บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 513

บทที่ 513 ครอบครัวหนึ่งมีสามคน

ผ่านไปหลายวันแล้ว คนของตระกูลหยูนจึงมาถึง

นางได้ซื้อเรือนพักรับรองโดยใช้ชื่อของตนเองมาตั้งนานแล้ว ในตอนที่หยิบเงินออกมานั้นสีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งฉูห้าวเองก็ยังคิดไม่ถึงว่านางจะมีเงินทองมากมายขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมอบเงินธนบัตรจำนวนไม่น้อยให้กับน้าจู้เอาไว้ใช้จัดการปัญหาเรื่องชีวิตความเป็นอยู่

ตระกูลหยูนแท้จริงแล้วเป็นคนแคว้นชางหลาน บัดนี้เมื่อมาถึงแคว้นเอ่อตานพอพบเห็นอะไรเข้าก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่ตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันก็จะต้องพากันส่งเสียงเอะอะมะเทิ่งไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อน

และในบัดนี้ชิงจือก็รู้ความอยู่บ้างแล้ว คำพูดประโยคง่าย ๆ ก็พอฟังเข้าใจ แต่ทว่าถ้าเทียบกับเด็กทั่วไปแล้วนั้นก็นับว่าค่อนข้างเงียบอยู่มาก ในตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของกู้อ้าวเวยนั้นเพียงแค่เงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยแล้วก็จ้องมอง กู้อ้าวเวยไม่ได้พูดอะไร สองแม่ลูกสบตากันอยู่เป็นเวลานาน

น้าจูเมื่อได้เห็นดังนั้นแล้ว กลับหัวเราะส่งเสียงออกมา “ปกติชิงจือมักจะเงียบ ๆ กลัวว่าจะได้รับสืบทอดนิสัยของป่ายเหลากุ่ยมา มีเพียงแค่ตอนที่ได้เห็นเหล่าศาสตราวุธถึงได้พลอยดีอกดีใจขึ้นบ้าง”

“อายุยังน้อย แต่กลับรู้จักพวกศาสตราวุธ”กู้อ้าวเวยตบเบา ๆ ลงบนศีรษะของเขา ชิงจือที่ยังจำความอะไรได้ไม่มากพลอยหรี่ตาเล็กลง ได้รับจุมพิตของกู้อ้าวเวยที่จรดลงบนหน้าผากของเขา นำเขาวางลง ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าเหนื่อยแล้ว ข้าจะอุ้มเจ้าเอง”

“อื้อ”ชิงจือพยักหน้าลงอย่างว่าง่าย ยกมือดึงที่แขนเสื้อของกู้อ้าวเวยเอาไว้

กู้อ้าวเวยเดินทอดฝีเท้าออกจากประตูอย่างช้ามาก แต่นับว่าพอดีสำหรับชิงจือ ที่เดินยังไม่มั่นคงและไม่ได้มีอะไรมากีดขวาง กู้อ้าวเวยก็ค่อย ๆ ดึงแขนเสื้อขึ้น

ในตอนที่ซ่านจินจื๋อสอบถามเพื่อหาทั้งสองคนนั้น พลันมองเห็นชิงจือที่ทอดกายอยู่บนไหล่ของกู้อ้าวเวย จ้องมองดาบและกระบี่ที่ไป ๆ มา ๆ อยู่ในร้านช่างตีเหล็ก ยิ่งไปกว่านั้นก็คือบรรดาคนในยุทธภพที่ไปมาได้อย่างอิสระ กู้อ้าวเวยเพียงแค่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้านข้างทาง พลางป้อนเกี๊ยวคำเล็ก ๆ เข้าปากเขาอยู่บ่อยครั้ง

ซ่านจินจื๋อเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไป แล้วก็ทรุดตัวนั่งลงตาม “ไม่ชอบดูละครและอ่านหนังสือ และก็ไม่ชอบใช้เวลาไปเปล่าประโยชน์ แต่บัดนี้กลับนั่งมองนู่นมองนี่อยู่กับเด็กน้อย คิดไม่ถึงเลยจะไม่ยอมออกเงินซื้อกระบี่ให้กับชิงจือ”

