกล้งสลัดมือออกเท่านั้นกระมัง”

เสียงของหลายๆ คนดังขึ้นทุกที กู้อ้าวเวยกลับยังไม่ตื่นขึ้นมา

หลังจากครึ่งชั่วยาม จึงมีคนเข้ามาเรียกเข้าสู่งานพิธี กู้อ้าวเวยถูกบังคับให้ตื่น เป็นตอนที่ปวดเศียรเวียนเกล้าพอดี กลับยังต้องตามคนเข้าสู่งานพิธีไปอย่างช่วยไม่ได้ นั่งลงอยู่ข้างกายของซ่านจินจื๋อ ตอนที่หย่อนตัวนั่งขาทั้งสองก็อ่อนยวบ นางจึงตรวจวัดชีพจรให้ตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

ตกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็คิดขึ้นมาได้ หลายวันนี้ที่ชิงต้ายไม่อยู่ นางดื่มยาอย่างไม่มีวินัยยิ่งนัก

เพียงแต่น่าเสียดายตอนที่เข้าวังมา ริบยาสมุนไพรเหล่านั้นของนางไปหมด รู้สึกอึดอัดอย่างมาก

ซ่านจินจื๋อยังไม่ได้ปริปากพูดกับนาง กู้อ้าวเวยกลับเอ่ยปากพูดกับขันทีเล็กที่อยู่ข้างกายด้วยตนเอง “ไปเชิญคนของสำนักหมอหลวงมาตรวจสอบกล่องไม้เล็กที่ข้าเอามาทั้งหมด คิดหาวิธีรับยาเม็ดเหล่านั้นออกมา”

“ขอรับ พระชายาจิ้ง” ขันทีเล็กรีบบัญชาคนไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว

กู้อ้าวเวยละอายใจเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงอังมือให้อุ่นกับแก้วน้ำร้อนเท่านั้น

“เหตุใดพี่สาวยังต้องดื่มยาอยู่อีก ไม่สบายกายอย่างนั้นหรือ” จู่ๆ กู้จี้เหยาก็ปริปาก เสียงค่อนข้างดัง

คนไม่น้อยในพระตำหนักต่างทอดมองเข้ามา สีหน้ากู้อ้าวเวยวิตกกังวล ซ่านจินจื๋อกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ต่อนางที่สูญเสียทายาทไป ยิ่งซุบซิบต่างๆ นานาเข้าไปใหญ่ เพียงเพราะกู้อ้าวเวยประเมินความกล้าหาญของท่านแม่เล็กต่ำไปเท่านั้นเอง

“เวยเอ๋อสูญเสียทายาทไป ร่างกายยังไม่ปรับสมดุลดีหรอกหรือ”

ถ้อยวาจานี้เปล่งออกมา แม้กระทั่งไทเฮาฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งหลักต่างทยอยมองเข้ามาด้วย

ลูกสาวไม่กี่คนของหู้ปู้เซ่อหลางไม่เห็นหันกู้อ้าวเวยคนนี้อยู่แล้ว พวกนางถือหางกันเองเรื่อยมา โดยเฉพาะกว่างเสียนผู้หยิ่งน้อยที่สุด ปัจจุบันเพราะกู้อ้าวเวยคนนี้ ร่างกายของกว่างเสียนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเป็นอัมพาต ในเรือนก็มีโรคไม่มีที่มาที่ไปลุกลามไปใหญ่ ย่อมไม่อาจชอบกู้อ้าวเวยได้อยู่แล้ว

ในเวลานี้ได้ยินเฉิงเสี้ยงฮูหยินปริปาก พี่รองคนนั้นก็กล่าวอย่างพร้อมเพรียงว่า “อ๋องจิ้งเป็นถึงดวงดารามั่งคั่งแห่งชางหลาน แต่เดิมไม่ควรสูญเสียทายาท พระชายาจิ้ง กลัวว่าจะทำบาปหนามาไม่น้อย ปัจจุบันถึงไม่ได้รับผลกรรมดี”

กู้อ้าวเวยสีหน้าท่าทางเย็นชา จิกปลายนิ้วแน่น

เพียงแต่ซ่านจินจื๋อกำมือข้างนั้นที่วางอยู่ใต้โต๊ะของนางอย่างแนบแน่น ใบหน้าเจือแววข่มขู่หลายเท่า “ไม่ต้องไปสนใจ”

