บทที่410 นึกออก
เด็กสาวพูดกับไม้สลักพวกนั้นสองสามประโยคแล้วก็ค่อยๆปีนลงจากหินสูงนั้นช้าๆ
มือที่อบอุ่นคว้านางขึ้นมา นางเหลือบตามองแค่เห็นว่าใบหน้าของกุ่ยเม่ยมีรอยยิ้มทื่อๆอยู่ก็ยิ้มกว้างเรียกเขาเสียงหวาน “พี่กุ่ยเม่ย”
“หิมะหนักเช่นนี้วิ่งมาที่นี่เหล่าอาจารย์น้าๆจะเป็นห่วงเอา”กุ่ยเม่ยอุ้มเธออย่างหมดหนทางเดินไปที่ข้างต้นไม้
กู้อ้าวเวยก็กำลังพิงใต้ต้นไม้อยู่ นั่งอยู่ท่ามกลางหิมะ
เมื่อสาวน้อยเห็นเธอก็เอามือจับหน้าเบิกตาโต “พี่นางฟ้า”
กุ่ยเม่ยบีบปลายจมูกเธอแล้ววางเธอลงข้างๆกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยลูบหัวเธอแล้วถามว่า “ไม้สลักนั้นน่ารักมากเลย สลักให้พี่สักอันได้ไหม”
สาวน้อยหน้าแดงทันที มองกู้อ้าวเวยแล้วตอบอย่างเขินอาย “แต่พวกเขาบอกว่าข้าทำเทอะทะ”
“ไม่เทอะทะ”กู้อ้าวเวยบีบหน้ารูปไข่ของเธอด้วยรอยยิ้ม เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรก็ถูกกุ่ยเม่ยอุ้มขึ้นมา ตกใจจนแทบกระโดด
กุ่ยเม่ยมองลมหิมะที่ค่อยแรงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ทำได้เพียงแค่ให้สาวน้อยปีนขึ้นหลังตนเองมานั่งที่ไหล่แล้วกอดหัวไว้ ในอ้อมแขนก็อุ้มกู้อ้าวเวยแล้วพูดว่า “ถ้ายังไม่กลับอีกพวกเขาจะร้อนใจ”
กู้อ้าวเวยกับสาวน้อยก็พยักหน้าตามกันปล่อยให้กุ่ยเม่ยเดินขึ้นเขาอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางแสนน่าเบื่อกู้อ้าวเวยก็คิดวิธีหยอกล้อสาวน้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งถูกเด็กกลุ่มนึงทำให้ปวดหัว ตอนนี้ตนเองกลับเป็นเหมือนเด็กซะอย่างงั้น
กระทั่งกลับมาในบ้าน หลังจากที่กินข้าวมื้อใหญ่เสร็จกู้อ้าวเวยก็รวมกลุ่มกับพวกเด็กๆ นั่งล้อมพรมแล้วเล่าเรื่องราวให้พวกเขาฟัง สิ่งที่พูดส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่อร่อยๆสนุกๆที่ตนเองพบเจอ ฟังไปไม่กี่คำเด็กๆก็ตาประกาย
ใกล้จะดึกก็ต้องแยกย้ายแต่ก็ยังมีเด็กๆสองสามคนที่ไม่มีแม่ไม่ยอมไป กู้อ้าวเวยจึงรับไว้หมดให้เด็กๆสองสามคนนั้นกลิ้งเป็นวงอยู่บนเตียงใหญ่ของตนเอง ส่วนตนเองนั้นก็นอนขอบเตียงรอให้เด็กๆนอนลงให้หมด สาวน้อยถึงจับข้อมือเธอไว้แล้วขยับเบาๆ
ข้างนอกไม่น่ากลัวจริงหรอ?”
เด็กก็พากันขยับผ้าห่มมอง
“ไม่น่ากลัวแน่นอน ไว้ถึงฤดูใบไม้ผลิ ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปดีมั้ย?” กู้อ้าวเวยใช้ผ้าห่มคลุมเธอไว้แล้วตบๆหลับเด็กๆ แล้วก็พูดอย่างไม่มีทางเลี่ยงว่า “ถ้ายังไม่นอนอีกพรุ่งนี้จะเล่นไม่ไหวละนะ”
เด็กๆก็คุยเล่นกันไปครู่ ครองมุมเตียงคนละมุมๆแล้วก็ผล็อยหลับไป
มองใบหน้าที่หลับใหลของเด็กๆกู้อ้าวเวยถึงจะรู้สึกว่าตระกูลหยุนนี้ไม่ได้ดีเท่าที่ใครๆคิดไว้
มีเด็กกำพร้าเยอะเช่นนี้ ต้องเคยมีกี่ชีวิตที่อยู่ด้านหลัง
ตามที่ซ่านจินจื๋อพูดวันนั้นการใส่ร้ายตระกูลหยุนไม่ได้แค่เพื่อตามหาสูตรยา หลังจากนั้นก็ล้างความไม่เป็นธรรมของตระกูลหยุนราวกับไม่มีเรื่องอะไร แต่เบื้องหลังมีตั้งกี่คนที่เข้าไปพัวพัน เมื่อตอนผิดหวังก็ไปเหยียบย่ำ
วันนั้นที่ถูกค้นบ้านยึดทรัพย์ก็มีการกำจัดสิ่งมีพิษที่เป็นฉากกำบังปกป้องอยู่แล้วก็มีตั้งกี่คนที่ฉวยโอกาสหาผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้เพื่อช่วยความอมตะก็ใส่ร้ายตระกูลหยุน ซ่านจินจื๋อไม่เคยพิจารณาทั้งหมดนี้เพียงแค่มุ่งมั่นเพื่อซูพ่านเอ๋อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ก็เจ็บเกิดรับไหว ไม่มีอะไรจะพูด
…...
ฤดูหนาวยาวนาน ส่วนในเทียนเหยียนหิมะแรกก็ตกลงมา
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือในวิหารเฟิ่งหมิงเพียงคนเดียวสิ่งของภายในห้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงขาดก็เพียงแต่ลมหายใจหนึ่ง ต้นไม้แห้งที่อยู่ตรงหน้ามีหิมะขาวทับถมอยู่บนนั้นเป็นกองจนกลัวว่ากิ่งมันจะหักในไม่ช้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...