“เขาอายุยังเล็กไปนัก ยังไม่ประสาว่าดาบมันคืออะไร ใช้ดาบไปเพื่ออะไร ยังไม่สมควรยุ่งกับกระบี่นัก”กู้อ้าวเวยก็ได้ป้อนเกี๊ยวอีกคำหนึ่งเข้าไปในปากเขา ยังไม่ทันได้ลดมือลง ซ่านจินจื๋อก็งาบเอาเกี๊ยวจากมือของนางเข้ามาไว้ในปาก

“เด็กน้อย”กู้อ้าวเวยลดมือลง

“เฉิงซานบอกว่า ทำแบบนี้คือน่าสนใจ เด็กน้อยที่ไหนกัน”ซ่านจินจื๋อกลับตีความออกมาอย่างหน้าไม่อาย

เด็กน้อยกลับเงยหน้าขึ้นจ้องมองคนทั้งสอง พลันปีนขึ้นไปบนตักของกู้อ้าวเวย น้ำเสียงออดอ้อน “น่าสนใจคืออะไร?”

กู้อ้าวเวยตกใจจนสำลัก ใบหน้าของซ่านจินจื๋อก็ปรากรฏให้เห็นถึงความกระดากอาย ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมของเด็กน้อย แล้วก็อุ้มคนขึ้น “ต่อไปในภายหน้าเจ้าก็จะรู้เอง วันนี้เจ้าตามข้าก็แล้วกัน”

พูดไปพลางก็อุ้มคนเดินไป กู้อ้าวเวยจำใจต้องหยิบเงินออกมาแล้วเดินติดตามไปด้วย

เมื่อเทียบกับกู้อ้าวเวยที่รู้เพียงแต่เรื่องการใช้ชีวิตที่ไร้รสชาติมีเพียงแค่กินและดื่มแล้ว ซ่านจินจื๋อก็รู้การละเล่นมาก ๆ ที่กู้อ้าวเวยไม่เคยได้รู้มาก่อน มีบางคนเป็นคณะการละเล่นบนถนนทางทิศตะวันออก มีบ้านไหนก็ไม่รู้ที่ได้เชิญพ่อครัวทำอาหารเก่ง ๆ ราวกับว่าเขาเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี เดินทีชิงจือนิ่งเงียบ ในบัดนี้ถึงได้พูดมากขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้กับซ่านจินจื๋อมากเท่าไหร่นัก

ในยามพลบค่ำ กู้อ้าวเวยอุ้มเอาเด็กน้อยที่เหนื่อยล้ามาไว้ในอ้อมอก จ้องมองที่เขา “เด็กน้อยคงจะได้กลิ่นรับรู้ถึงความอำมหิตในตัวเจ้าได้”

“มีด้วยหรอ?”ซ่านจินจื๋อดื่มชาเข้าไป แล้วก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาลองดมฟุดฟิดดู

“ก็มีน่ะสิ”กู้อ้าวเวยจ้องมองท่าทางของเขา อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่ก็อาศัยเอาจากความรู้สึกเท่านั้น ถ้าจะให้พูดจริง ๆ แล้วนั้น ตัวข้าเองก็มีกลิ่นความอำมหิต บ่อยครั้งไปที่พวกเจ้ามักจะรู้สึกว่าพวกหมอชอบบังคับวางตัวเป็นใหญ่ จะทัดทานต่อต้านไม่ได้ง่าย ๆ ส่วนใหญ่ก็คือความอำมหิตที่มาหลอกหลอน หาได้ใช่ว่าหมอเป็นผู้หยาบคายไร้เหตุผล”

นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดอะไรเช่นนี้ ซ่านจินจื๋ออดใจไม่ได้ที่จะต้องคอยจับตามองที่นาง

ชิงจือเอนอิงแนบชิบในอ้อมกอดของกู้อ้าวเวย จับเอาชามใบเล็กและช้อนเอาไว้ เขาเองยังไม่ได้มีทีท่าว่าจะใช้ตะเกียบเป็นเท่าใดนัก กู้อ้าวเวยเองที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตั้งใจที่จะสอนเขา แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าเขาจะต้องคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์