บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 334

บทที่ 334 นำวิธีเก่าไปใช้ใหม่

ตอนนี้ พระราชินีซู๋เซ่อปกป้องตัวเองไม่ไหวแล้ว ถ้าบอกว่า แต่ก่อนยังสามารถต่อต้านได้บ้าง ตอนนี้ องค์ชายสามพึ่งเริ่มมีการต่อสู้กับอ๋องจิ้ง แต่เสด็จแม่ขององค์ชายสามเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว ทรงจึงมีความหวังขึ้นมาหน่อย และคิดว่ามีสิทธิที่จะมาต่อรองกับอ๋องจิ้งด้วย

ซ่านจินจื๋อยอมรับอยู่แล้ว ซูพ่านเอ๋อต้องมีทางออกของตัวเอง

เมื่อกู้อ้าวเวยได้ข่าว แค่สั่งให้คนไปซื้อชุดใหม่มา

จนถึงวันที่พระราชินีซู๋เซ่อมาเยี่ยม กู้อ้าวเวยจึงพาชิงต้ายกลับมาตำหนักอ๋อง พระราชินีดูแก่ลงมาก แต่ก็ยังแต่งหน้าจัดๆ ใส่ชุดอย่างงดงามเหมือนเดิม เห็นกู้อ้าวเวย แต่ดูไม่ใกล้ชิดกับเธอเหมือนแต่ก่อน

สงสัยรู้ว่า กู้อ้าวเวยไม่มียาที่สามารถทำให้ผู้คนไม่แก่ได้ และรู้จักประสบการณ์ชีวิตของกู้อ้าวเวยด้วย กลัวเดี๋ยวจะทำให้ทรงเดือดร้อน

“ท่านอ๋อง พูดตรงๆดีกว่านะ” สักพัก พระราชินีวางแก้วชา จ้องมองหน้าของซ่านจินจื๋อ พูดว่า “แม้ว่าลูกชายสองคนของข้า ไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ว่าอำนาจของข้าจะไม่หายไปง่ายๆภายในกี่ปีนี้หรอก”

ซูพ่านเอ๋อคิ้วขมวด พูดก่อนซ่านจินจื๋อว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียงมั่นใจเกินไปไหมคะ เมื่อท่านตกลงจากแท่นบูชานั้น ก็แสดงว่า เป็นเวลาที่อำนาจของท่านเริ่มสูญเสียแล้ว ท่านไม่มีลูก อำนาจในมือน่าจะคิดหักหลังท่านไปหมดแล้วมั้ง”

ซูพ่านเอ๋อพูดถูก แต่เห็นซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยคิ้วขมวดขึ้น

ฮองเฮาซู๋เซ่อมองหน้าซูพ่านเอ๋อ ยิ้มและถามว่า “เจ้ารู้ได้ไง ว่า ลูกน้องของข้าคิดจะหักหลังข้าคะ”

“ไม่ใช่เหรอคะ” ซูพ่านเอ๋อยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง คิดว่าตัวเองฉลาดเหลือเกิน

“แม้กระทั่ง ข้าไม่เป็นฮองเฮา น้องสาวของข้าก็ยังเป็นพระสนมอยู่ ตอนนี้มีลูกเป็นองค์ชายด้วย จะกลัวว่าอำนาจพื้นหลังของข้าไม่ไหวเหรอ” ฮองเฮายิ้มอย่างเย็นชา มองหน้าซูพ่านเอ๋อด้วยสายตาที่ดูถูกเธอ พูดว่า “แม่นางซูคิดว่า นอกจากลูกกับความสวยงามของข้า ข้าพึ่งพาอะไรไม่ได้เลยใช่ไหม”

ซูพ่านเอ๋อสีหน้าไม่ค่อยดี ตอนแรก คิดว่าจะให้คนอื่นเห็นความฉลาดของตัวเองบ้าง ไม่นึกจะเสียหน้าขนาดนี้

