Carrus online : Black sheeP นิยาย บท 29

"น้ำตาแห่งสงคราม!"

"อาบแสงจันทร์!"

"สายลมแห่งการรักษา!"

เป็นกลุ่มเพลเยอร์จำนวนมากที่เริ่มร่ายสกิลบัฟให้กับปาร์ตี้ของตนเอง บางคนก็ยังใช้สกิลประเภทพื้นที่เพื่อเพิ่มความสามารถให้ทุกคนในขอบเขต

อีกฝ่ายมีพลังชีวิตถึงหลักล้าน! หากมัวแต่กลัวทำดาเมจไม่ทันคงได้ถูกหักค่าประสบการณ์ทั้งเขตแน่ๆ แต่ถึงจะใช้บัฟเสริมดาเมจขนาดใหญ่ พวกเขาก็สามารถทำดาเมจได้เพียงแค่ไม่กี่หมื่นต่อวินาที ในขณะที่อีกฝ่ายถึงจะโจมตีช้าแต่ขอบเขตความเสียหายของมันนั้นกินพื้นที่เกือบยี่สิบเมตร

ถึงจะบอกว่าความเสียหายหลักๆขึ้นอยู่กับเลเวลคู่ต่อสู้ แต่การโดนเข้าไปหนึ่งครั้งก็ส่งผลถึงโลกจริงเช่นกัน ความเจ็บปวดที่ราวกับถูกคนชกเข้ากลางอกอย่างแรงทำให้หลายคนถึงกับลุกขึ้นไม่ได้เป็นเวลานาน

มันใช้ปีกขนาดใหญ่ในการกวาดเข้าโจมตีเพลเยอร์ที่อยู่ตามแนวขั้นบันไดของหลุมยักษ์ ในขณะที่เพลเยอร์ตามพื้นจะถูกมันเหยียบกระทืบจนได้รับความเสียหายปางตายกันไปเป็นแทบๆ

การฮีลจากเหล่านักบวชนั้นแทบไม่มีผล เพราะพวกเขาเองก็ไม่มีเวลามาร่ายสกิลเช่นกัน และถ้าหากอยู่ไกลเกินไป สกิลก็ส่งไปไม่ถึง แต่บอสตัวนี้กลับสร้างความเสียหายในระดับขอบเขตยี่สิบเมตร ดังนั้นการจะมีพวกเขาหรือไม่มีมันก็แทบไม่ต่างกันเลยสักนิด

"ถ้าคนพวกนั้นไม่ใช้สกิลประเภทดึงความสนใจละก็ ไม่นานคงถูกจัดการกันหมดแน่ เราจะปล่อยไว้แบบนี้จริงๆหรอ?" ควีนถามออกมาด้วยสายตาพิจารณา การโจมตีของเพลเยอร์ที่โถมลงไปนั้นแม้จะมากมาย แต่สุดท้ายมันก็ไร้ค่า

พวกเขาไม่มีการประสานรวมมือกันเลยสักนิด และก็ไม่มีปาร์ตี้ไหนเลยที่จะยอมตกเป็นเป้าการโจมตีของบอส การต่อสู้แบบนี้สุดท้ายก็เป็นได้แค่การรนหาที่ตาย และการตายเท่ากับถูกส่งไปที่บาครอสแน่ๆ เว้นก็แต่จะใช้สกิลยั่วยุดึงบอสไว้จุดๆหนึ่งและทำดาเมจ แต่คนใช้สกิลแบบนั้นก็เท่ากับถือครองเส้นทางกลับไปบาครอสแล้วเช่นกัน หากใช้เมื่อใดก็เท่ากับตายอย่างไม่มีทางเลือก สกิลยั่วยุที่มีจึงกลายเป็นสกิลปิดตายไปทั้งหมด

"ปล่อยพวกนั้นไป เพราะถึงยังไงปาร์ตี้หลักก็คือพวกเราทั้งสี่ปาร์ตี้ ระหว่างนี้ก็รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดและคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกนั้น... ปาร์ตี้ของเพลเยอร์ที่ชื่อชานคนนั้นด้วย" คิงตอบกลับเสียงเรียบเมื่อมองไปยังปาร์ตี้ของฮานและสนามรบเบื้องล่าง

"ปาร์ตี้ของแบล็คน่ะหรอ?"

