บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 469

บทที่469 ขัดขวางไม่มีประโยชน์

“ตอนนี้ข้าไปมาหาสู่แต่ละแคว้น แทบจะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย องค์ชายสามเชื่อเจ้าครั้งนึงแต่ไม่เชื่อเจ้าไปตลอดชีวิต”

 หยุนหว่านพูดเบาๆแล้วเติมชาให้นาง

“ลูกรู้ รอจนหลังจากเมืองชี่ถูกล้อมปราบแล้ว ข้าก็จะเอาอาวุธสงครามมาส่งด้วยตนเองแล้วก็จะมาสืบข่าวที่ที่มีทาสแคว้นเจียงเยี่ยนมากที่สุดเมื่อถึงเวลาก็คิดวิธีกระตุ้นความเคียดแค้นของประชาชนทั้งหมดก็จะเป็นไปตามสถานการณ์” กู้อ้าวเวยหยิบถ้วยชาจากมือหยุนหว่าน นิ้วมือสัมผัสที่ห่วงถ้วยแต่ไม่มีทางเข้าจึงวางลงเบาๆ

ท่านแม่ที่อยู่ตรงหน้าถอนหายใจเบาๆอย่างไร้เสียง กู้อ้าวเวยก็ขมวดคิ้วเอาถ้วยช้าในมือกุ่ยเม่ยมาวางไว้บนโต๊ะ

“ท่านแม่ ท่านควรรู้ว่าทั้งหมดนี้ไม่มีทางขัดขวางได้”

“แต่ข้าไม่สามารถเห็นเจ้าเดินอยู่บนคมมีดเช่นนี้ได้!” เสียงของหยุนหว่านสูงขึ้น “เจ้าอยากกำหนดสถานการณ์โลก แต่เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นแค่เวลาชั่วคราวหรือนี่เป็นเรื่องที่เจ้าทำคนเดียวได้”

กู้อ้าวเวยเม้มปากก้มหน้าด้วยความทุกข์ใจ “ข้ารู้ว่าข้ามีความสามารถน้อยนิดแต่ความเคียดแค้นของเหล่าทาสเป็นตัวแปรเดียวที่ก่อนจะเกิดความวุ่นวายจากภัยสงคราม ถ้าพวกเขายอมทำปฏิวัติแม้ว่าแคว้นเจียงเยี่ยนจะกระจัดกระจายไปคนละทาง แคว้นเอ่อตายกับชางหลานก็ไม่สามารถทำอะไรหุนหันพลันแล่น”

“เว่ยเอ๋อ เจ้าไม่เข้าใจ……”

“คนที่ไม่เข้าใจคือท่าน” กู้อ้าวเวยมองหยุนหว่านอย่างจนใจ

ถ้าร่างของนางยังอยู่บนโลกนี้ คงคิดว่าไม่น่ามีวันไหนที่เหล่าทาสจะลุกมาก่อปฏิวัติ โค่นล้มการปกครองป่าเถื่อน

แต่ในสายตาของกู้อ้าวเวยชาติก่อน ตัวอย่างของเลือดที่ไหลนับไม่ถ้วนนั้นกำลังบอกเธออยู่ว่า การสละชีวิตไม่เคยแบ่งแยกความฉลาดสูงศักดิ์ โง่หรือจน เพียงแค่ต้องการให้คำว่ากดขี่สองคำนี้เพียงพอที่จะทำให้คนจำนวนมากเปลี่ยนแปลงความคิด แม้มันจะเป็นการทุบหัวตนเองก็สามารถยึดครองโลกได้ด้านนึง

ทาสแคว้นเจียงเยี่ยนอยู่เหนือจินตนาการเธอ แต่เหมือนเพราะแคว้นเจียงเยี่ยนนับร้อยปีก็ยังกดขี่คนอื่นไม่เคยเปลี่ยน

“ก่อนพายุลมฝนจะมาก็มักจะสงบ สิ่งที่เหล่าทาสต้องการก็คืออาวุธสงครามและผู้นำและข้ารู้ว่าจะไปหาคนแบบนี้ได้ที่ไหน กองกำลังทหารของแคว้นเจียงเยี่ยนจะแตกก็ด้วยเหตุนี้” กู้อ้าวเวยพูดอย่างจริงจังยกมือผลักแก้วบนโต๊ะออกแล้วพูดเสียงต่ำว่า “ข้าไม่กลัวว่าสงครามกลางเมืองของแคว้นเจียงเยี่ยนนี้จะฆ่าคนไปเท่าไหร่ เพื่ออยู่รอดและก้าวหน้าสิ่งเหล่านี้จำเป็นทั้งหมดแต่พวกเราก็ไม่ควรพลีชีพอย่างไร้ประโยชน์”

“เจ้าคิดไร้เดียงสาไปแล้ว กองกำลังของแคว้นเจียงเยี่ยนมีมากกว่าที่เจ้าคิดไว้นัก” หยุ่นหว่านรีบคว้ามือนางไว้ด้วยความกังวลอย่างมาก “เหล่าทาสพวกนั้นยืนขึ้นมาไม่ได้กี่ร้อยปีมานี้พวกเขาก็เคยต่อต้านแต่ไม่เคยสำเร็จ”

“แต่ท่านอย่าลืม วันบนโลกนี้ไม่ได้มีเพียง3แคว้น” มุมปากของกู้อ้าวเวยยกขึ้นแล้วกลับมือจับมือของหยุนหว่านไว้ “แคว้นเจียงเยี่ยนนี้ต้องสร้างใหม่แต่ลูกว่าพวกเขาไม่ต้องการชื่อของแคว้นเจียงเยี่ยนอีก ใจคนนั้นยากจะเดา ข้าก็แค่ทำให้ความปรารถนาของแคว้นเอ่อตานกับชางหลานนั้นสำเร็จ”

กุ่ยเม่ยฟังจนสับสนส่วนหยุนหว่านก็มองดูลูกสาวที่ค่อนข้างคล้ายกับตนเอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางคิดจะทำอะไรแต่แค่รู้สึกว่าคำพูดนี้มันบ้าระห่ำเกินไป

กู้อ้าวเวยตาหมุนติ้วรอจนเมื่อตอนกุ่ยเม่ยโต้ตอบมาก็จับเขาแล้วจากไปแต่ก็ยังไม่ลืมพูดกับหยุนหว่านว่า “ท่านแม่ ข้าจะกลับมาหาท่านอย่างปลอดภัยแต่แคว้นเจียงเยี่ยนนั้นอันตรายเกินไป ท่านรีบกลับเมืองเย่นไปก่อน”

เมื่อสิ้นเสียงทั้งสองก็หายไปในความมืด

หลิ่วเอ๋อร์เดินออกมาจากด้านข้างมาเก็บทำความสะอาดน้ำชาบนโต๊ะพลางพูดว่า “นายท่านก็น่าจะรู้นิสัยแม่นาง ยาอีนี้มันไม่มีประโยชน์สำหรับแม่นาง”

“ข้ารู้ว่ายาอีมันไม่มีประโยชน์สำหรับนางเพียงแค่อยากให้นางรู้เจตนาของผู้เป็นแม่”

หยุนหว่านถอนหายใจเบาๆ ยาอีที่เหลืออยู่ครึ่งถุงในแขนเสื้อถูกหลิ่วเอ๋อร์หยิบขึ้นมา นางก็อดที่จะบ่นกับตัวเองไม่ได้ว่า”เจ้านี่เหมือนเขาทุกอย่าง……”

…...

กลับไปที่โรงเตี๊ยมอย่างเงียบๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์