บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 379

บทที่ 379 ตุ๊กตาเครื่องเคลือบ

“ข้าก็เข้าใจท่าน ท่านพี่จื๋อ!”

ซูพ่านเอ๋อร้องไห้พลางคว้าเอาชายแขนเสื้อของซ่านจินจื๋อ “ข้าไม่เชื่อในสิ่งที่ท่านพูด ต้องเป็นเพราะกู้อ้าวเวยทำให้ท่าน...”  

“ในบ้านของเมี่ยวหาร มีพิษชนิดหนึ่ง เป็นพิษที่เจ้าเคยโดนมาก่อนหน้านี้ ระยะเวลานานมากแล้ว เฉิงซานตามหามานานมาก แต่กลับหาไม่พบในที่พักของกู้อ้าวเวย” ซ่านจินจื๋อพูดกระแทกไปยังหัวใจของซูพ่านเอ๋อเบาๆ เขายังมองนางด้วยสายตาอันแหลมคม “ตั้งแต่แรก ข้าเองที่ทำผิดต่อนาง ตั้งแต่ข้าต้องสูญเสียลูกคนแรกที่ควรจะเป็นของข้า”

ซูพ่านเอ๋อเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ

สิ่งของพวกนั้นคงจะถูกปัดกวาดเรียบร้อยแล้วต่างหาก! 

ราวกับว่าจะรู้ความคิดของซูพ่านเอ๋อว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซ่านจินจื๋อกวาดมือของนางออกไป “ตอนที่กลับมา ข้าถูกคำสั่งห้ามของฮ่องเต้ บ้านของเมี่ยวหารก็ถูกทำลายเช่นกัน ซู๋โหย่วเว่ยมาที่นี่และได้พบเบาะแสไม่น้อยเกี่ยวกับยาพิษที่นี่

“ข้าก็แค่....”

“เจ้ายังไม่เข้าใจนาง” ซ่านจินจื๋อใช้สายตาอันแหลมคมมองไปยังซูพ่านเอ๋อ “ข้าดีกับเจ้าเสมอ แต่เจ้ากลับทำร้ายคนอื่นอยูเสมอ” 

ซูพ่านเอ๋อกัดฟันแน่น แต่กลับเป็นว่าพูดอะไรไม่ออกสักคำ

“พ่านเอ๋อ ข้าจริงใจกับเจ้า จากนี้ไปหวังว่าจะไม่เห็นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนะ” ซ่านจินจื๋อพูดเสียงเบาๆ ยกมือขึ้น เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกประตูได้เดินเข้ามา ดึงตัวซูพ่านเอ๋อขึ้นมา “แม่นางซูผอมบาง ข้าน้อยขอพาแม่นางซูกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”

ซ่านจิจื๋อพยักหน้า สายตาจ้องมองไปยังรูปวาดนั้นอีกครั้ง

คนที่ติดหนี้อยู่ เมื่อไรจะจ่ายคืน

นอกหน้าต่าง แสงจันทร์ส่องส่าง แสงดาวสลัว

ไม่มีกุ่ยเม่ยและชิงจือคอยอยู่เป็นเพื่อน กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าชีวิตดำเนินไปอย่างเชื่องช้า จึงต้องเอาสุราชิงเหมยออกมาแล้วปีนขึ้นไปบนหลังคา ยู่จูกลัวว่าชุดของนางจะสกปรกจึงไม่อยากขึ้นไป มีเพียงจื่อเท่านั้นที่ปีนขึ้นไปบนหลังคา เห็นกู้อ้าวเวยกำลังดื่มสุราอยู่บนหลังคาอย่างสบาย ส่งเสียงจุ๊ ๆ “ข้าไม่คิดว่าเมื่อกุ่ยเม่ยจากไป เรื่องต่าง ๆจะเข้ามาพร้อมกันหมด”  

“อาจเป็นโชคชะตาที่เข้ามาสมทบ ข้าก็ไม่คาดคิด ว่าตอนนี้เขาจะคิดถึงข้าจริง ๆ” กู้อ้าวเวยพูดถึงท่อนนี้ ก็ส่งเสียงร้องออกมา แม้ว่าสุราชิงเหมยจะเป็นสุราชั้นยอด แต่สุดท้ายก็ยังมีความขมอยู่

“นี่คือเรื่องดีหรือไม่” จื่อเอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของกู้อ้าวเวยอย่างรวดเร็ว

