บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 238

บทที่ 238 การตายดีกว่าการมีชีวิตอยู่

มุมปากยกเล็กน้อย นัยน์ตายิ้ม

กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นรวบปกคอเสื้อของซูพ่านเอ๋อแล้วลากตัวนางมาตรงหน้า สายตาทั้งคู่เผชิญหน้ากันดั่งกระแสน้ำที่มืดมิด ซูพ่านเอ๋อยิ้มมุมปากขึ้นทันใด นัยน์ตาของนางดำดิ่งสู่ความบ้าคลั่งแบบไม่มีอะไรจะเสีย

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะปลาบปลื้มกับตำแหน่งพระชายาจิ้งนี้เสียเหลือเกิน”

ปลายนิ้วของซูพ่านเอ๋อไล้ลงไปตามเอวของกู้อ้าวเวยจนไปหยุดอยู่ที่ท้องน้อยแล้วลูบมันอย่างเบามือ

“แต่เมื่อเจ้าอยู่ที่ตำหนักอ๋องของท่านพี่จื๋อ กลับไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด แม้แต่กับหมาเฝ้าบ้านเจ้าก็เทียบมันไม่ติด ลูกของตัวเองแท้ๆเจ้ายังปกป้องไม่ได้ แล้วนี่ยังจะมีหน้าคิดปกป้องคนรับใช้ของตัวเองหรืออย่างไร”

แววตาของซูพ่านเอ๋อทวีความเลือดเย็น ปลายนิ้วเหล่านั้นเปรียบดั่งเขี้ยวเล็บของพญาเหยี่ยวที่เกาะติดอยู่กับท้องน้อยของกู้อ้าวเวย แต่แล้วนางกลับชักมือเก็บกลับไป แล้วส่งสายตาเหยียดหยามข้ามผ่านร่างของกู้อ้าวเวยไปที่หยินเชี่ยวและชิงต้ายที่อยู่ด้านหลัง: “หากข้าไปฟ้องท่านพี่จื๋อว่าเจ้ากล้าถึงเพียงนี้……”

“เพี๊ยะ”

เสียงของมือที่หวดลงไปบนหน้าของซูพ่านเอ๋อถึงสองครั้งดังชัดกึกก้องในชั่วพริบตา

ซูพ่านเอ๋อตกตะลึงถึงขีดสุด บรรดาคนรับใช้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆกัน

ไม่เคยมีใครกล้าลงไม้ลงมือกับซูพ่านเอ๋อมาก่อน แม้แต่เหล่าอาจารย์ในอดีตก็ยังไม่สามารถตีนางได้ ซ่านจินจื๋อคอยเป็นผู้คุ้มกันหลังที่แข็งแกร่งให้นางอยู่เสมอ

มรสุมได้ก่อตัวขึ้นภายในแววตาของกู้อ้าวเวย นางมองซูพ่านเอ๋อด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

“ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้แล้วว่าข้ากล้ารึไม่กล้า” กู้อ้าวเวยพูดพลางเอานิ้วมือไปสัมผัสแก้มของซูพ่านเอ๋อที่บวมแดง และบีบมันอย่างไร้ความปราณี: “อย่าได้สำคัญตัวผิด นับตั้งแต่ตอนที่เจ้าแกล้งล้มป่วย เจ้าก็ได้ถูกกำหนดให้ไม่มีวันได้รับความสุขใดใด ไม่มีวันจะได้มีลูก และก็ไม่มีทางจะได้ความรักทั้งหมดของซ่านจินจื๋อ”

ซูพ่านเอ๋อง้างมือออกด้วยคิดอยากจะเอาคืนกู้อ้าวเวย

แต่กู้อ้าวเวยกลับก้าวถอยออกมาและในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะเหวี่ยงจิ่นซิ่วออกไป แล้วกระชากปิดบานประตู

หยินเชี่ยวมองดูชิงต้ายด้วยสายตาที่อาทร ส่วนชิงต้ายนั้นกลับมองไปที่กู้อ้าวเวยด้วยความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก: “นายหญิง หากท่านทำเช่นนี้แล้ว จะไม่เป็นการทำให้เสียแผนการของท่านหรอกหรือ ท่านควรจะต้องทำดีเพื่อเอาใจท่านอ๋องถึงจะถูก”

“ข้าไม่สน” กู้อ้าวเวยมองดูใบหน้าที่บวมของชิงต้ายอย่างปวดใจ นางรีบไปหยิบยา แล้วบรรจงทาลงบนหน้าของชิงต้าย

อย่างไรแล้วความตั้งใจของซูพ่านเอ๋อคือเพื่อต้องการมาหาเรื่อง แม้ว่าจะกัดฟันอดทนไปในวันนี้ แน่นอนว่านางต้องหาหนทางอื่นมาอีกจนได้ ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาอยู่ดี แล้วเหตุไฉนเลยจึงต้องทน