“อย่างนั้นหรือ” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นมาปิดท้องน้อยเอาไว้ ความรู้สึกแท้งอันหนักหนานั้นยังคงปรากฏแก่สายตาไม่สร่าง

หิมะแรกในฤดูหนาว น้ำค้างแข็งพร่างนภาทำให้หัวใจทั้งดวงของนางแข็งทื่อ

นางสลัดปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อออกทีละนิ้วๆ การไต่ถามรอบสารทิศดังลอยเข้าใบหู ฮ่องเต้ฮองเฮาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อเรื่องดังกล่าว แม้แต่ไทเฮายังปริปากเสียงเข้ม “พระชายาจิ้ง การหยิ่งจองหองไม่ดีหรอกนะ”

“ไม่ดีจริงๆ เพคะ” กู้อ้าวเวยเขยิบออกมาอย่างไม่ทิ้งร่องรอย รักษาระยะห่างกับซ่านจินจื๋อเอาไว้ ฝืนบังคับเพลิงโทสะที่ปะทุอยู่กลางใจเอาไว้ ทำเพียงบีบแก้วอย่างเอาตาย “เป็นข้าที่ไม่คู่ควรกับอ๋องจิ้ง เขาคือเมฆหลากสีบนฟากฟ้า ส่วนข้าเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองบนพื้นก็เท่านั้นเอง”

กระตุกมุมปากเย้ยหยันตนเอง กู้อ้าวเวยรู้สึกเพียงว่าหัวใจและท้องน้อยเจ็บปวดเกินจะทนไหว หน้าผากผุดเหงื่อพรายเป็นชั้นๆ ขึ้นมา

“พระชายาจิ้งนี่มันคำพูดอะไรกัน” ไทเฮากระแทกแก้วลงบนผิวโต๊ะเสียงดังปึง

ไทเฮาทรงมีเมตตาเรื่อยมา ถือศีลกินเจทุกๆ วัน ฟังถ้อยคำนี้ของกู้อ้าวเวยไม่เข้าหูนัก ในใจก็เพิ่มความเกลียดชังต่อพระชายาจิ้งอย่างผิดธรรมชาติ ไม่เพียงแต่เรียกร้องความสนใจไปวันๆ ซ้ำยังปากคอเราะรายเยี่ยงนี้ ไม่เป็นที่รักเอาเสียเลย

“พระชายาจิ้งเองก็เจ็บปวดที่เสียลูกไปถึงได้เป็นเช่นนี้” ซ่านจินจื๋อทำเพียงรีบประสานมือทันที

ไทเฮาบีบลูกประคำในมือแน่น สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ไทเฮาไม่พูด คุณหนูฮูหยินคนอื่นๆ ก็ไม่อาจหยุดปากเพราะเหตุนี้ ยังคงซุบซิบนินทาอย่างใส่สีตีไข่

แน่นอนว่ากู้อ้าวเวยจำรสนิยมทั้งหมดของไทเฮาได้ นึกถึงคำพูดที่ตนเอ่ยเมื่อครู่ นางกลับหัวเราะเสียดสีหนึ่งทีอย่างอดไม่ได้

การต่อกรกับคนแก่ที่ฟันแทงไม่เข้าอย่างไทเฮา สุดท้ายก็ยังต้องบีบน้ำตาดึงดูดความสนใจให้ได้ก่อน วันหน้าค่อยทำให้นางมองเห็นความชำนาญทางการแพทย์และใจเมตตาของตนทีละน้อย วันหน้าก็จะชื่นชอบนางอย่างสนิทใจเองนั่นแหละ

ส่วนเหล่าคุณหนูและคุณนายข้าราชสำนักพวกนั้น ก็กลายเป็นขั้นบันไดสู่ความสำเร็จที่ไม่เลวเลย

“แต่ว่าพักนี้เทียนเหยียนมีข่าวลือเกี่ยวกับพระชายาจิ้งมากมายทีเดียวนะ” เพียงแต่ลูกสาวไม่กี่คนของหู้ปู้เซ่อหลางเอ่ยขึ้นมาอย่างจู้จี้ขี้บ่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์