กู้อ้าวเวยตบหน้าผากของนาง “ฟ้ารู้ดีว่านี่คือเรื่องดีหรือไม่ดี”

จื่อลูบหน้าผาก เพียงแต่ต้องอยู่เป็นเพื่อกู้อ้าวเวยดื่มสุราอย่างน่าเบื่อ ผ่านไปพักหนึ่ง ยู่จูทำการต้มยาตามคำแนะนำของแพทย์ ยังคงเรียกคนทั้งสองให้รีบลงมา อย่ามัวแต่นั่งกินลม

มีสองคนนี้อยู่เป็นเพื่อน กู้อ้าวเวยก็หลับฝันดีแล้ว 

แต่กลางดึกแบบนี้จะมองอะไรก็เป็นเงาสลัว ภาพเงาของผู้หญิงที่ห้อยอยู่ตรงหน้านาง ทันใดนั้นก็ตื่นขึ้นมา ร่างกายเย็นและเต็มไปด้วยเหงื่อทั้งร่าง ดึงเสื้อผ้าอันมันลื่นที่อยู่บนร่างกาย เมื่อกู้อ้าวเวยปีนลุกขึ้นมาได้ ใส่เสื้อคลุมแล้วล้างหน้าล้างตา

ทันทีที่เปิดประตู คนที่อยู่ตรงประตูได้รับอ่างน้ำในมือของนางไว้แล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  

“ดึกดื่นแบบนี้พวกเจ้ามาทำอะไรอยู่ที่ประตูห้องข้า” กู้อ้าวเวยนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงจำหน้าคนที่อยู่ตรงหน้าได้ เป็นคนใช้คนหนึ่งที่อยู่ในตำหนัก เพียงแต่ไม่ค่อยได้พบบ่อย  

“องค์ชายบอกให้พวกเข้าคอยดูแลในยามกลางคืน จื่อและยู่จูจะคอยดูแลท่านตอนกลางวัน” คนใช้คนนั้นพูดจบ รีบมาจัดการน้ำให้กู้อ้าวเวย

ถูกคนสองคนหน้าประตูทำให้ตกใจ กู้อ้าวเวยจึงนอนหลับได้ไม่สนิท   

ได้แต่จุดเทียนขึ้น ค่อยๆหาหนังสือชุดเกี่ยวกับภูตผีเทวดามาอ่าน อ่านได้ครู่หนึ่ง คนรับใช้ได้เคาะประตูนำอ่างล้างหน้าเข้ามาพร้อมนำถังน้ำมาเสริม อีกทั้งยังมีผ้าขนหนูชุบน้ำและชาร้อน

กู้อ้าวเวยเพียงแค่เช็ดร่างกายของนาง แล้วนำน้ำที่เหลือไปแช่เท้า ใส่สมุนไพรลงไป คิดๆแล้วคงจะไม่นอนแล้ว  

ในขณะที่แช่สมุนไพร และอ่านหนังสือเรื่องผีไปพร้อมกันก็ไม่เลว คิดดูแล้ว ก็ตะโกนไปที่ประตู “ช่วยเปิดหน้าต่างให้ข้าหน่อยสิ พวกเจ้าก็ไปนอนได้แล้ว”

“ได้คะ พระชายา” คนรับใช้รีบเข้ามา ปิดประตูหน้าต่างลง

เมื่อน้ำเย็นลง กู้อ้าวเวยก็นำอ่างน้ำวางไว้ข้างๆ จุดธูปหอม และหยิบกล่องผ้าออกมาจากลิ้นชัก ข้างในนี้ล้วนเป็นหนังสือการแพทย์ที่ซ่านจินจื๋อให้มาและใบสั่งยาโบราณจำนวนหนึ่งของตระกูลหยุน ดูเหมือนว่าจะจะเป็นประโยชน์ต่ออำนาจในอนาคต

กำลังพลิกเปลี่ยนหน้า ประตูก็ถูกเปิดออก 

ซ่านจินจื๋อสวมชุดคลุมเดินเข้ามา กู้อ้าวเวยก็รู้ว่าร่างที่หายไปกำลังทำอะไรอยู่

งุนงงอยู่ครู่หนึ่ง ตำราแพทย์ที่อยู่ในมือก็ถูกแย่งเอาไป ซ่าจินจื๋อใช้มืออันอบอุ่นหยิบผมของนางขึ้นมาวางบนมือ ปล่อยลงไปที่คอ แล้วลูบมันลง “ที่นี่หนาวมาก ดึกขนาดนี้ทำไมคุณถึงเปิดหน้าต่างไว้หละ”

