บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 426

สรุปบท บทที่ 426 ฟ้าเปลี่ยน: บุบผาร้อยเสน่ห์

สรุปเนื้อหา บทที่ 426 ฟ้าเปลี่ยน – บุบผาร้อยเสน่ห์ โดย ลิ่วเยว่

บท บทที่ 426 ฟ้าเปลี่ยน ของ บุบผาร้อยเสน่ห์ ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 426 ฟ้าเปลี่ยน

“ตอนนั้นซูพ่านเอ๋อสองพี่น้องได้ร่วมมือกัน ลากองค์หญิงหลิงเอ๋อร์เข้ามา เพื่อช่วยตัวเองให้รอดพ้น ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเลือกได้ แต่ถ้าหากว่าฮ่องเต้รู้เรื่องนี้เข้า ไม่ว่ายังไงก็ไม่ทางปล่อยนางไปแน่นอน”

เรื่องของซ่านหลิงเอ๋อร์นั้น เฉิงซานได้ติดตามมาหลายปีแล้ว สุดท้ายก็ได้หลักฐานอย่างแน่ชัด

เพียงแต่เสียดายสำหรับเรื่องน่าเศร้านี้ ที่เขากลับไม่สามารถจะเอาผิดซูพ่านเอ๋อเรื่องการตายของหลิงเอ๋อร์ได้ ทำได้แค่ลูบศีรษะตัวเองพลันพูดขึ้น: “เรื่องนี้ห้ามพูดขึ้นมาอีก เอาหลักฐานที่หามาได้ไปทำลายให้หมด โดยเฉพาะหลักฐานที่อยู่ในมือของกู้เฉิง”

“ข้าน้อยขอถามอีกสักหน่อย แล้วเรื่องพระชายาควรจะจัดการอย่างไร?” เฉิงซานค่อยๆ เงยหน้าแล้วพูดขึ้น

“ทำเหมือนที่ผ่านมา พูดมาแล้วก็รู้สึกละอายใจอยู่ แต่ก็ต้องหาคนมารับมือกับเสด็จแม่ นางไม่เฉลียวฉลาดเท่าเวยเอ๋อ แต่ก็สามารถเอามาใช้งานได้” :ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นเสียงเบา: “ฮัวหลี หาเวลาแล้วก็ค่อยตัดหางปล่อยวัด แล้วก็ค่อยหาสาวใช้คนใหม่ให้นางแทน”

เฉิงซานรู้ทันทีว่า เขาคิดที่จะเก็บกู้จี้เหยาเอาไว้ แล้วก็สลัดตระกูลกู้ทิ้ง

และในเวลาเดียวกัน กู้เฉิงที่ได้รู้ความลับนี้เข้า พอกลับไปถึงจวนก็รู้สึกไม่สบายใจ

ถ้าหากว่านี่เป็นตำรับยาอายุวัฒนะ ซ่านจินจื๋อจะยอมให้ตัวเองง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร แต่ว่าในโลกนี้จะมีใครที่มีความสามารถอย่างหยุนหว่านที่สามารถมองออกได้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม

แล้วพอคิดไปคิดมา เขาหันไปมองกู่เซิงที่อยู่ข้างหน้า แล้วพอเหมือนเห็นว่าเขารู้อะไรบางอย่างแล้วนึกออก จึงพูดขึ้น: “เจ้าว่า ตำรับยานี่เป็นของจริงหรือของปลอม?”

กู่เซิงชะงักไปทันที แล้วก็พลันดึงสติกลับมาแล้วพูดขึ้น: “อะไรนะ?”

“ถ้าเจ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ เจ้าไม่มีทางทำการใหญ่ได้แน่นอน” กู้เฉิงหันไปชักสีหน้าใส่เขา ด้วยความไม่พอใจ: “ถ้าหากว่าเจ้าเหมือนกับเวยเอ๋อ ข้าก็คงไม่ต้องมาคิดแทนแบบนี้”

“กู้อ้าวเวยไม่ใช่น้องสาวข้า” กู่เซิงพูดขึ้นพลันขมวดคิ้ว: “และอีกอย่างนางก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น จะมาเทียบกับข้าที่เป็นชายได้อย่างไร”

กู้เฉิงหลี่ตามองเขาแล้วพูดขึ้น: “ถึงนางจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของข้า แต่ว่านางก็เหมือนกับแม่ของนางมาก ไม่ว่านางจะพูดอะไร ทุกคนก็จะคล้อยตามนางทั้งหมด กลัวแต่ว่าเจ้ากับข้าก็ยังทำไม่ได้เหมือนนาง”

แล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรต่อ กู่เซิงเพียงแค่เห็นหันไปมองหน้าเขานิ่งๆ

มีเพียงต้องฆ่ากู่เฉิงเท่านั้นหรือที่เขาจะสามารถครอบครัวทุกอย่างได้?