“ท่านอยากได้อะไร” ซ่านจินจื๋อถามตรงๆ

“ร่วมมือกัน หรือแตกแยกกัน” ฮองเฮาก็ตอบมาตรงๆ

ซ่านจินจื๋อกำลังคิดอยู่ กู้อ้าวเวยวางแก้วชาลงและพูดว่า “ฮองเฮาทรงเก่งเหลือเกิน กล้าพูดคำว่า ร่วมมือกันด้วย”

“คุณน้องมีวิธีอื่นเหรอ หรือไม่เชื่อใจกับข้า” ฮองเฮาซู๋เซ่อคิ้วขมวด

“ฉันรู้ว่าท่านมีทั้งคนช่วยและอำนาจ แล้วเป็นไงละคะ” กู้อ้าวเวยยิ้ม ลุกขึ้นมาและมองหน้าซ่านจินจื๋อ เห็นเขาทำหน้าเย็นชาไม่รู้จะทำยังไง รู้สึกตลกอยู่ในใจ จึงพูดต่อ “ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้เร็วมากในการเมือง แม้ว่าท่านจะมีอำนาจแค่ไหน ฉันก็มีวิธีสามารถทำให้มันสูญเสียได้”

“ตลกจริงๆ” ฮองเฮาโยนแก้วในมือลงบนพื้น

ซ่านจินจื๋อไม่พูดอะไร เหมือนรอฟังกู้อ้าวเวยพูดต่อ

ซูพ่านเอ๋อสีหน้าเข้มงวด ไม่เข้าใจว่า ทำไมกู้อ้าวเวยกล้าพูดแบบนี้โดยไม่กลัวใคร

แต่กู้อ้าวเวยเองไม่คิดแบบนั้น พูดต่อว่า “วันที่น้องสาวของท่านได้รับตำแหน่งสูงขึ้น วันนั้นจะกลายเป็นวันตายของท่าน”

จี้ถูกสุดสำคัญ แววตาของฮองเฮาเปลี่ยนไปจากเดิม และเห็นกู้อ้าวเวยเดินไปด้านหลังของท่าน ตบไหล่ท่านเบาๆ พูดว่า “รวมทั้งตระกูลที่เกี่ยวข้องด้วย ถ้าฮ่องเต้รู้จัก วันนั้นที่องค์ชายหกร่วมมือกับศัตรูประเทศ หักหลังและทำร้ายประเทศตัวเอง ที่สำคัญ ท่านมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ท่านคิดว่าจะเป็นยังไงคะ”

“เรื่องนี้...”

“ใช่สิ แต่ท่านอ๋องต้องมีทางให้ฮ่องเต้เชื่ออยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยเสริมแรงที่มือขึ้น พูดต่อ “ท่านอ๋องสามารถทำร้ายองค์ชายหกได้ ก็ต้องสามารถทำร้ายอำนาจของท่านให้จบสิ้นอย่างเรียบร้อย ท่านกล้ามาต่อรองเรื่องร่วมมือกันได้ไงคะ”

“ควรพูดว่า ท่านจะเลือกเชื่อฟังท่านอ๋อง หรือว่า จะเลือกเสียชีวิตในมือของท่านอ๋องนะ”

กู้อ้าวเวยพูดจบ ฮองเฮาเปิดตาโตและมองหน้าซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างหน้า

อันที่จริง ซ่านจินจื๋อยังไม่เคยคิดว่าจะขู่ฮองเฮาโดยตรงแบบนี้หรอก แต่เห็นสภาพตอนนี้ของฮองเฮาแล้ว สงสัยกู้อ้าวเวยน่าจะรู้จักว่า เรื่องขององค์ชายหกนั้น ฮองเฮามีส่วนร่วมแน่นอน

กู้อ้าวเวยกลับไปนั่งที่เดิมอย่างช้าๆ และพูดว่า “ถ้างั้น ฮองเฮาเหนียงเหนียงทำการเลือกได้แล้วค่ะ”