ซูพ่านเอ๋อที่อยู่หลังบานประตูเจ็บแค้นจนแทบกระอักเลือด จิ่นซิ่วทำตัวไม่ถูก “นายหญิง งั้นพวกเรา……”

“ไปเอาซุปโสมที่ต้มไว้ในครัวมาให้ข้า” ดวงตาของซูพ่านเอ๋อปกคลุมไปด้วยเมฆเงา

กู้อ้าวเวย คิดไม่ถึงเลยว่าความกล้าเจ้าจะมากถึงเพียงนี้

หลังจากรับซุปโสมร้อนๆมาจากมือจิ่นซิ่ว ดวงตาของซูพ่านเอ๋อก็กลายเป็นสีแดง นางเยื้องย่างอย่างไม่รีบจนมาถึงห้องหนังสือ

ซูพ่านเอ๋อวางซุปโสมลงตรงข้างมือของซ่านจินจื๋อ

เมื่อซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นร่องรอยนิ้วมือที่ยังไม่จางหายไปบนใบหน้าของซูพ่านเอ๋อ

“พ่านเอ๋อ นี่มันอะไรกัน” ซ่านจินจื๋อดึงตัวซูพ่านเอ๋อเข้ามาใกล้ด้วยอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่าน เขาแตะไปที่แก้มของนางอย่างเบามือ ทันใดนัยน์ตาของซูพ่านเอ๋อก็แดงขึ้น

ซูพ่านเอ๋อพูดอย่างอ้อยอิ่งว่า นางตั้งใจเอาของไปมอบให้กู้อ้าวเวยที่วิหารที่กู้อ้าวเวยพักอยู่และเพื่อบอกนางถึงเรื่องการมาของหยินเชี่ยว นางเพียงทำการอบรมชิงต้ายนิดหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะให้คนลงมือตีนางและคนรับใช้ของนาง

ซูพ่านเอ๋อยังเรียกตัวจิ่นซิ่วที่อยู่ด้านนอกเข้ามาอีกด้วย นางโผเข้าไปในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อแล้วสะอึกสะอื้น: “เหตุใดท่านพี่จื๋อถึงชอบผู้หญิงแบบนั้น หรือว่าพ่านเอ๋อยังทำดีไม่พอ ท่านพี่จื๋อถึงได้ชอบแต่กู้อ้าวเวย ไม่ชอบพ่านเอ๋อแล้ว”

ซูพ่านเอ๋อน้ำตานองเต็มหน้า ไม่ว่าชายคนใดได้เห็นภาพเช่นนี้ ก็ต้องใจอ่อนระทวย

ซ่านจินจื๋อรู้สึกปวดใจสงสารซูพ่านเอ๋อ แต่ในขณะเดียวกันอีกส่วนหนึ่งของใจเขารู้สึกโกรธ คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะกล้าถึงเพียงนี้ เขาปลอบโยนซูพ่านเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างใส่ใจ: “ข้าจะทำเช่นนั้นกับเจ้าลงได้เยี่ยงไร”

“ท่านพี่จื๋อ……” เสียงร้องไห้ของซูพ่านเอ๋อยิ่งดังขึ้น

หลังจากซ่านจินจื๋อปลอบประโลมซูพ่านเอ๋อจนหายดี เขาได้พานางมายังวิหารที่กู้อ้าวเวยพักอยู่

กู้อ้าวเวยเดาออกตั้งแต่แรกว่าซูพ่านเอ๋อต้องพาซ่านจินจื๋อมาเอาเรื่องอย่างแน่นอน จึงได้ให้หยินเชี่ยวและชิงต้ายรออยู่ในห้อง ส่วนตัวนางออกมานั่งอยู่ที่เก้าอี้หินเพียงลำพังโดยมีหนังสือตำราแพทย์ที่ไทเฮาส่งมาให้อยู่ในมือ

อารมณ์โกรธของซ่านจินจื๋อยิ่งทวี เมื่อเห็นนางไม่คิดจะลุกขึ้นมาทำการทักทาย

“เจ้ายังมีกะจิตกะใจอ่านตำราอย่างนั้นรึ” ซ่านจินจื๋อดึงหนังสือตำราออกจากมือของกู้อ้าวเวยและโยนมันไปด้านข้าง

กู้อ้าวเวยจึงได้หันหน้ามามองดูซ่านจินจื๋อและซูพ่านเอ๋อแล้วยิ้มเยาะ: “พวกเจ้าช่างรักกันแน่นแฟ้นจริงเชียว ข้าเพียงแค่อบรมนางสนมซูพ่านเอ๋อ ท่านถึงกับตามมาเอาเรื่องกับข้า เห็นทีว่าท่านจะไร้ซึ่งไมตรีจิตต่อข้าจริงๆ”

