บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 305

สรุปบท บทที่ 305 เชือกทวงชีวิต: บุบผาร้อยเสน่ห์

ตอน บทที่ 305 เชือกทวงชีวิต จาก บุบผาร้อยเสน่ห์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 305 เชือกทวงชีวิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ บุบผาร้อยเสน่ห์ ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 305 เชือกทวงชีวิต

รอบตัวแว่วยินเสียงหัวเราะเบาๆ ลอยเข้ามา

ผู้หญิงคนนั้นคล้ายกับค่อนข้างหัวเสีย สาวใช้ไม่กี่คนหลังกายรีบดึงนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว

หลังจากกู้อ้าวเวยวัดชีพจรให้กู้จี้เหยาเสร็จ ทำเพียงเหลียวหลังมองเบาๆ เห็นเพียงแต่หญิงคนนี้มีดวงตาทรงเสน่ห์ รูปร่างดีมีส่วนเว้าส่วนโค้ง แต่ข้างกายกลับไม่มีบุรุษ ก็รู้ทันทีว่าเป็นสมาชิกในเรือนขององค์ชายสอง

นึกถึงตรงนี้ กู้อ้าวเวยพลันยิ้มบางๆ “ที่แท้ก็พระชายาองค์ชายสองนี่เอง ได้ยินว่าท่านก็แต่งเข้าวังอ๋องไปได้ราวๆ สามปีแล้ว แต่กลับไร้ทายาท ไม่รู้ข้าวัดชีพจรให้ท่าน เปิดตำรับยาให้สักหน่อยดีกว่า”

เสียงหัวเราะครืนรอบตัวยิ่งดังเข้าไปใหญ่ พระชายาองค์ชายสองหัวเสีย เมื่อก่อนในงานเลี้ยงของไทเฮา กู้อ้าวเวยคนนี้ก็พูดถึงข้ารับใช้ในราชสำนักหรือไม่ก็เรื่องขายหน้าของพระชายาองค์ชายทั้งนั้น เดิมคิดอยากโจมตีกลับ แต่คิดไม่ถึงว่ากู้อ้าวเวยจะปากคอเราะรายขนาดนี้เชียว

กู้จี้เหยาปาดหยาดเหงื่อที่หน้าผากของตน ยิ่งไม่เกี่ยงจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ “พี่สาวข้าทักษะการแพทย์สูงยิ่ง หากพระชายาองค์ชายสองยินดีละก็ กรุณาแจ้งให้ทางเราทราบได้ตลอดเวลา”

“เจ้า!” พระชายาองค์ชายสองแทบตบโต๊ะหยัดตัวลุกขึ้นยืน

กู้อ้าวเวยกลับรับชาใสมาเอง ส่ายหน้าพลางยิ้มบางๆ ทำเพียงชำเลืองมองความรักสุดซึ้งระหว่างซ่านเชียนหยวนและลี่วาน ใคร่ครวญอยู่ว่าจะพูดเรื่องที่ลี่วานมีความรู้ในแมลงพิษเหมียวเจียงออกมาดีหรือไม่

กู้จี้เหยากลั้นหัวเราะ หลานเอ๋อร์และชิงต้ายช่วยนางลูบหลังไล่ลม อย่าได้หัวเราะจนลมกลับเชียว

แต่ผ่านไปสักพัก ฮ่องเต้ ฮองเฮา และไทเฮาก็เข้าสู่ลาน

หลังจากแสดงความยินดี ไทเฮาก็มุ่งตรงไปส่งกงกงเข้ามา ประสงค์ให้กู้อ้าวเวยไปอยู่ข้างกายนางสักหน่อย

กู้อ้าวเวยพยักหน้า และสั่งชิงต้าย “ดูนางไว้ให้ดี”

“ข้าทราบแล้ว” ชิงต้ายพยักหน้า หลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ตัวสั่นงันงกด้วย

กู้อ้าวเวยมานั่งอยู่ข้างไทเฮา กุ้ยมามายกของอร่อยๆ มาให้นางไม่น้อย และยังเอาขนมอบที่เด็กกินบางส่วนมาวางไว้ตรงหน้าของนาง พลางยิ้มตาหยี “หลายวันมานี้พระชายาจิ้งช่วยเป็นธุระให้วังอ๋อง ดูซูบผอมไปไม่น้อยเลย”

“ขอบคุณกุ้ยมามา” กู้อ้าวยเวยขยิบตา พลางยกโจ๊กแปดเครื่องขึ้นดื่มหนึ่งคำ มันแตกต่างไปจากของนอกวังอย่างมาก

ไทเฮาเองก็ยิ้มขึ้นมา เอ่ยถามนางเสียงเบา “เจ้าดูออกหรือไม่ว่าทารกในครรภ์น้องสาวเจ้าเป็นเด็กผู้ชาย หรือว่าเด็กผู้หญิงกันแน่”

กู้อ้าวเวยส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่หมอตำแยจริงๆ วินิจฉัยออกมาไม่ได้ แต่มั่นใจได้ว่าแข็งแรงแน่นอน”

“เป็นเด็กผู้หญิงถึงจะดี” กุ้ยมามาพูดเสียงกระซิบข้างกายกู้อ้าวเวย ไทเฮาที่อยู่ด้านข้างพยักหน้า สายตาโปรยตกไปที่ฮ่องเต้โดยไม่รู้ตัว

กู้อ้าวเวยวางโจ๊กแปดเครื่องในมือลง พอเข้าใจบ้างแล้ว

ในวังแห่งนี้ถ้าให้กำเนิดเด็กผู้หญิงสักคน ถึงจะไม่อาจมีข่าวลือใดๆ แต่หากในวังราชวงศ์มีเด็กผู้ชายจุติลงมาเกิดแล้วสักคน นั่นคงเป็นเรื่องใหญ่แล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเด็กคนนี้เป็นถึงทายาทของอ๋องจิ้ง

