บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 305

บทที่ 305 เชือกทวงชีวิต

รอบตัวแว่วยินเสียงหัวเราะเบาๆ ลอยเข้ามา

ผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับค่อนข้างหัวเสีย สาวใช้ไม่กี่คนหลังกายรีบดึงนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว

หลังจากกู้อ้าวเวยวัดชีพจรให้กู้จี้เหยาเสร็จ ทำเพียงเหลียวหลังมองเบาๆ เห็นเพียงแต่หญิงคนนี้มีดวงตาทรงเสน่ห์ รูปร่างดีมีส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่ข้างกายกลับไม่มีบุรุษ ก็รู้ทันทีว่าเป็นสมาชิกในเรือนขององค์ชายสอง

นึกถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยพลันยิ้มบางๆ “ที่แท้ก็พระชายาองค์ชายสองนี่เอง ได้ยินว่าท่านก็แต่งเข้าวังอ๋องไปได้ราวๆ สามปีแล้ว แต่กลับไร้ทายาท ไม่รู้ข้าวัดชีพจรให้ท่าน เปิดตำรับยาให้สักหน่อยดีกว่า”

เสียงหัวเราะครืนรอบตัวยิ่งดังเข้าไปใหญ่ พระชายาองค์ชายสองหัวเสีย เมื่อก่อนในงานเลี้ยงของไทเฮา กู้อ้าวเวยคนนี้ก็พูดถึงข้ารับใช้ในราชสำนักหรือไม่ก็เรื่องขายหน้าของพระชายาองค์ชายทั้งนั้น เดิมคิดอยากโจมตีกลับ แต่คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะปากคอเราะรายขนาดนี้เชียว

กู้จี้เหยาปาดหยาดเหงื่อที่หน้าผากของตน ยิ่งไม่เกี่ยงจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ “พี่สาวข้าทักษะการแพทย์สูงยิ่ง หากพระชายาองค์ชายสองยินดีละก็ กรุณาแจ้งให้ทางเราทราบได้ตลอดเวลา”

“เจ้า!” พระชายาองค์ชายสองแทบตบโต๊ะหยัดตัวลุกขึ้นยืน

กู้อ้าวเวยกลับรับชาใสมาเอง ส่ายหน้าพลางยิ้มบางๆ ทำเพียงชำเลืองมองความรักสุดซึ้งระหว่างซ่านเชียนหยวนและลี่วาน ใคร่ครวญอยู่ว่าจะพูดเรื่องที่ลี่วานมีความรู้ในแมลงพิษเหมียวเจียงออกมาดีหรือไม่

กู้จี้เหยากลั้นหัวเราะ หลานเอ๋อร์และชิงต้ายช่วยนางลูบหลังไล่ลม อย่าได้หัวเราะจนลมกลับเชียว

แต่ผ่านไปสักพัก ฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาก็เข้าสู่ลาน

หลังจากแสดงความยินดี ไทเฮาก็มุ่งตรงไปส่งกงกงเข้ามา ประสงค์ให้กู้อ้าวเวยไปอยู่ข้างกายนางสักหน่อย

กู้อ้าวเวยพยักหน้า และสั่งชิงต้าย “ดูนางไว้ให้ดี”

“ข้าทราบแล้ว” ชิงต้ายพยักหน้า หลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นงันงกด้วย

กู้อ้าวเวยมานั่งอยู่ข้างไทเฮา กุ้ยมามายกของอร่อยๆ มาให้นางไม่น้อย และยังเอาขนมอบที่เด็กกินบางส่วนมาวางไว้ตรงหน้าของนาง พลางยิ้มตาหยี “หลายวันมานี้พระชายาจิ้งช่วยเป็นธุระให้วังอ๋อง ดูซูบผอมไปไม่น้อยเลย”

“ขอบคุณกุ้ยมามา” กู้อ้าวยเวยขยิบตา พลางยกโจ๊กแปดเครื่องขึ้นดื่มหนึ่งคำ มันแตกต่างไปจากของนอกวังอย่างมาก

ไทเฮาเองก็ยิ้มขึ้นมา เอ่ยถามนางเสียงเบา “เจ้าดูออกหรือไม่ว่าทารกในครรภ์น้องสาวเจ้าเป็นเด็กผู้ชาย หรือว่าเด็กผู้หญิงกันแน่”

กู้อ้าวเวยส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่หมอตำแยจริงๆ วินิจฉัยออกมาไม่ได้ แต่มั่นใจได้ว่าแข็งแรงแน่นอน”

“เป็นเด็กผู้หญิงถึงจะดี” กุ้ยมามาพูดเสียงกระซิบข้างกายกู้อ้าวเวย ไทเฮาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า สายตาโปรยตกไปที่ฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว

