Carrus online : Black sheeP นิยาย บท 30

"เฮ้ย! ฝูงมอนสเตอร์มันมาจากไหนวะเนี่ย!"

"รีบจัดรูปแบบทีมก่อนเร็ว ไม่งั้นได้ถูกบอสม- อ๊าาาา!!!"

"ตูม! ตูม! ตูม!"

"แม่งเอ้ย! แค่สองนาที แค่สองนาทีที่เริ่มปะทะ พวกเราก็ตายกันไปสามสิบคนแล้วหรอวะ!"

"อึก... พอเป็นเกมแบบเสมือนจริงแล้วมันก็ไม่ง่ายเลยสักนิด..."

"ฉันจะดึงความสนใจเอาไว้ ตอนนี้ก็จัดการไอ้พวกตัวยิบย่อยไปก่อน! เกรทวอล!!!"

ทันทีที่ฝูงมอนสเตอร์ปรากฏออกมา ความวินาศสันตะโรก็เข้าปกคลุมไปทั่วรอบด้านของลานต่อสู้ แม้จะเป็นมอนสเตอร์เลเวลสิบแปดถึงยี่สิบ แต่ด้วยจำนวนของมันที่มากนับร้อยก็ทำให้กลุ่มเพลเยอร์ทั้งหลายกลายเป็นเสียรูปแบบการต่อสู้

มอนสเตอร์เหล่านี้มีดาเมจที่มากพอจะกดดันแนวหลังให้ถอยออกไป ถึงจะถล่มด้วยฝูงสกิล แต่บอสละ? บอสใช่ว่าจะหยุดชะงักไปด้วยกับพวกเขาสักหน่อย

การโจมตีแบบคลุมพื้นที่นั้นสร้างความกดดันจนพื้นที่ต่อสู้กลายเป็นเล็กลงไปทุกที และหากละสายตาจากมอนสเตอร์ พวกเขาก็จะถูกมันเข้าโจมตีแทน

พวกเขาไม่ได้มีดาเมจในระดับที่จะจัดการให้มอนสเตอร์ตายในครั้งเดียว และมอนสเตอร์พวกนี้ส่วนมากก็เป็นพวกไม้วิญญาณที่มีความสามารถในการอัญเชิญพวกนกเข้าโจมตี ทั้งระยะไกลและใกล้ มันถือเป็นมอนสเตอร์ที่สร้างปัญหาในระดับที่ทำให้ผู้เล่นกดออกจากเกมได้ง่ายๆ

"ไฟร์บอล!" เป็นชานที่ใช้สกิลกวาดเข้าถล่มมอนสเตอร์ทั้งแผงจากทางฝั่งทิศเหนือ เพราะมันคือทิศจากฝั่งตรงกันข้าม มอนสเตอร์ในบิรเวณนี้จึงค่อนข้างน้อยหากเทียบกับพื้นที่ส่วนอื่นๆ

เปลวไฟที่พุ่งแผดเผาล้วนสังหารมอนสเตอร์รอบด้านไปได้ในการโจมตีไม่กี่ครั้ง ความเร็วอันเหนือล้ำของเขายิ่งทำให้ทุกการเคลื่อนไหวประดับไปโดยการแตกกระจายของมอสเตอร์

แม้จะเป็นสกิลง่ายๆอย่างไฟร์บอล ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับความเร็วของมันแล้ว กลุ่มมอนสเตอร์เบื้องหน้านี้มันก็แทบไม่ต่างกับเป้านิ่งเลยสักนิด

อาบแสงจันทร์

-เพิ่มอัตราฟื้นฟูมานา5หน่วยต่อวินาที

โอ๊ะ... ดูเหมือนพื้นที่บริเวณนี้จะมีการเสริมสกิลประเภทพื้นที่เอาไว้ด้วย ถึงจะแค่ห้าหน่วย แต่ด้วยสกิลแบบครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่มันก็ถือว่าดีไม่น้อย

ผมรีบพุ่งตัวเข้าจัดการกับมอนสเตอร์ให้มากที่สุดทันที ไม่ใช่เพราะต้องการช่วยหรอกนะ แต่พวกมันคือบัฟ! บัฟสังหารต่อเนื่อง นั่นคือสิ่งที่ผมเล็งเอาไว้ต่างหาก

"เพล๊ง! เพล๊ง! เพล๊ง!"

