บทที่ 420 ไต่สวน
ยามฤดูใบไม้ผลิสีสันสดสวย เดิมมันควรจะเป็นช่วงออกไปรับความสดชื่น
ทว่ากู้อ้าวเวยกลับยืนเกาท้ายทอยอยู่ตรงหน้าโรงเรียนส่วนตัว เสื้อผ้ายังถูกเด็กน้อยสองคนของทิงเฟิงโหลจับเอาไว้อย่างแน่นหนา บนหน้าของทั้งสองคนหลากสีสัน ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลริน
“ถ้าหากข้าไม่เห็นเข้า พวกเขาสองคนก็ไม่รู้ว่าจะถูกผู้อื่นข่มเหงคะเนงร้ายแบบไหนแล้วเชียว” ท่านอาจารย์โกรธจนใบหูเรื่อแดง และตบเข้ากับผิวโต๊ะดังปึก
เด็กชายทั้งสองคิดจะโต้แย้งอย่างน้อยเนื้อ กู้อ้าวเวยทำได้เพียงหันหน้าที่เปลี่ยนรูปลักษณ์ดวงนี้ไปพูดกับท่านอาจารย์ “หลายวันนี้รบกวนท่านอาจารย์แล้ว เด็กๆ ให้ข้าพากลับไปสอนที่จวนเองก็สิ้นเรื่อง”
ท่านอาจารย์ได้ยินเข้า กลับรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยจงใจประชดประชัน จึงโบกมือเป็นพัลวันให้ตัวเขาพาคนกลับไป
เดินอยู่บนถนน มือข้างหนึ่งจูงคนหนึ่ง กู้อ้าวเวยกระทั่งซื้อน้ำตาลที่เขาชอบให้ทั้งสองคน ทว่าเด็กชายที่ค่อนข้างโตหน่อยก็คว้านางเอาไว้อย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “พวกเขาบอกว่าพวกเราสองคนเป็นเด็กไม่มีพ่อ ซ้ำยังพูด...”
“ต่อไปข้าก็คือท่านพ่อของพวกเจ้า ใครกันที่บอกว่าพวกเจ้าไม่มีพ่อ” กู้อ้าวเวยตบหน้าอก เดิมคิดอยากจะอุ้มเจ้าเด็กซนขึ้นมา แต่มองใบหน้ากลมดิกของพวกเขาสองคน จึงต้องเลือกจะที่ผ่อนคลาย นั่งยองๆ ลงตรงหน้าของทั้งสองคนพลางนวดขมับ “ข้าคงไม่อาจโทษที่พวกเจ้าลงมือ เด็กน้อยทำไปก็เป็นธรรมชาติ ขอเพียงวันหน้าค่อยๆ อดกลั้นก็พอแล้ว แต่ว่าต่อไปถ้าได้ยินถ้อยคำบอกนี้อีก ให้ตรงมาบอกข้าเลย ข้าจะไปต่อยพวกเขาเอง ไม่อย่างนั้นถ้าหากเจ้าสองคนไปคงต้องฟกช้ำกลับไป พอกลับไปพวกแม่นางทั้งหลายเห็นเข้า คงจะปวดใจเอาได้”
เด็กน้อยเหล่านี้บางคนเป็นเด็กกำพร้า ซ้ำยังมีเด็กที่เคยอยู่ในศาลาทิงเฟิงอีก พ่อแม่ล้วนอยู่สถานที่ไกลโพ้น จึงนำมาให้เลี้ยงดูอยู่ที่นี่
ใครจะรู้ว่าไม่ได้ปลอบขวัญไปถึงเด็กสองคนนี้ เหล่าเด็กชายพลันร้องจ้ากขึ้นมาเสียงดัง ปาดน้ำหูน้ำตาเช็ดใส่บนเรือนร่างของกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยพาทั้งสองกลับไปมือไม้เป็นพัลวัน ตลอดทางยังต้องประคองน้ำตายปั้น มองดูเด็กน้อยทั้งสองคนนี้แล้วรู้สึกเพียงว่าช่างน่าขันนัก
พอกลับมาถึงทิงเฟิงโหล พอได้รู้ว่าโรงเรียนส่วนตัวไม่ต้องการพวกเขาอีกแล้ว แม่นางหลายคนต่างมีสีหน้าเศร้าสร้อย
จื่อคอยอยู่เป็นเพื่อนเด็กสองคน ซ้ำยังพูดว่า “รบกวนท่านแล้ว พวกเราแม่นางแห่งทิงเฟิงโหลมักจะถูกคนเข้าใจผิดเอาง่ายๆ เสมอ ดังนั้นจึง...”
“ก็แค่เรื่องเล็กน้อยน่า อีกอย่างเด็กพวกนี้ซุกซนกว่าคนอื่นๆ แต่กลับน่าสนใจกว่าคนอื่นๆด้วย” กู้อ้าวเวยรินชาให้กับตัวเอง “ในเมื่อโรงเรียนเอกชนไม่รับ ยามปกติพวกเจ้าก็หาเวลาว่างปลีกตัวออกมาอบรมก็ใช้ได้แล้ว”
แม่นางหลายคนล้วนมีสีหน้าปั้นยาก กุ่ยเม่ยตบกระหม่อมนาง “อย่าลืมเชียวว่าที่นี่คือที่ไหน พอพวกเด็กเหล่านี้ออกมาจะมีหน้าไปเจอผู้คนได้อย่างไร”
กู้อ้าวเวยก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ ถึงแม้แม่นางของทิงเฟิงโหลจะขายศิลปะไม่ได้ขายตัว แต่ข่าวล่ำข่าวลือก็สามารถฆ่าคนได้ นึกถึงตรงนี้ นางเองก็จนแต้ม “ก็คอยชุบเลี้ยงไปก่อน โรงเรียนส่วนตัวของท่านด้านองค์ชายสามอีกไม่กี่เดือนก็สร้างเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะเพิ่มเงินหลายเท่าเข้าไป ส่งเด็กน้อยเข้าไปเรียนคงไม่มีปัญหาอะไร”
“เงินนี้หาไม่ง่ายเลย” จื่อเหมิงมุ่นคิ้ว
“แต่เงินก็เอามาใช้ทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเด็กพวกนี้คงจะเอะอะน่าดูเชียว” กู้อ้าวเวยกระดิกนิ้วชี้ศีรษะให้กับเด็กสองคน และพูดด้วยรอยยิ้ม “วันหน้าแค่บอกว่าข้าคือท่านพ่อของพวกเจ้า ดูสิใครยังกล้ารังแกพวกเจ้าอีก”
กุ่ยเม่ยยังอยากคว้านางออกไปสั่งสอนดีๆ สักหน่อย แต่เด็กน้อยไม่กี่คนต่างพยักหน้าอย่างตั้งใจ
แม่นางไม่กี่คนในตึกยังกลัวว่าเช่นนี้จะไม่ดีต่อกู้อ้าวเวยอย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีผู้หนึ่ง รับเด็กน้อยที่ทิงเฟิงโหลเป็นบุตรบุญธรรมตั้งมากมายขนาดนี้ ออกไปคงจะเลี่ยงคำครหาไม่ได้แน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...