“คุณ” ซู๋เซ่อโยนของในมือกระทบบนพื้นที่ข้างๆเท้าของกู้อ้าวเวย แต่กู้อ้าวเวยแค่ยิ้มเฉยๆ ซู๋เซ่อคิดสักพัก จึงพยายามยิ้มกับซ่านจินจื๋อและพูดว่า “ข้ารับปากกับท่านอ๋อง หวังว่าท่านอ๋องจะช่วยข้าพูดดีกับฮ่องเต้บ้าง”

“แน่นอน” ซ่านจินจื๋อไม่นึกว่าฮองเฮาจะยอมรับได้เร็วขนาดนี้

คุยเรื่องจบ กู้อ้าวเวยก็ยังดูปกติ ไม่รีบร้อนอะไร เธอลุกขึ้นและกำลังจะจากไป

ซ่านจินจื๋อผลักซูพ่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้างออกไป ถามว่า “ทำไมเจ้าช่วยข้าครับ”

“ข้าเป็นพระชายาจิ้ง มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยยืนหันหลังกับซ่านจินจื๋อ “ถ้าท่านอ๋องไม่มีอะไรอีก ข้าขอตัวก่อนแล้วค่ะ”

“ครับ” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้น และเดินไปอีกทาง

สองคนหันหลังต่อกัน ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง

มีแต่ซูพานเอ๋อมองดูเขาสองคน และหยิบขนมในมือจนเสียหมด ถือโอกาสที่คนอื่นเขาไม่สนใจ กินเมล็ดยาสีดำลง และรออย่างเงียบๆ

พอถึงร้านยาเหย้า กู้อ้าวเวยกักขังตัวเองอยู่ในห้องพัก

ห่มผ้าห่มไว้แน่นๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น เธอชินกับการที่ทำตามความคิดของซ่านจินจื๋อแล้วเหรอ หรือว่า ในใจของเธอยังมีความรักกับซ่านจินจื๋ออยู่

เมื่อนึกออก เธอก็พูดออกไปซะแล้ว

เธอเหมือนไม่อยากให้ซ่านจินจื๋อไม่ดี

ความคิดแบบนี้ทำให้เธอกลัวมาก ถ้าเธอได้ไปช่วยองค์ชายสามในอนาคต อาจจะให้อภัยซ่านจินจื๋อหรือจะโกงบ้างก็เป็นไปได้นะ

นึกถึงเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่ เธอต้องปวดหัวแน่ๆ

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอได้ยินเสียงจากข้างนอก เสียงพูดของกุ่ยเม่ยตามมา “พวกคุณทำอะไร ปล่อยชิงต้ายเดี๋ยวนี้ เธอเป็นคนรับใช้ของพระชายา ไม่ใช่อาชญากร”

กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงวุ่นวายมาจากข้างน้อง เลยรีบลุกขึ้นและเดินออกไป เห็นกุ่ยเม่ยกำลังถูกคนประมาณสิบกว่าคนกดนอนอยู่บนพื้น เฉิงซานจับมีดดาบและวางข้างๆคอของเธอ พูดว่า “พระชายาครับ ท่านอ๋องให้ท่านกับคนของท่านกลับไปตำหนักอ๋องครับ”

“ทำอะไรคะ” กู้อ้าวเวยยังไม่ทันเอามีดออกจากเอวตัวเอง ก็ถูกเฉิงซานหยิบเอามีดใบเล็กที่ซ่อนอยู่เอวออกมาแล้ว

“แม่นางซูเป็นพิษ ซึ่งเป็นยาพิษที่ท่านเคยผลิดออกมา มียาที่แปลกๆเพิ่มเข้าไปด้วย” สายตาของเฉิงซานแหลมคมขึ้น “ท่านเป็นผู้ต้องสงสัย รวมทั้งคนพวกนี้ด้วย”

กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องไม่เคยคิดว่า เธอนำวิธีเก่ามาใช้ใหม่เหรอคะ”

“ฝีมือการรักษาโรคทางแพทย์ของหมอเมี่ยวหารจะสู้กับยาพิษของท่านได้ไง” เฉิงซานตอบอย่างมีเหตุมีผล ไม่รู้จะเถียงยังไง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์