"บ้าน่า เพลเยอร์คนนั้นจัดการพวกมันในการโจมตีครั้งเดียวเลยหรอวะ!"

"ยั่วยุ!" ผมรีบใช้สกิลดึงความสนใจไปที่กลุ่มมอนสเตอร์ทันที ถึงจะไม่ได้บีบบังคับกลุ่มมอนสเตอร์ได้ในระดับเกรทวอล แต่มันก็ทำให้กลุ่มมอนส์เตอร์หงุดหงิดได้ง่ายๆเมื่อดาเมจของตัวเองต้องหายไปถึงครึ่งหนึ่ง

"วูซซซ!!!"

เสียงของสายลมที่ถูกบีบอัดราวกับจะโถมกระหน่ำลงสู่เบื้องล่างทำให้ผมต้องรีบมองขึ้นไปทันที มันคือปีกของบอสที่ทุบลงมาพื้นที่ใกล้ๆผม ถ้าไม่ใช่เพราะค่าความเร็วที่สูงผมคงหักหลบไม่ทันแน่ ถึงจะแค่ฉิวเฉียดแต่แรงลมของมันก็พัดให้เพลเยอร์ใกล้ๆหลายคนต้องปลิวลอยออกไป

การต่อสู้ในฉากแบบกลางคืนมันเป็นปัญหาจริงๆนั่นละ ถึงจะไม่ได้มืดมาก แต่ยังไงทัศนวิสัยตอนกลางวันก็ง่ายต่อการต่อสู้กว่าเห็นๆ...

ผมรีบดีดตัวฉีกไปทางด้านข้างทันที เพราะว่าภายใต้สายลมที่โหมกระหน่ำนี้ เป็นผู้เล่นสายผู้พิทักษ์คนหนึ่งที่ใช้สกิลดึงความสนใจของบอสเอาไว้ แต่แม้จะโดนโจมตีเข้าเต็มๆ แต่พลังชีวิตของเขาก็ไม่ได้ลดเลยสักนิด

มันคือสกิลประเภทแทงค์เต็มรูปแบบของสายอาชีพผู้พิทักษ์เท่านั้น ปฏิเสธดาเมจหนึ่งครั้ง แถมยังมีเวลาคลูดาวน์แค่สิบวินาทีเท่านั้น อาจเป็นการชนะทางต่อบอสที่โจมตีช้าก็ว่าได้

ไกลๆกันนั้นผมเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีกลุ่มที่พยายามขึ้นที่สูงเพื่อหาจุดทำดาเมจต่อบอส รอบๆเท้ามันเองก็มีกลุ่มคนหลายคนที่กระหน่ำโจมตีเข้าหาจนเกิดเป็นประกายไฟสาดกระหน่ำออกมาทุกชั่วขณะ

"กรีซซซ!!!"

สกิลสำหรับพลังชีวิต10% สวรรค์กักกัน! แต่ด้วยระยะที่ผมถอยออกมาก่อนอยู่แล้วมันก็ง่ายที่จะหลบสกิลหมู่อันบ้าคลั่งนี้

"ลำแสงบริสุทธิ์!"

แสงสว่างพลันปกคลุมไปทั่วพื้นที่ตรงขอบสายตาของผม มันคือสกิลที่ล้างดีบัฟทั้งหมดออกไป

ด้วยการยั่วยุและโจมตีของกลุ่มเพลเยอร์ มันก็ง่ายที่ผมจะมายังตำแหน่งที่ดีที่สุดในการทำคริติคอลฮิต! จุดอ่อนของบอสที่สัญชาตญาณของคนอ่อนแอได้นำผมมา

หลังคอของมัน!

"มาร์คออฟเฟรม คลั่ง! ไฟร์บอล!!!"

ผมรีบซัดการโจมตีออกไปทันที ด้วยการโจมตีแบบคริติคอลเพียงแค่สามครั้ง มันก็ทำให้บอสกวาดโจมตีมาทางฝั่งผมแล้ว และด้วยปีกที่ระนาบมากับพื้นแบบนั้น ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้ราชาหมายตาในการปฏิเสธดาเมจของบอสออกไป

ก่อนจะยกเลิกมันทันทีที่ปีกนั้นปะทะเข้ากับพื้นที่เฉพาะ โดยไม่ต้องคิด ผมรีบกระโดดขึ้นไปเพื่อให้ง่ายต่อการทำดาเมจ เช่นเดียวกับเพลเยอร์อีกราวๆสิบคนที่รีบตามผมขึ้นมาทันที

เป็นพวกบ้าขนานแท้...