“ข้าฝันร้ายตอนกลางคืน แล้วก็อุดอู้นิดหน่อย” กู้อ้าวเวยว่ามือของซ่านจินจื๋อค่อนข้างสบาย  

ในแสงเทียนที่กำลังไหว ภาพเงาของซ่านจินจื๋อนั้นนุ่มนวลอยู่ไม่น้อย กู้อ้าวเวยเดินไปยังเตียงนอนอย่างกับถูกมนต์สะกด เมื่อรู้สึกตัวและคิดจะขัดขืน ซ่านจินจื๋อก็ได้ทรุดตัวลงบนเอวของนางอย่างแนบแน่น

ภายใต้ผ้าห่ม เท้าของทั้งสองคนพัวพันอยู่ด้วยกัน รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น 

“คราวหน้า หากเจ้านอนไม่หลับอีก ให้คนไปเรียกข้า” เสียงของซ่านจินจื๋อดังขึ้นข้างหู และเริ่มออกแรงอีกมือหนึ่งซึ่งวางไว้ด้านหลังศีรษะของนางด้วยแรงเพียงเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกถึงพละกำลังมหาศาล

กู้อ้าวเวยรู้สึกได้แต่เพียงว่าเสียงของซ่านจินจื๋อไกลออกไปเรื่อย ๆ จนนางหลับลงได้อย่างสนิท

หลับสนิทตลอดทั้งคืน แต่ภาพเงาของผู้หญิงในฝันคนนั้นยังคงวนเวียนไม่หายไปไหน  

รอจนตะวันโด่งฟ้าจึงจะตื่นนอน ตนเองยังอยู่ในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อ สิ่งต่าง ๆในฝันก็หายไปในทันที

“วันนี้ ไปหาเสด็จแม่เป็นเพื่อนข้า” ซ่านจินจื๋อลูบท้ายทอย 

“ก่อนหน้านี้ข้าไปตรวจชีพจรแล้ว แต่ไทเฮาหลีกไปพักอยู่ในพระราชวัง” กู้อ้าวเวยรู้สึกว่านางไม่มีกำลัง และขี้เกียจ 

“ดังนั้นยิ่งต้องไป วันนี้ข้าเพิ่งจะได้รับการยกโทษ เข้าไปในวังเจ้าต้องช่วยข้าพูดแต่เรื่องดี ๆกับเสด็จแม่” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างเบาๆ และยังคงพยายามลากนางลงจากเตียง

กู้อ้าวเวยทำอะไรไม่ได้ จึงปีนลุกขึ้นมา ซ่านจินจื๋อได้ใส่ชุดขุนนางเพื่อเตรียมไปเข้าเฝ้าเพื่อว่าราชการ

และยู่จูและจื่อก็ได้รับคำสั่งจากซ่านจินจื๋อ ให้แต่งตัวกู้อ้าวเวยให้ดี  

กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าตนเองในกระจกดูแปลกไปเล็กน้อย รู้สึกหนักศีรษะเข่าอ่อน จื่อจึงรีบเข้ามาประคองทันที “รู้สึกเหมือนว่าวันนี้ท่านจะไม่ค่อยสบาย หากว่าต้องตามองค์ชาย...” 

“ไม่เป็นอะไร แค่นอนไม่เพียงพอ” กู้อ้าวเวยปาดหน้าผาก และกินยาตามปกติก่อนออกไปข้างนอก  

รถม้าได้พานางเข้าวัง และงีบหลับรออยู่หน้าประตูวัง เมื่อตื่นขึ้นมองเห็นซ่านจินจื๋อในชุดเครื่องแบบทางการมานั่งอยู่บนรถม้าแล้ว

“กี่ยามแล้วเหรอ”  

“เลยเที่ยงมาแล้ว เมื่อวานนี้เดิมทีตั้งใจว่าจะให้เจ้านอนหลับให้สบาย ใช้แรงภายใน เพียงแต่ไม่คิดว่าร่างกายของเจ้าจะอ่อนแอเพียงนี้” ซ่านจินจื๋อมองนาง “พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ เสด็จแม่ยังนอนกลางวันอยู่”  

กู้อ้าวเวยยกคิ้วขึ้นแล้วคว้าเอาแขนของซ่านจินจื๋อ “ข้าไม่ใช่ตุ๊กตาเครื่องเคลือบ เจ้าพูดกับข้าอ่อนโยนไปมากจริง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์