กู้อ้าวเวยวางโจ๊กแปดเครื่องในมือลง พอเข้าใจบ้างแล้ว

ในวังแห่งนี้ถ้าให้กำเนิดเด็กผู้หญิงสักคน ถึงจะไม่อาจมีข่าวลือใดๆ แต่หากในวังราชวงศ์มีเด็กผู้ชายจุติลงมาเกิดแล้วสักคน นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเด็กคนนี้เป็นถึงทายาทของอ๋องจิ้ง

ไทเฮาไม่ประสงค์ให้พี่น้องสองคนนี้ริษยาหรือเป็นปรปักษ์ต่อกัน

“ไทเฮาอย่าได้กังวลพระทัยเลย ฮ่องเต้และท่านอ๋องเป็นพี่น้องกันตั้งมานานหลายปีแล้ว” กู้อ้าวเวยเอ่ยปลอบเสียงเบา

“นั่นก็ถูก” ไทเฮาก็พลอยปรนลมหายใจหนึ่งเฮือกลงไปด้วย

คราวนี้กู้อ้าวเวยถึงได้เริ่มกินอาหารอย่างว่าง่าย ไทเฮาเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลมอย่างแท้จริง ให้พระชายาจิ้งอย่างนางมานั่งด้วยกันกับตำแหน่งที่สูงที่สุดเช่นเดียวกับนาง พวกคนด้านล่างเหล่านั้นก็ควรรู้หนักเบาแล้ว

แต่ว่ากู้อ้าวเวยกินโจ๊กแปดเครื่องไปสองคำถึงนึกขึ้นได้ การเคลื่อนไหวในการถือชามก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว

สายลูกปัดสีดำเส้นนั้นก็ผุดเผยออกมา นางยิ่งกลัวเหลือเกินว่ากู้เฉิงจะมองไม่เห็น จึงเอียงชามในมือเล็กน้อย กงกงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ รีบยกมือขึ้นช่วยนางประคองอย่างรวดเร็ว

“ขอบคุณมาก” กู้อ้าวเวยเอ่ยประโยคนี้เบาๆ แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยมองเข้ามา

กงกงคนนั้นมองนางหน้าเรื่อแดง จึงก้มหน้าหดมือกลับไป

“เพล้ง...”

แก้วในมือของกู้เฉิงร่วงลงบนพื้น แม้แต่ฮ่องเต้ยังจ้องสายลูกปัดสีดำบนข้อมือของนางอย่างเอาตาย

กู้อ้าวเวยจงใจดึงแขนเสื้อขึ้นไปด้านบนอีกหน่อย ขณะที่กำลังแปลกใจ ก็เห็นสีพักตร์ไทเฮาเปลี่ยนไป กระแอมไอหลายที “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เวยเอ๋อร์...”

“เพคะ ไทเฮา” กู้อ้าวเวยรีบลุกขึ้นมาประคองมือของไทเฮาเอาไว้

นี่ไม่ใช่แค่สายลูกปัดอันเดียวหรอกหรือ...กู้อ้าวเวยคิดในใจ

ไทเฮากระวีกระวาดหยัดกายลุกขึ้น ขุนนางใหญ่ทั้งโขยงก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศพิลึกนี่ได้แล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด กู้จี้เหยาและชิงต้ายเองก็มองเข้ามาอย่างกังวลใจ กู้อ้าวเวยโบกมือเบาๆ ให้พวกนาง ประคองไทเฮามายังศาลายาวข้างสวนพฤกษศาสตร์ราชวัง

พอหย่อนตัวลงนั่ง กุ้ยมามาจึงรีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถลกแขนเสื้อของนางขึ้น และมองสายลูกปัดสีดำอันนั้น “พระชายาจิ้ง สายลูกปัดนี้ ท่านหาพบจากที่ไหนหรือ”

กู้อ้าวเวยย่อมไม่อาจบอกได้ว่าจื่อเหมิองเอามาให้ ทำเพียงเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าพบมันในห้องสัมภาระของข้าเอง เหมือนจะเป็นของที่ท่านแม่ข้าเหลือทิ้งไว้ให้ เพิ่งพบมันเมื่อหลายวันก่อน ริมถนนมีผู้หยั่งรู้คนหนึ่งบอกว่าสายลูกปัดนี้เป็นมงคล ข้าจึงอยากสวมใส่มางานเลี้ยงฤดูใบไม้ร่วงวันนี้ด้วย”

“นี่มันเป็นมงคลที่ไหนกัน ประตูซุ้มที่อยู่ด้านบน มันเป็นซุ้มยมบาล! พระชายาจิ้งรีบปลดมาออกมาเดี๋ยวนี้...”