บนปีกของบอสนั้นไม่ได้ง่ายต่อการยืนแบบพื้นดิน ทำให้มีเพลเยอร์หลายคนตกลงไปตายทันที แต่ก็นะ ในเมื่อบอสไม่ใช่คนฆ่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้บอสฟื้นฟูเลือด ผมจึงไม่ได้คิดจะโทษคนพวกนั้น

และด้วยความเร็วที่ผมมี ทำให้ผมสามารถขึ้นมาจนถึงช่วงไหล่ของบอสได้ทันก่อนที่ปีกของมันจะถูกยกขึ้นเพื่อเตรียมใช้สกิลวายุแห่งการสูญสลาย

"เป็นนายเองหรอกหรอ!" เป็นนักฆ่าที่เคยพยายามสะกดรอยผมกล่าวออกมาด้วยแววตาเบิกกว้างของความไม่อยากจะเชื่อ

"รีบหาที่ยึดก่อนเถอะน่า ถ้าอยู่บนนี้ไม่โดนดาเมจสกิลนี่หรอก" ผมตอบกลับพร้อมทั้งหาช่องหลบลมที่บริเวณช่วงหัวไหล่ของบอสทันที ด้วยการใช้วายุแห่งการสูญสลายจะทำดาเมจแบบรอบด้าน นั่นย่อมหมายความว่าในช่วงเวลาหนึ่งบอสจะต้องทำการโจมตีแบบหมุนหรือเหวี่ยงตัวเพื่อสลัดขนให้สกิลพุ่งเข้าโจมตีทุกทิศแน่นอน

โดยไม่ถึงหนึ่งวินาทีที่ผมหาที่หลบได้ บอสก็เหวี่ยงตัวอย่างแรงพร้อมๆกับสกิลของมันที่สาดไปทั่วรอบด้าน

"ตูม! ตูม! ตูม!"

หยุดแล้วสินะ งั้นก็ตาฉันบ้างละ!

ผมเรียกมีดเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าทันที มันคือมีดที่ได้มาจากพวกเรดก็อบลิน โดยไม่ต้องคิด ผมใช้มันปักแทงไปที่ต้นคอของบอสเพื่อยึดตัวเองเอาไว้และเริ่มอัดไฟร์บอลแบบต่อเนื่องเพื่อสร้างดาเมจแบบคริติคอล100%

"กรีซซซ!!!"

พลังชีวิต 596,187/1,200,000

คลั่งงั้นหรอ? ผมไม่ได้หมายถึงสกิลหรอกนะ แต่หมายถึงว่าบอสมันกำลังคลั่งจริงๆ มันพยายามสลัดผมให้หลุดออกไปเพื่อป้องกันจุดติดคริติคอลอันโอชะนี้ ทว่ามีดของเรดก็อบลินไม่ใช่ของที่จะดูถูกกันได้ง่ายๆ ผมใช้สกิลมากกว่ายี่สิบครั้งกว่าจะถูกมันสลัดปลิวออกมาพร้อมๆกับสกิลสวรรค์กักกันที่ถูกใช้ขึ้น

"เปรี้ยง!!!"

"อั๊ก!!!" บ้าเอ้ย! สกิลมันผ่ากลางอากาศเลยงั้นหรอวะเนี่ย!

"โฮ่ง!" เป็นคริกซิสที่กระโดดมารับผมกว่าสี่ตัว ถึงจะแปลกใจที่หมาโครงกระดูกพวกนี้มันเห่าได้ แต่ผมคงไม่มีเวลามาสนใจขนาดนั้นหรอก

"ก๊าซซซซ!!!"

"คราวนี้ละของจริง! สกิลที่สามที่ซ่อนเอาไว้!" ผมกล่าวต่อตัวเองด้วยรอยยิ้มร้าย ก่อนจะรีบบอกให้เมย์เรียกคริกซิสกลับไปหาตัวเอง แน่นอนให้มันพาผมในสภาพที่จุกจนแทบยืนไม่ขึ้นไปด้วยนี่ละ!

เมื่อได้ใจจงรีบหนี เพราะสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Carrus online : Black sheeP