การเป็นลูกชายนั้น เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆ แต่ก็ยังครุ่นคิดอยู่

“เออใช่ พยายามค้นหาทุกซอกทุกมุมในเมืองให้หมด ข้าเชื่อว่าหยุนหว่านกับเวยเอ๋อน่าจะยังมีชีวิตอยู่ “กูเฉิงเปลี่ยนเรื่องทันที

“เรื่องนั้นมันน่าจะเป็นแค่ความฝัน..... “

“ข้าไม่มีทางดูผิดแน่นอน! ข้ายังไม่ทันไปขุดหลุมฝังศพของนางเลย แต่นางกลับโผล่มาได้ คงจะอยากตักเตือนข้า เพราะนางไม่เคยเข้าไปอยู่ในฝันข้าเลย....” กู้เฉิงพรึมพรัมกับตัวเองอีกครั้ง

ด้านนอกเริ่มมีเสียงฝนลงเม็ด พวกคนที่อยู่ในเรือนก็ต่างพากันวุ่นวายกับงาน

ตั้งแต่ขึ้นมาบนภูเขา กู้อ้าวเวยก็ไม่ค่อยสบาย ชอบไออยู่บ่อยๆ พอเห็นฝนตกแบบนี้ ซ่านเซิ่งหานเลยเอาน้ำอุ่นมาให้นาง แต่พอเห็นนางกำลังอ่านพวกหนังที่มีคนเอามารายงาน ก็พลันพูดขึ้นอย่างเกรงใจ: “ข้ารบกวนเจ้ามั้ย “

ซ่านเซิ่งหานลูบคางตัวเองไปมา ราวกับว่าคิดอะไรบางอย่างได้: “หมายความว่า?”

“อ๋องจิ้งนั้นเชี่ยวชาญการทำศึก กู่เซิงกลับไม่มีประโยชน์อะไร ไปบอกให้ หวางโม่ไปหาเรื่องก่อกวนกู่เซิง แล้วจากนั้นเจ้าก็ค่อยทำตามแผนของฝ่าบาท” กู้อ้าวเวยสะบัดแขนเสื้อ แล้วก็มีกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ โผล่ออกมา จากนั้นนางก็ยัดใส่มือของซ่านเซิ่งหาน ด้วยสายตาเป็นประกาย: “นำเรื่องที่กู้เฉิงยังไม่ตาย กับเรื่องส่วนตัวของอ๋องจิ้งไปรายงานฝ่าบาท แล้วก็บอกให้ฝ่าบาททรงระวังแคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นเอ่อตันเอาไว้ด้วย ฝ่าบาทเป็นคนฉลาด ยังไงพระองค์ก็ต้องให้คนไปตรวจสอบเรื่องนี้ พอถึงตอนนั้นเมิ่งซู่เองก็ไม่ต้องไปต่อกรกับกู่เซิง แถมยังเก็บแรงมาช่วยท่านได้อีกด้วย”

พอเห็นสายตาของกู้อ้าวเวย เขากลับรู้สึกสงสัยจึงถามขึ้น: “เสด็จพ่อ....ทำไมถึงจะเชื่อเจ้า เห็นๆ อยู่ว่าท่านรัก......”

และ ณ เวลานั้น กู้อ้าวเวยก็เอามือวางลงบนไหล่ของเขา แล้วลูบเบาๆ พลางพูดขึ้น: “เขาเป็นพ่อของท่าน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็พยายามทำให้พวกท่านอยู่กันมาได้ เจ้าเองก็ควรที่จะเชื่อใจเขาสักครั้ง พวกเราทุกคนต่างทุ่มเทกันมา หรือว่าท่านคิดว่าเขาจะไม่เห็นบ้างหรือ?ในเมื่อท่านได้เห็นแล้ว พวกเราก็ควรจะเล่าให้ท่านฟังและทำให้ท่านเห็น ”

และเหมือนกับว่าขนที่ไหล่ของเขาหล่นออกมา จนเขาต้องพูดตอบรับทันที

แต่ทุกคนต่างบอกว่าในเชื้อพระวงศ์นั้นไม่มีความเห็นใจกัน และต้องใช้เดิมพันสูงมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงใช่ไหม?

ฝนด้านนอกนั้นตกแรงมาก ทำให้ซ่านเซิ่งหานนอนไม่หลับทั้งคืน พอถึงวันรุ่งขึ้น เขาก็รีบเข้าไปในวังทันที แล้วก็ทำตามแผนที่กู้อ้าวเวยได้มอบหมายให้เขา โดยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฝ่าบาทฟัง

พอต้วนโฉงได้ฟังก็พลันขมวดคิ้วอย่างหนัก แล้วพลันกำมือ แต่กลับพยายามอดทนเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “เรื่องนี้เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”

ซ่านเซิ่งหานแทบอยากจะเอาศีรษะมุดดิน : “ไม่มีหลักฐานพ่ะย่ะค่ะ แต่ที่วันนี้มาบอกเสด็จพ่อ ก็เพราะอยากให้ทรงระวังเอาไว้ และอีกอย่างวันนี้ที่ลูกมานั้นก็เพราะเรื่องการสร้างโรงเรียน ”

ซ่านเวิ๋งหานพอได้ยินพูดเรื่องนี้ ขันทีที่ยืนอยู่ด้านข้างของต้วนโฉงก็พลันถอยออกไป แล้วก็ส่งคนออกไปสำรวจทันที พอเห็นท้องฟ้าเริ่มคลึ้มฟ้าครึ้มฝน เหมือนจะเกิดพายุ จึงพูดขึ้น: “ฟ้านี่ก็จริงๆ เลย ดูแล้วก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์