“กู้อ้าวเวย ข้าอดทนกับเจ้ามามากพอแล้ว” ซ่านจินจื๋อบีบคางของกู้อ้าวเวย: “เจ้าหนักข้อขึ้นทุกที กับพ่านเอ๋อเจ้ายังทำรุนแรงได้ถึงเพียงนี้ จิตใจเมตตาแห่งความเป็นหมอของเจ้านั้นหายไปไหน”

“พวกเจ้าคู่ควรให้ข้าปฏิบัติดีด้วยอย่างนั้นหรือ” กู้อ้าวเวยยิ้มเยาะถามกลับ: “นางทำร้ายลูกข้าแล้วยังกล้ามาอวดดี ข้าไม่ฆ่านาง ก็เป็นการเห็นแก่หน้าท่านมากพอแล้ว”

“.ข้าไม่ได้……” ซูพ่านเอ๋อหน้าซีดเผือดตัวเซไปสองสามก้าว โบกมือเป็นระวิงปฏิเสธเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น

แน่นอนว่าซ่านจินจื๋อไม่เชื่อในคำพูดของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยรู้อยู่แก่ใจดีว่า ซ่านจินจื๋อเชื่อซูพ่านเอ๋อเสมอ ไม่ว่าซูพ่านเอ๋อจะทำผิดร้ายแรงแค่ไหน เขาก็ไม่ตำหนินาง

ความปวดร้าวที่หนักอึ้งตกลงสู่ก้นบึ้งหัวใจของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดตัวเองจึงยังคงมีความรู้สึกให้กับซ่านจินจื๋อ

“นี่เป็นคนสวยที่แสร้งไร้เดียงสา หากว่าแสร้งทำจนเป็นนิสัย ต่อไปคงแย่ หากว่าเจ้าไปแถวถนนซ่อง เพียงแค่ไปร้องไห้กับผู้ชายคนไหน ผู้ชายคนนั้นคงจะยอมจำนนในทันที

กู้อ้าวเวยถากถางน้ำตาซึม

ซูพ่านเอ๋อโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ: “ท่านพี่จื๋อ! ดูนางสิ!”

“ดูเหมือนว่าข้าจะตามใจเจ้ามากเกินไปแล้ว” ซ๋านจินจื๋อง้างมือขึ้น

“พรุ่งนี้ ข้าต้องไปฝังเข็มให้ไทเฮา” แววตาแกมท้าท้ายของกู้อ้าวเวยจ้องมองไปที่ซ่านจินจื๋อ: “แต่การที่ท่านตบตีข้าก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา”

เรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา!

มาถึงตรงนี้ความอดทนอดกลั้นทั้งหมดของซ่านจินจื๋อได้หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ซ่านจินจื๋อตบหน้ากู้อ้าวเวยไปอย่างเต็มแรง

มุมปากของกู้อ้าวเวยมีสีแดงของเลือดออกมาให้เห็น และหูข้างซ้ายนั้นก็อื้ออึ้งอย่างไม่สิ้นสุด ซูพ่านเอ๋อแสยะยิ้มด้วยความพอใจ นางกลับไม่สังเกตเห็นรอยยิ้มที่มีแต่เหมือนไม่มีของกู้อ้าวเวย

กู้อ้าวเวยเก็บซ่อนความรู้สึกที่เจ็บจนชาของพวงแก้มไว้ นางมองไปที่ซ่านจินจื๋ออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว: “ตบได้ดี”

เป็นความรู้สึกประหนึ่งตบปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น

ซ่านจินจื๋อบันดาลโทสะจนเส้นเลือดสมองแทบจะระเบิด แต่เมื่อนึกถึงว่าพรุ่งนี้กู้อ้าวเวยต้องไปเข้าเฝ้าไทเฮา จึงไม่กล้าลงมือตีซ้ำครั้งที่สอง เขาสั่งให้เฉิงซานไปเอายาทาชนิดที่ดีที่สุดมาด้วยน้ำเตียงที่ทุ้มต่ำ จากนั้นโยนมันลงไปที่ข้างเท้าของกู้อ้าวเวย

“หากให้ไทเฮาล่วงรู้เรื่องนี้ ข้าจะทำให้เจ้าได้เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่า การตายดีกว่าการมีชีวิตอยู่”

เมื่อพูดจบ ซ่านจินจื๋อเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงซูพ่านเอ๋อที่ยืนยิ้มเยาะกู้อ้าวเวยอย่างสะใจ: “ท่านพี่จื๋อไม่ให้ค่าความเป็นตายของเจ้าแม้แต่น้อย พรุ่งนี้ไปเข้าเฝ้าไทเฮาก็ระวังหน่อยล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์