ไทเฮาไม่ประสงค์ให้พี่น้องสองคนนี้ริษยาหรือเป็นปรปักษ์ต่อกัน

“ไทเฮาอย่าได้กังวลพระทัยเลย ฮ่องเต้และท่านอ๋องเป็นพี่น้องกันตั้งมานานหลายปีแล้ว” กู้อ้าวเวยเอ่ยปลอบเสียงเบา

“นั่นก็ถูก” ไทเฮาก็พลอยปรนลมหายใจหนึ่งเฮือกลงไปด้วย

คราวนี้กู้อ้าวเวยถึงได้เริ่มกินอาหารอย่างว่าง่าย ไทเฮาเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลมอย่างแท้จริง ให้พระชายาจิ้งอย่างนางมานั่งด้วยกันกับตำแหน่งที่สูงที่สุดเช่นเดียวกับนาง พวกคนด้านล่างเหล่านั้นก็ควรรู้หนักเบาแล้ว

แต่ว่ากู้อ้าวเวยกินโจ๊กแปดเครื่องไปสองคำถึงนึกขึ้นได้ การเคลื่อนไหวในการถือชามก็ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว

สายลูกปัดสีดำเส้นนั้นก็ผุดเผยออกมา นางยิ่งกลัวเหลือเกินว่ากู้เฉิงจะมองไม่เห็น จึงเอียงชามในมือเล็กน้อย กงกงคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ รีบยกมือขึ้นช่วยนางประคองอย่างรวดเร็ว

กู้อ้าวเวยรับฟังจนหัวคิ้วมุ่นขมวด ขอเพียงเอ่ยถึงหยุนหว่านเหตุใดถึงยิ่งพูดยิ่งเหนือธรรมชาติทุกที

“อีกอย่าง เจ้าหน้าที่ทางการที่หยุนหว่านฮูหยินเคยช่วยก่อนหน้านี้ ก็เสียชีวิตไปแล้วจริง”" กุ้ยมามาเสริมหนึ่งประโยค

ครั้งนี้ ก็แม้แต่กู้อ้าวเวยยังเริ่มกลัวแล้ว กลับไม่รู้ว่าจื่อเหมิงส่งของสิ่งนี้มาให้เพื่ออะไรกันแน่

ไทเฮาช่วยนางดึงแขนเสื้อลงเล็กน้อย “อุปนิสัยของแม่เจ้าแปลกประหลาด ข้าไม่ขอให้เจ้าเอาของขวัญล้ำค่าของท่านแม่ไปทิ้งหรือถอดออก แต่วันหน้า ไม่อนุญาตให้เจ้านำออกมาให้คนเห็นอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นคนที่รู้เรื่องนี้ จะพากันหนีเจ้าไปหมด”

“เวยเอ๋อร์ทราบแล้วเพคะ” กู้อ้าวเวยพยักหน้า รีบซ่อนไว้ให้ดี จากนั้นจึงถามอีก “ถ้าอย่างท่านแม่ข้าตอนแรก...”

“เป็นฮ่องเต้องค์ก่อนที่ติดหนี้บุญคุณแม่เจ้า เรื่องราวเก่าเหล่านั้นไม่ต้องเอ่ยถึงมันแล้ว นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าขงจื๊อไม่ยินดีจะเอ่ยถึงความพิลึก พลัง โกลาหล และเทพเจ้านั่นเอง” ไทเฮาโบกมือ เห็นชัดว่าไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้

แต่กู้อ้าวเวยยังคงใคร่รู้ “ท่านพ่อข้าไม่เคยบอกข้ามาก่อนเลย”

กุ้ยมามาเบิกตาโพลง ไม่อยากจะเชื่อเลย ไทเฮาตกพระทัยอยู่ครู่ แต่กลับลูบกระหม่อมนางเบาๆ “แม่เจ้า เป็นคนที่ถูกชาวโลกสาปแช่งก่นด่าจนตาย พวกเขาล้วนติดหนี้ความยุติธรรมของแม่เจ้าแล้ว ปัจจุบันพอเห็นเชือกทวงชีวิตเส้นนี้ปรากฏ ก็ล้วนละอายใจทั้งสิ้น”

กู้อ้าวเวยมองสายลูกปัดบนข้อมืออย่างแน่นิ่ง เหม่อลอย

ไทเฮาบอกกับนางต่อ “เพราะพวกเขารู้สึกผิดต่อแม่เจ้า หากมีคนทำร้ายเจ้า ให้เจ้ามาทวงความยุติธรรมกับข้าที่นี่ได้เลย”

กุ้ยมามากลับขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด มองไทเฮาแวบหนึ่งอย่างระวัง “ไทเฮา ข้าจำได้...ในตอนแรกเชือกทวงชีวิตนี้ถูงฝังไปกับหยุนหว่านฮูหยินแล้ว...หลายวันก่อนโลงศพของหยุนหว่านฮูหยินถูกปล้นไป เชือกทวงชีวิตนี้ อาจจะเป็นของที่โจรนั่นถอดออกมาจากโลงศพเอามาให้พระชายาจิ้งกระมัง”

สีพักตร์ไทเฮาเปลี่ยนไป แรงที่กุมอยู่บนหลังมือของกู้อ้าวเวยพลันเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“ส่งคนไปตรวจสอบ! จะต้องนำโลงศพของหยุนหว่านฮูหยินกลับมาโดยไม่มีความเสียหายและนำมาฝังอย่างสงบให้ได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์