บทที่ 423 จุดประสงค์อื่น (3)
จดหมายที่ทิงเฟิงเก๋อส่งไปมิได้ทำให้ในราชสำนักเกิดลูกคลื่นแม้แต่น้อย องค์ชายสามยังคงไม่ทำการเคลื่อนไหว กู้อ้าวเวยก็นิ่งเฉยเช่นเดียวกัน จนกระทั่งจื่อเหมิงมาส่งสารด้วยตนเอง “คุณชายตระกูลเมิ่งสองท่านต้องการพบท่าน”
“อีกสองวันข้าก็จะกลับเทียนเหยียน แจ้งพวกเขาว่า หวังว่าจะได้พบกันที่จวนเดิมที่นอกเมือง” กู้อ้าวเวยคว้าหาหนังสือม้วนหนึ่งจากด้านข้าง “สองวันก่อนขุนนางสองคนที่เมิ่งซู่แนะนำโดนคนสาดโคลนใส่ร้าย ห้าวันก่อนกู่เซิงเฉิงเสี้ยงเลื่อนเรื่องโรงเรียนส่วนตัวออกไป แล้วยังบอกว่าท้องพระคลังว่างเปล่า ต้องการเพิ่มภาษี เมิ่งซู่น่าจะมาด้วยเหตุนี้”
“อ๋องจิ้งเพิ่งออกไปเมื่อครู่ กู่เซิงก็อดใจอยากจะแข่งขันกับองค์ชายสามแทนเขาไม่ไหว” จื่อเหมิงกล่าว ทั้งนำข่าวสารที่มาจากซ่านเซิ่งหานที่ออกว่าราชการมาด้วย
อ๋องจิ้งไปพักร้อนแล้ว กู่เซิงนั้นยืนข้างอ๋องจิ้งมานานแล้ว ขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยถูกเขาใช้งาน กู้เฉิงที่อยู่เบื้องหลังกู่เซิงยิ่งรู้ถึงวงการขุนนางของชางหลานอย่างทะลุปรุโปร่ง นับว่าเป็นเสือติดปีก
“ไม่ช่วงชิงในตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว” กู้อ้าวเวยถอนหายใจเบาๆ ด้วยไม่มีทางเลี่ยง
หลังจากนั้นสองวัน กู้อ้าวเวยได้เปลี่ยนเป็นชุดผ้าคลุมสีขาวนั่งรถม้ากลับไปที่จวนนอกเทียนเหยียนอีกครา ที่นี่เดิมทียังมียัยไง่หงคอยเฝ้า ทว่าตั้งแต่หลังจากที่เมิ่งซัวมา ไง่หงก็กลับไปคอยดูแลที่ตำหนักในเทียนเหยียน ที่แห่งนี้เงียบเหงามาหลายเดือนแล้ว
ทว่าเมื่อก้าวเข้าไป ภายในกลับสะอาดสะอ้าน บนโต๊ะหินวางไว้ด้วยกระดาษพู่กันและขนมน้ำชา ไง่หงย้ายม้านั่งมาในลานกำลังอุ้มลูกสุนัขตัวหนึ่ง
เมิ่งซู่ไม่ได้ใส่ชุดขุนนาง เพียงนั่งอยู่กับเมิ่งซัวที่ด้านหน้าโต๊ะ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”
“ตอนนี้ข้าคือหยูนเฉินแล้ว” กู้อ้าวเวยคร้านจะอธิบายว่าเหตุใดในปีนั้นถึงได้ใช้วิธีเช่นนี้ออกจากตำหนักอ๋องจิ้ง
เมิ่งซู่จนปัญญา เพียงเผยเรื่องที่ตนเองอยากร่วมมือกับองค์ชายสามเป็นการชั่วคราว ซึ่งไม่แตกต่างจากที่กู้อ้าวเวยคิดไว้เท่าไร
“ข้าย่อมต้องช่วยเหลือในเรื่องนี้ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่คิดลงมือ เจ้าแค่ต้องอดทนหน่อย” กู้อ้าวเวยพยักหน้าตอบรับ เงยหน้าขึ้นก็เห็นเมิ่งซู่จ้องตนเขม็ง ช่างประหลาด “เหตุใดเจ้าจึงมองข้าเช่นนี้? บนหน้าข้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อนางมา แม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงใบหน้าก็หาได้ทำไม่
“ฉีหรัวเป็นห่วงเจ้ามาก” เมิ่งซู่ขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “แม้ว่านางจะอยู่ในเขตปกครองของอ๋องจงผิงชีวิตก็ไม่เลวนัก แต่เจ้านี่สิไร้ข่าวสารมาโดยตลอด”
“สถานการณ์ในตอนนี้ได้เพียงแต่ต้องติดต่อคนเคยคุ้นในภายหลัง มิฉะนั้นจะเป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบ บอกเจ้าอย่างไม่ปิดบัง เขตปกครองของอ๋องจงผิงยังมีหูตาของอ๋องจิ้งอยู่อีกไม่น้อย” กู้อ้าวเวยส่ายหัวแล้วกล่าวต่อ “ฉีหรัวพวกนางเป็นเช่นไรบ้าง?”
“เจ้าคงไม่รู้ ลี่วานตายแล้ว” เมิ่งซู่ถอนหายใจยาว “เดิมทีคิดว่านางกลับถึงบ้านแล้ว ทว่าในฤดูหนาวนั้นนางกลับไปเอาชีวิตมาบีบบังคับต่อหน้าอ๋องจงผิงอย่างกะทันหัน อยากได้รับความไว้วางใจของเขา สุดท้าย...นางถูกเสียนเฟยกำจัดด้วยกลัวนางจะทำให้อ๋องจงผิงเสียชื่อเสียง”
มือของกู้อ้าวเวยชะงัก เพิ่งนึกได้ว่าสมัยที่ลี่วานเข้าตำหนักอ๋องนั้นเป็นเรื่องในหลายปีที่แล้ว
“เช่นนั้นอ๋องจงผิงจัดการเช่นไร...”
“จัดพิธีศพให้นางอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะของพระชายาจงผิง” เมิ่งซัวพูดประโยคหลัง ดวงตาทั้งคู่คอยสังเกตกู้อ้าวเวยอยู่ตลอด กล่าวถาม “ได้ยินชื่อมิสู้ได้พบหน้า คิดไม่ถึงว่าแม่นางกู้หาได้ดูเป็นคนหลอกลวง เป็นคนจิตใจดีโดยแท้จริง”
กูอ้าวเวยยิ้มแผ่ว คะเนว่าเมิ่งซัวในฐานะที่เป็นพี่ชายย่อมต้องสนใจคนข้างกายของน้องชายก็หัวเราะเบาๆ “ย่อมเป็นเช่นนั้น หากว่าเจ้าไม่ถือสา ข้ายังจะยินยอมร่วมมือกับโรงหมอโหย่วเว่ย ถ่ายทอดวิชาแพทย์บางส่วนให้แก่พวกเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...