"ไม่ใช่ ปาร์ตี้ของแบล็คมันไปเจอดันเจี้ยน มันไม่ได้มาตีบอสที่นี่ เพราะงั้นต้องไม่ใช่ปาร์ตี้ของมันแน่นอน และฝีมือของเพลเยอร์ที่ชื่อชานเองก็น่าจะไม่ใช่ปาร์ตี้ย่อยด้วยเหมือนกัน... ยังไงก็ระวังไว้ด้วยละ" คิงกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบ การแบ่งปาร์ตี้ของเขาคือสายทำดาเมจระยะสองปาร์ตี้ และมีสายสนับสนุนอีกหนึ่งปาร์ตี้ ส่วนปาร์ตี้สุดท้ายคือเขาที่คอยรับการปะทะกับบอส

เช่นเดียวกับฮานที่แบ่งปาร์ตี้ของตัวเองเอาไว้สี่ปาร์ตี้เพื่อคอยรวบรวมข้อมูลเช่นกัน

ด้วยการแบ่งเป็นทีมเหล่านี้ มันจะง่ายขึ้นในการสู้กับบอส...

ฝ่ายละยี่สิบคนงั้นหรอ? พวกนั้นเองก็ตั้งใจจะปล่อยให้พวกที่โจมตีก่อนเป็นแค่เครื่องสังเวยสินะ

"ถ้าให้เราเทียบข้อมูลให้ละก็ ปาร์ตี้ของฮานมีคนทำดาเมจหลักๆคือนักฆ่ากับนักธนู สองคนนั้นทำดาเมจต่อวิได้สูงสุดที่ราวๆแปดร้อยหน่วย พวกนั้นคือพวกปาร์ตี้หลัก ส่วนปาร์ตี้ย่อยพวกนั้นน่าจะทำดาเมจเฉลี่ยกันคนละไม่เกินหกร้อยหน่วยต่อวินาที ข้อมูลเท่านี้พอจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ย?" เมย์พูดออกมาพรางควบคุมคริกซิสของตัวเองให้เข้าไปในสนามรบเพื่อให้ผมสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ของคนพวกนั้นได้ผ่านสกิลล่าเนื้อ

"อ่า เท่านี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว" ผมตอบกลับด้วยเสียงเอื่อยๆพรางเทียบอุปกรณ์ที่พวกเพลเยอร์ส่วนมากสวมใส่ แน่นอนผมคงบอกไม่ได้ว่าอุปกรณ์แต่ละชิ้นทำดาเมจได้ขนาดไหน แต่ที่ผมต้องการรู้คืออุปกรณ์พวกนั้นมีกลุ่มเพลเยอร์แบบไหนใช้กันบ้าง

จะบอกว่าที่ผมทำคือเกมจับคู่ก็ว่าได้ละนะ แค่เทียบอาวุธของพวกที่เข้าปะทะกับบอสกับพวกที่คอยสังเกตการณ์อยู่ด้านบนไม่ได้ยากอะไรเลย จากนั้นก็แค่คอยดูดาเมจเฉลี่ยของอาวุธเหล่านั้นแล้วเอามาประมาณการเอา

บอสมีเลือดนับล้าน เพราะฉะนั้นผมจึงมีเวลาล้นเหลือในการตรวจสอบพวกเขา และเพราะการเจาะจงไปที่อาวุธบางชิ้นเท่านั้น มันจึงไม่ได้ยากเกินไปสำหรับการจะจำเรื่องพวกนี้

อาวุธหลักๆที่พวกเขาใช้เหมือนกันของสายนักธนูคือธนูกระดูก พวกมันทำดาเมจเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆหกร้อย แน่นอนว่าบางคนก็มากกว่านี้ แต่บางคนก็ต่ำกว่านี้เช่นกัน ผมจึงประเมินดาเมจคร่าวๆของแปดปาร์ตี้หลักเอาไว้ที่หนึ่งหมื่นถึงหนึ่งหมื่นห้าพันต่อวินาที

