บทที่ 303 ตุ๊กตาวูกู
“ดวงตาของกู้อ้าวเวย หายดีแล้วอย่างแน่นอน”
ซ่านเซิ่งหานวางบัญชีรายชื่อในมือลง สำหรับไม่กี่รายชื่อที่ผสมปนเปเข้ามาในนี้ เขาย่อมเชื่อมั่นอยู่แล้ว
เยว่รินเติมเหล้าอุ่นให้เขา พลางเอี้ยวกายสำรวจรายชื่อเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน แต่กลับต้องขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย บางรายชื่อก็ยิ่งดูไม่คุ้นตา
“เมื่อก่อนเคยฆ่าเจ้าหน้าที่หลายคนในเมืองยิ่งโจวมาก่อน ตอนนี้สามารถหาคนมาแทนได้แล้ว” ซ่านเซิ่งหานรับเหล้าอุ่นขึ้นมาจิบ ขมวดคิ้วแน่นก่อนจะคลายปมออกมา “พอดีเอาเมิ่งซู่กลับมาแทนที่เสียเลย”
“เมืองยิ่งโจวยังนับว่าเป็นสถานที่ขนาดใหญ่ ใต้เท้าเมิ่งขยายอำนาจอยู่ที่นั่น มันไม่ดีหรอกหรือ” เยว่ไม่เข้าใจ
“นางเอาหนังสือรายชื่อตั้งมากมายขนาดนี้มาให้ข้า ซ้ำยังเอ่ยถึงเมืองยิ่งโจวสถานที่แห่งนี้อีก นั่นก็หมายความว่าอยากให้ข้าใช้คนพวกนี้แลกเอาเมิ่งซู่กลับมา ซ้ำคนที่จะนำกลับมานี้ยังเป็นผู้มากความสามารถ ไปที่นั่นก็คงเป็นได้แค่ข้าราชสำนักระดับปานกลางคนหนึ่งเท่านั้น แต่หากให้มาอยู่ในราชสำนักเทียนเหยียน นั่นย่อมเป็นมือฉมังคนหนึ่งแล้ว” ซ่านเซิ่งหานส่ายหน้าเบาๆ พลางอธิบาย
เยว่ร้องอ้อ ก่อนยอบกายจากไป สุดท้ายนางก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ
ตอนที่ออกมาข้างนอกกลับเจอะคนๆ หนึ่งเข้า เกือบทำเอาเหล้าอุ่นที่เหลือในมือสาดรดบนร่างของคนๆ นั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นฉางอีฉินซวนเซไปสองก้าว ทั้งสองสบสายตากัน เยว่รีบหยัดกายให้มั่น และเอ่ยเสียงแผ่ว “องค์ชายยังคงสะสางงานราชการอยู่”
“ข้ามีธุระมาหาองค์ชาย” ในมือฉางอีฉินยังถือสมุดรายชื่อเอาไว้ด้วย
เยว่เลิกคิ้ว เปิดทางให้หนึ่งก้าว “เช่นนั้นเยว่ก็ไม่รบกวนองค์ชายและฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ"
ฉางอีฉินมุ่งเข้าไปด้านใน ซ่านเซิ่งหานที่ได้ยินเสียงแล้วจึงวางสิ่งต่างๆ ลง มองไปที่นาง “ธุระอันใด”
“เป็นเรื่องงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วง และเป็นเรื่องตระกูลฉางของข้าด้วย” ฉางอีฉินนั่งลงข้างกายซ่านเซิ่งหานอย่างมีไหวพริบ กลับไม่ทำความเคารพ รู้ว่าสิ่งที่ซ่านเซิ่งหานชอบก็คือนางไม่เคารพกฎเกณฑ์แบบนี้แหละ
นางยื่นบัญชีรายชื่อในมือส่งให้ซ่านเซิ่งหาน ในนั้นล้วนเป็นชื่อของสมาชิกในเครือของตระกูลฉาง
ซ่านเซิ่งหานปราดมองแวบหนึ่ง ในบรรดานั้นมีหนึ่งคนที่เขาจำได้ เป็นคนๆ หนึ่งที่กู้อ้าวเวยเคยแนะนำให้เขาก่อนหน้านี้ ส่วนคนอื่นๆ เขาไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิง
“บิดารู้ว่าพระองค์กำลังฝึกฝนกองกำลังของตนเองอยู่ จึงอยากให้พวกเขาเข้าไปเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก หรือไม่ก็โยกย้ายไปในค่ายทหาร แต่ล้วนเป็นคนที่คัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันแน่แล้ว” ฉางอีฉินเอ่ยวาจาฉับไว
“ฝากขอบคุณบิดาแทนข้าด้วย” ซ่านเซิ่งหานหัวเราะเบาๆ เห็นว่าท้องฟ้ามืดลงแล้ว ฉางอีฉินนั่งแช่อยู่ที่นี่คล้ายกับไม่คิดจะออกไป จึงถอนใจเบาๆ หนึ่งเฮือก “เอาเถิด คืนนี้เจ้าก็อ้างแรมอยู่กับข้าที่นี่แล้วกัน”
ดวงตาฉางอีฉินเป็นประกาย และพยักหน้าอย่างชาญฉลาด
นอกหน้าต่างมีจันทร์สว่าง มีทอเงาประกายอาบคนเบื้องล่าง
เยว่ทำเพียงมองบานประตูห้องบรรทมของซ่านเซิ่งหานปิดสนิท แสงเทียนมอดดับ นางจึงกลับห้องของตนอย่างเนิบนาบ
หลายวันผ่านไป เป็นงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงในวังพอดี มีสุรากำดัดอาหารรสชาติล้ำ ทั้งยังมีเนื้อปูอวบอ้วนที่ส่งมาจากแดนไกลโพ้นอีกด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทิวทัศน์ของสวนฤดูใบไม้ร่วงแห่งนี้เลยมันถูกคนในวังจัดแจงอย่างเอาใจใส่ ถึงขั้นไม่มีความรู้สึกอุดอู้ใดเลยๆ
วันนี้กู้อ้าวเวยเองก็อาศัยโอกาสมาตรวจชีพจรให้ไทเฮาถึงได้เข้ามาเห็นก่อน ชิงต้ายก็ลอบร้องอุทานเช่นกัน “นี่มันต้องใช้เงินไปกี่ตำลึงกันนะ”
“กลัวว่าไม่น้อยเลย” กู้อ้าวเวยก็พูดพ่นตอบรับคำด้วย
ทั้งสองเดินวนหนึ่งรอบเล็ก ก่อนจะเดินกลับไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน กู้อ้าวเวยถามชิงต้ายไปพลาง “ทางด้านกุ่ยเม่ยวางแผนไว้เรียบร้อยหรือยัง”
“วางแผนไว้ดีแล้วเจ้าค่ะ ในวันงานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงไม่อนุญาตให้มีองครักษติดตาม อนุญาตให้นำสาวใช้มาด้วยเท่านั้น แต่กุ่ยเม่ยก็มีเหตุผลในการอ้างอยู่ต่อ” ชิงต้ายพยักหน้า พลางเอ่ยถามเสียงแผ่ว “เพียงแต่วันนี้คุณหนูรองต้องพักอยู่ในวังอ๋องหนึ่งคืน ถ้าหากซูพ่านเอ๋อคิดลงมือจะทำอย่างไรดี”
“บัตรเชิญของทั้งสองคนถูกส่งไปที่วังอ๋องจิ้งตั้งนานแล้ว ความอาจหาของซูพ่านเอ๋อคงไม่ใหญ่คับฟ้าขนาดนี้กระมัง” กู้อ้าวเวยมุ่นคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...