บุบผาร้อยเสน่ห์ นิยาย บท 522

บทที่522 สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก

ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างเขินๆ กู้อ้าวเวยกลับหัวเราะออกมาเบาๆ: “คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะฟังหญิงงามเช่นนี้ โชคดีที่ท่านพี่ของท่านเป็นฮ่องเต้ มิใช่ท่าน”

“ถ้าเป็นข้าก็ควรจะเป็นทรราช” ตอนนี้ซ่านจินจื๋อเข้าใจแล้วกลับอยากหัวเราะแต่ทำเพียงโอบนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด: “ตอนนี้ข้าฟังเจ้าก็สบายใจ เพียงแต่มีบางครั้งที่อดไม่ได้”

“แต่พอคิดว่าเจ้าจะลงโทษข้าก็ทนได้แล้ว”ซ่านจินจื๋อฝังหัวลงไปแถวๆแอ่งคอของนางแล้วถูๆเบาๆ

“อยู่ข้างข้าท่านเปลี่ยนไปไม่น้อย”กู้อ้าวเวยไม่สนใจการกระทำของเขายังคงใจจดใจจ่อกับเรื่องการเงิน

  ……

สงครามตีเมืองกินเวลาไปนานกว่าเดือน

ชางหลานยกทหารออกศึกโดยองค์ชายสาม องค์ชายหกที่กู้ชื่อเสียงกลับมาดำรงตำแหน่งรองแม่ทัพ ส่วนแคว้นเอ่อตานกลับเป็นรัชทายาททำหน้าที่จุนซือรองผู้บัญชาการ ผู้นำทัพเป็นแม่ทัพผ่านศึกชำนาญการรบสองสามนายของแคว้นเอ่อตาน

สองแคว้นมีความชำนาญการโจมตียึดเมือง ไม่ฆ่าทาสเชลยทหารที่สวามิภักดิ์ ไม่ฆ่าแต่ก็ไม่รับเช่นกัน

ในสองเมืองนั้นเพราะมีการก่อจลาจลของทาสประตูเมืองก็เปิดออก

แต่ในขณะนั้นพลทหารและม้าทั้งสองฝ่ายก็ไม่บุกไปข้างหน้าอีก หยุดอยู่ตรงที่เดิมแล้วก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเพื่อทำสัญญา

หลังจากที่ได้รับจดหมายนกพิราบกู้อ้าวเวยก็ย้ายออกมาอยู่นอกโรงเรียน วันๆเห็นซ่านจินจื๋อยุ่งกับเอกสารราชการทั้งวัน ตนเองได้หลับเยอะกว่า วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบฉูหลี่ก็พูดเสียงต่ำว่า: “ถ้าหากฝ่าบาทยินยอม จะดีกว่าที่จะใช้โอกาสจากความวุ่นวายนี้ส่งทหารทูตไปติดตามกู้เฉิง”

“ตอนนี้อ้ายหยินแคว้นเจียงเยี่ยนแย่งชิงตำแหน่งมาแล้ว แล้วก็บีบเมืองหลวงกู้เฉิงมีเวลาไม่นานข้าไม่จำเป็นต้องลงมือ” ฉูหลี่เห็นนางจิตใจดีขึ้นก็ยิ้มพูดว่า: “แต่ถ้าเจ้าอยากไปดูก็ยิ่งไม่จำเป็น”

“พูดเข้าเรื่องนะ” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี: “ข้าสงสัยว่ากู้เฉิงยังมีคนรับช่วงต่อ แม้ว่าซ่านจินจื๋อจะส่งคนไปปราบปราม คนพวกนั้นก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ถ้ากู้เฉิงคิดอยากจะสร้างแคว้นให้มาเป็นแคว้นหนึ่งของตนเองจริงๆ แค่กลัวว่าแคว้นเล็กๆรอบๆจะมุ่งหน้าไปขอหลบภัย”

ฉูหลี่กระแอมสองสามทีครุ่นคิดอยู่นาน: “แคว้นเล็กๆพวกนั้นอยู่ในสภาวะอันตรายแต่ก่อนกระจัดกระจายไปทุกแห่งไม่ได้มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี เจ้ากลัวพวกเขาจะเข้าสวามิภักดิ์กู้เฉิงทำให้อำนาจเขาเพิ่มงั้นหรือ?”

“ก็อาจจะใช่” ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามา: “พวกเผ่าแคว้นเล็กๆพวกนี้ก็เป็นประชาชนที่สามแคว้นใหญ่ทอดทิ้งแต่ก็นับว่ามาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ตอนนี้แนวรบก็อยู่ตรงหน้า ถ้าจะเหลือความหยิ่งทระนงคนตายในแคว้นสู้ไปสวามิภักดิ์กู้เฉิงเพื่อทำให้ครอบครัวปลอดภัย”

“อีกอย่าง อ้ายหยินสนับสนุนการเป็นทาส กู้เฉิงต้องคิดวิธีดึงทาสมาเป็นพวกแน่แล้วพวกทาสเหล่านั้นสุดท้ายมาจากแคว้นเจียงเยี่ยน ท้ายที่สุดหนีไปแคว้นเอ่อตานแคว้นชางหลานก็มีจำนวนน้อย ถ้าพวกเขาทั้งหมดยอมจำนนให้กับกู้เฉิง งั้นก็ไม่ควรมองข้ามความแข็งแกร่งของกู้เฉิง” กู้อ้าวเวยก็พยักอย่างจริงจัง

ทั้งสามคิดคิดอย่างละเอียด ฉูหลี่ก็ตัดสินใจส่งคนไปดูสถานการณ์ของกู้เฉิง

ตอนนี้ก็ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว กู้อ้าวเวยต้องกลับบ้าน ฉูหลี่ก็ต้องกลับเมืองหลวง หยุนหว่านต้องกลับมาจัดการธุระที่ทิงเฟิงเก๋อ แม้แต่กุ่ยเม่ยก็ถูกฉูห้าวพาไปด้วย

ในบ้านหลังใหญ่มีเพียงซ่านจินจื๋อกับชิงจือที่อยู่เป็นเพื่อนนาง

แต่ชิงจือก็สนิทกับเด็กๆในโรงเรียนแล้ว เด็กๆที่เคยเป็นทาสตอนนี้ก็ปรับตัวได้ไม่น้อยกู้อ้าวเวยก็เอาส่วนหนึ่งมาจัดไว้ในบ้านส่วนทายาทตระกูลหยุนที่แต่ก่อนจัดวางไว้ดีแล้วก็เปิดโรงเรียนการแพทย์ที่นี่

กู้อ้าวเวยก็กลับไม่มีอะไรทำวันนี้กินข้าวเสร็จ ตอนแรกก็คิดจะไปดูเครื่องยาสมุนไพรที่โรงหมอตระกูลหยุนแต่ก็ถูกซ่านจินจื๋อลากมาที่บนสะพานหิน ที่นี่ห่างไกลและสงบกู้อ้าวเวยนั่งบนสะพานหินพลางแกว่งขาไปปลายรองเท้าก็กวาดไปทั่วผืนน้ำ

“ข้าไม่เคยพบว่าที่นี่มีสถานที่เช่นนี้ด้วย”เงาสะท้อนในน้ำเป็นระลอกคลื่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุบผาร้อยเสน่ห์