หรือก็คือดาเมจราวๆ1%ต่อวินาที นั่นคือดาเมจของทั้งสี่สิบคนที่กระหน่ำใส่บอส แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขาต้องอยู่ให้ครบสี่สิบคนด้วยเช่นกันในจังหวะทำดาเมจพวกนี้ แต่บอสเป็นประเภทโจมตีวงกว้าง สกิลของอาชีพผู้พิทักษ์ที่เข้าปะทะมีแค่สามคน พวกเขาอาจจะทำปัญหากับบอสได้บ้าง แต่กับสายอัศวิน​ที่เป็นแนวหน้า​ พวกเขาเป็นพวกดึงความสนใจได้แค่ชั่วคราวเสียมากกว่า

ถ้าสกิลของพวกสายอาชีพผู้พิทักษ์หมดเอ็ฟเฟ็คลงเมื่อใด นั่นก็มีโอกาสสูงที่หลายคนจะต้องตายในการต่อสู้ บอสเองก็อาจจะฟื้นฟูพลังชีวิตได้ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ใช่แค่การฟื้นฟู แต่มันยังมีสกิลอีกสามสกิลที่ปิดซ่อนเอาไว้...

"ตูมมม!!!"

พลังชีวิต 1,079,583/1,200,000

"กรีซซซ!!!" บอสวิหคคำรามลั่นด้วยเสียงแหลมยาว ก่อนมันจะสยายปีกออกพร้อมๆกับประกายสายฟ้าสีขาวสว่างที่เริ่มปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของมัน

"สกิลประเภทชาร์จ! ระวังด้วยมันกำลังจะใช้สกิลที่ซ่อนเอาไว้!" เป็นชายคนหนึ่งที่เอ่ยขึ้นเตือนกลุ่มเพลเยอร์รอบๆ ทว่าสกิลชาร์จของบอสวิหคมันไม่ใช่แค่การโจมตีทิศทางเดียว! แต่มันโจมตีแบบครอบคลุมพื้นที่ระยะหนึ่งร้อยเมตร!

"เปรี้ยง!!!" สายฟ้าพลันฟาดลงไปทั่วทันที ถึงจะมีเพลเยอร์หลายคนใช้สกิลหลบได้ทัน แต่มันก็มีเกินครึ่งที่ถูกสายฟ้าเหล่านั้นฟาดปะทะ ทว่าดาเมจที่ได้รับจากสายฟ้าอันบ้าคลั่งพวกนี้คือศูนย์!

"ไม่ตายงั้นหรอ..."

"เฮ้ย! มันไม่ใช่เวลามาสับสนนะเว้ย! สกิลพวกเอ็งโดนล็อคกันหมดแล้ว!"

สวรรค์กักกัน

-ล็อคการใช้สกิลทุกประเภทของเป้าหมายในพื้นที่เป็นเวลา5วินาที

"ตูมมม!!!"

วิหคตกสวรรค์ที่ใช้สายฟ้าฟาดไปทั่วบริเวณเรียบร้อยแล้วไม่ปล่อยโอกาสเริ่มกวาดโจมตีออกเป็นวงกว้างทันที พร้อมๆกับสกิลติดตัวของมันที่ทำงาน สังหารเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต

พลังชีวิต 1,200,000/1,200,000 !!!

"บ้าน่า! แค่ไม่กี่ทีก็เลือดเต็มหลอดเลยงั้นหรอ แบบนี้พวกที่ตายไปกว่าจะกลับมาจากบาครอสก็ตั้งสองชั่วโมง ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราได้ตายกันหมดก่อนพอดี"

"โธ่เอ้ย! อย่าไปยอมเว้ยพวกเรา กระหน่ำสกิลเข้าไปเลย!!!"

"ไลท์ช็อท!"

