บทที่ 486 สลายความทะเยอทะยาน
นอกเมืองเอ่อตานเปล่าเปลี่ยวทั้งแถบ กู้อ้าวเวยกลับไม่พูดจาอีกเลย
รอกระทั่งหยุนหว่านและฉูหลี่กลับไปเจอจดหมายฉบับนั้นที่เมืองหลวงเอ่อตาน ก็ล่วงเลยเป็นเวลาหนึ่งเดือนให้หลังแล้ว ตอนนั้นฉูหลี่จึงตำหนิฉูห้าวไปหนึ่งยก ทว่าเรื่องนี้กลับถูกปล่อยออกไปตามสายลมตั้งนานแล้ว ยากจะพลิกสถานการณ์
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเจตนาของซ่านจินจื๋อ อ๋องจงผิงและองค์ชายสามยังถูกบีบให้ไปแคว้นเจียงเยี่ยนเพื่อเจรจา แก่งแย่งคุณความดี ซ่านจินจื๋อกลับค่อย ๆ พานางไปที่ค่ายทหารขององค์ชายสามหนึ่งเที่ยว อันดับแรกคือพักร่วมกับกลุ่มข้าทาสเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งก่อนเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า
หลังจากนั้นทั้งสองจึงควบม้าตัวเดียวกัน มุ่งสู่เมืองเทียนเหยียน ฤดูหนาวก็ใกล้มาเยือนแล้ว
ครั้งนี้แคว้นเจียงเยี่ยนและชางหลานที่ต่างไม่ได้เตรียมการเอาไว้น่าจะไม่เคลื่อนพลเสี่ยงอันตรายในช่วงหน้าหนาวแน่ และก็เพียงพอจะทำให้ทั้งสองฝ่ายมองชัดถึงสถานการณ์ต่าง ๆ แต่ตลอดเส้นทางนี้ แต่ท้ายที่สุดกู้อ้าวเวยกลับพูดคุยกับซ่านจินจื๋อเป็นการส่วนตัวเลยสักประโยค
กลับมาถึงเทียนเหยียนอีกครั้ง กู้อ้าวเวยทำเพียงสวมผ้าคลุมหน้าสีขาวปิดบังครึ่งหน้า ในทางกลับกันชุดหน้าหนาวสีเหลืองอร่ามทั้งกายทำให้นางผุดเผยแววน่ารักและขี้เล่นออกมา แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ซ่านจินจื๋อกลับไม่ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางอีกเลย
“กลับตำหนักอ๋องพร้อมกันกับข้า” ตอนที่นางหมายจะไปร้านพักแขกซ่านจินจื๋อก็รั้งตัวนางเอาไว้
ผู้คนบนท้องถนนที่สัญจรไปมาต่างทยอยแปลกใจว่าเทพเจ้าสงครามที่มักจะกลับมาพร้อมชัยชนะดันไปต้องตาเข้ากับคุณหนูเรือนไหนอีกแล้ว บางคนรู้สึกว่าคุ้นตา บางคนกลับรู้สึกแปลกใหม่ แต่ไม่มีคนไหนเลยที่จะไม่เปิดทางให้
“ข้าเคยบอกไปแล้ว หากข้ากลับไป ซูพ่านเอ๋อจะต้องตาย” กู้อ้าวเวยสลัดมือของซ่านจินจื๋อออกอย่างง่ายดาย เหล่าทหารของเอ่อตานที่อยู่เบื้องหลังที่ทยอยชักคมดาบออกจากฝักต่างพากันยัดมันกลับไปตามเดิม ผิงชวนที่ถูกดึงเข้ามากลางทางก็ลอบกลับมายืนมั่นบนตำแหน่งเมื่อครู่โดยไม่ทิ้งร่องรอย
ซ่านจินจื๋อขมวดหัวคิ้ว ปัจจุบันเขาและกู้อ้าวเวยมีสถานะเท่าเทียมกัน บังคับพาไปคงแก้ไขปัญหาไม่ได้
“ไปโรงถ่ายม้า” ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงถอยหลังพลางร้องขอเป็นครั้งที่สอง
กู้อ้าวเวยครุ่นคิดเล้กน้อย แต่กลับส่ายหน้า “ข้าจะไปพักที่ทิงเฟิงโหล แล้วจึงไปพบกับนายท่านเห้อที่โรงหมอ”
คำกล่าวนี้พูดให้ผิงชวนฟัง คนหลังเกร็งหนังศีรษะพยักหน้าภายใต้สายตาที่เพียงพอจะเข่นฆ่าผู้คนได้ของซ่านจินจื๋อ ก่อนเปิดทางให้
เซียวไห่ส่งคนตามไป ส่วนตนก็เดินมาข้างกายของซ่านจินจื๋ออย่างหงุดหงิดหมื่นเท่า “อย่าบอกข้าเชียวว่าท่านใจเต้นแล้วจริง ๆ “
“ไม่เช่นนั้น?” ซ่านจินจ่อก็ตอบกลับอย่างหงุดหงิดเช่นเดียวกัน
“ข้านึกว่าท่านคิดจะยืมอำนาจของนางมาเพื่อโต้กลับสักศึก”
“ไม่โต้กลับแล้ว” น้อยครั้งมากที่เซียวไห่จะได้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของซ่านจินจื๋อ ซ้ำยังได้ยินเขาพูดว่า “ปีนั้นตอนที่ท่านอาจารย์พาข้าเข้ามา ยังเคยพูดว่ามีคนเคียงข้าง เรียบง่ายธรรมดาเจ้าเองก็เต็มใจ ตอนนี้ ข้ารู้สึกถึงมันแล้ว”
ต่อให้เป็นซูพ่านเอ๋อ ก็ไม่เคยได้รับคำพูดเช่นนี้จากซ่านจินจื๋อเลย
ปีนั้นตอนที่ข้างกายเขามีซูพ่านเอ๋อ บนกายเต็มไปด้วยความดื้อรั้นอย่างไม่หยุดไม่หย่อน แทบจะอดรนทนไม่ไหวทำให้สหายรักรอบตัวต่องขุ่นข้องหมองใจเพื่อซูพ่านเอ๋อเลยทีเดียว
ทว่าตอนนี้เผชิญหน้ากับกู้อ้าวเวย กลับมีด้านที่อบอุ่นอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก
“ท่านไม่มีความคิดเกี่ยวกับตำแหน่งฮ่องเต้เลยสักนิดจริง ๆ เชียวหรือ” สีหน้าของเซียวไห่กลับดำคล้ำลง “ข้าคิดมาโดยตลอดว่าท่านยังอยากให้สถานะสักอย่างแก่ซูพ่านเอ๋อเสียอีก”
เอ่ยถึงซูพ่านเอ๋อ แววตาของซ่านจินจื๋อกลับจางลง “ไม่ต้องเอ่ยถึงนาง สุดท้ายก็เป็นข้าที่ตามใจนางจนหัวแข็ง วันหน้าหากนางคิดจะเป็นสาวงามแตกแยก ข้าเองก็คงไม่อาจปล่อยไว้ได้เหมือนกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์
นางเอกเหมือนจะเก่งแต่ก็ยอมให้ผัวทำร้ายร่างกายตลอด...
บางคำแปลแบบ งงๆ อ่านแล้วเหนื่อยเรื่องนี้ พักก่อน...
สรุปแล้วใครคือพระเอก อ๋องจิ้งไม่เหมาะเลย ขอเป็นคนอื่นแทนได้ไหม...