“นี่คงเป็นสิ่งที่หยุนหว่านเหลือไว้ให้เจ้า ไม่จำเป็นต้องปลดออกแล้ว” ไทเฮากลับปรามคำของกุ้ยมามา มองดูสีหน้ากู้อ้าวเวยเปลี่ยนไปมา จึงเอ่ยเสียงต่ำ “ลูกปัดนี้มีชื่อว่าเชือกทวงชีวิต ปีนั้นตอนที่หยุนหว่านช่วยชีวิตผู้คนได้บอกไว้ได้สวมประตูยมบาลไว้ วันหน้าช่วยชีวิตคนจะได้เดินผ่านประตูใหญ่ดึงวิญญาณกลับมาอย่างทันท่วงที เดี๋ยวยมบาลก็กลับไป”

“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นมงคลยิ่งแล้ว” กู้อ้าวเวยแปลกใจ

“พระองค์ท่านยังไม่ทราบ ตอนนั้นขณะที่หยุนหว่านฮูหยินสวมใส่ก็ไร้ปัญหา แต่เชือกทวงชีวิตได้ชื่อนี้มา ความหมายมันก็คือเจ้านายของประตูยมบาลตกสู่นรก นั่นจะต้องพาคนที่เดินผ่านประตูไปด้วยกัน หยุนหว่านฮูหยินก็จากไปแล้ว สายลูกปัดนี้จึงไม่เป็นมงคลอีกต่อไป” กุ้ยมามาส่ายหน้า

กู้อ้าวเวยรับฟังจนหัวคิ้วมุ่นขมวด ขอเพียงเอ่ยถึงหยุนหว่านเหตุใดถึงยิ่งพูดยิ่งเหนือธรรมชาติทุกที

“อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ทางการที่หยุนหว่านฮูหยินเคยช่วยก่อนหน้านี้ ก็เสียชีวิตไปแล้วจริง”" กุ้ยมามาเสริมหนึ่งประโยค

ครั้งนี้ ก็แม้แต่กู้อ้าวเวยยังเริ่มกลัวแล้ว กลับไม่รู้ว่าจื่อเหมิงส่งของสิ่งนี้มาให้เพื่ออะไรกันแน่

ไทเฮาช่วยนางดึงแขนเสื้อลงเล็กน้อย “อุปนิสัยของแม่เจ้าแปลกประหลาด ข้าไม่ขอให้เจ้าเอาของขวัญล้ำค่าของท่านแม่ไปทิ้งหรือถอดออก แต่วันหน้า ไม่อนุญาตให้เจ้านำออกมาให้คนเห็นอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นคนที่รู้เรื่องนี้ จะพากันหนีเจ้าไปหมด”

“เวยเอ๋อร์ทราบแล้วเพคะ” กู้อ้าวเวยพยักหน้า รีบซ่อนไว้ให้ดี จากนั้นจึงถามอีก “ถ้าอย่างท่านแม่ข้าตอนแรก...”

“เป็นฮ่องเต้องค์ก่อนที่ติดหนี้บุญคุณแม่เจ้า เรื่องราวเก่าเหล่านั้นไม่ต้องเอ่ยถึงมันแล้ว นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าขงจื๊อไม่ยินดีจะเอ่ยถึงความพิลึก พลัง โกลาหล และเทพเจ้านั่นเอง” ไทเฮาโบกมือ เห็นชัดว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้

แต่กู้อ้าวเวยยังคงใคร่รู้ “ท่านพ่อข้าไม่เคยบอกข้ามาก่อนเลย”

กุ้ยมามาเบิกตาโพลง ไม่อยากจะเชื่อเลย ไทเฮาตกพระทัยอยู่ครู่ แต่กลับลูบกระหม่อมนางเบาๆ “แม่เจ้า เป็นคนที่ถูกชาวโลกสาปแช่งก่นด่าจนตาย พวกเขาล้วนติดหนี้ความยุติธรรมของแม่เจ้าแล้ว ปัจจุบันพอเห็นเชือกทวงชีวิตเส้นนี้ปรากฏ ก็ล้วนละอายใจทั้งสิ้น”

กู้อ้าวเวยมองสายลูกปัดบนข้อมืออย่างแน่นิ่ง เหม่อลอย

ไทเฮาบอกกับนางต่อ “เพราะพวกเขารู้สึกผิดต่อแม่เจ้า หากมีคนทำร้ายเจ้า ให้เจ้ามาทวงความยุติธรรมกับข้าที่นี่ได้เลย”

กุ้ยมามากลับขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด มองไทเฮาแวบหนึ่งอย่างระวัง “ไทเฮา ข้าจำได้...ในตอนแรกเชือกทวงชีวิตนี้ถูงฝังไปกับหยุนหว่านฮูหยินแล้ว...หลายวันก่อนโลงศพของหยุนหว่านฮูหยินถูกปล้นไป เชือกทวงชีวิตนี้ อาจจะเป็นของที่โจรนั่นถอดออกมาจากโลงศพเอามาให้พระชายาจิ้งกระมัง”

สีพักตร์ไทเฮาเปลี่ยนไป แรงที่กุมอยู่บนหลังมือของกู้อ้าวเวยพลันเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“ส่งคนไปตรวจสอบ! จะต้องนำโลงศพของหยุนหว่านฮูหยินกลับมาโดยไม่มีความเสียหายและนำมาฝังอย่างสงบให้ได้!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์