"ตูม! ตูม! เปรี้ยง!" เหล่าสกิลหลากสีสันต่างพุ่งเข้ากระหน่ำหาบอสทันที ทว่าการโจมตีเหล่านั้นก็ทำดาเมจต่อวิลดลงไปไม่น้อย พวกเขามีกันอยู่แค่สามร้อยคน สี่สิบคนในนั้นล้วนคอยสังเกตการณ์ และการถูกบอสกวาดตบไปเมื่อครู่ก็ทำให้เพลเยอร์กว่ายี่สิบคนตายทันที พวกเขาที่คอยทำดาเมจจึงเหลืออยู่แค่สองร้อยหกสิบคนเท่านั้น แต่ถ้าหักลดพวกสายรักษาลงไปด้วยแล้ว มันก็ยิ่งน้อยลงไปอีก!

แต่หลังจากกระหน่ำโจมตีไปได้ไม่นาน บอสวิหคก็เริ่มสยายปีกขึ้นอีกครั้ง

"กรีซซซซ!!!"

"มันจะใช้สกิลนั่นแล้ว ทุกคนถอยเร็ว!" เป็นเพลเยอร์กลุ่มหนึ่งที่เริ่มตะโกนเตือนเพื่อให้กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆถอยออกมา

"เปรี้ยง!!!"

"อ๊าาา!!!"

แต่ถึงแม้จะรู้ มันก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรให้เพลเยอร์เหล่านั้นรอดออกมา​ พวกเขาถูกสายฟ้าฟาดปะทะจนไม่สามารถใช้สกิลหนีออกมาได้ทัน ทั้งนี้ส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะสมาชิกบางคนได้ตายไปก่อนหน้า บัฟหลายๆบัฟจึงไม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาแทน ถ้าเป็นพวกรับการปะทะที่มีสกิลเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่สกิล มันก็ยากที่เขาจะออกนอกระยะหนึ่งร้อยเมตรได้

"บอสมันใช้สกิลตอนที่เลือดลดถึง10% บอกปาร์ตี้ย่อยของเราให้ระวังด้วย" คิงสั่งการออกไปยังสมาชิกในปาร์ตี้ของตนเองทันที

การใช้สกิลโจมตีแบบคลุมพื้นที่โดยใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการคลูดาวน์มันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องมีแค่เหตุผลเดียวที่ทำให้บอสใช้สกิลระดับนั้นได้อีกครั้ง...

ใช้อัตโนมัติเมื่อพลังชีวิตลดลงจนถึงระดับเงื่อนไขของสกิล...

"ครับ!"

"ตอนนี้มันเผยหนึ่งในสามสกิลออกมาแล้ว ถ้ารู้ว่าทั้งสามสกิลทำอะไรได้บ้างพวกเราก็เตรียมลุยได้เลย" ฮานกล่าวมาด้วยรอยยิ้มที่เริ่มประดับขึ้นบนใบหน้า สกิลประเภทคลุมพื้นที่เหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาถ้าจัดวางตำแหน่งกันได้ดีๆ สำหรับสายนักบวชถึงแม้จะดูไร้ประโยชน์เมื่อเจอกับบอสตัวนี้ แต่ว่าพวกเขามีสกิลที่โดดเด่นคือประเภทชำระล้าง

การล้างดีบัฟที่ล็อคสกิลเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ และถ้าทำแบบนั้น สกิลสวรรค์กักกันของมันก็จะกลายเป็นของไร้ค่าไปทันที

พลังชีวิต 958,752/1,200,000

"ทุกคนระวังด้วย มันกำลังจะถึงขีดจำกัดที่10%แล้ว คนที่ไม่มีสกิลถอยรีบถอยเร็ว!"

"กรีซซซ!!!" เสียงร้องแหลมดังกังวาลขึ้นอีกครั้ง ทว่าการสยายปีกในครั้งนี้มันต่างออกไปจากเดิม มันไม่มีประกายสายฟ้าเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ครั้งนี้มันเป็นขี้เถ้าที่เริ่มโปรยลงมาในระดับมหาศาลที่เปลี่ยนให้การมองเห็นกลายเป็นย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม!

แค่จะมองให้เกินระยะยี่สิบเมตรยังเป็นไปไม่ได้!

เวนแล้วไง​ ครั้งนี้มันไม่ใช่สกิลบ้านั่น บอสมันกำลังจะใช้สกิลอื่น ครั้งนี้มันเป็นสกิลของพลังชีวิต20%!!!

"รีบใช้บัฟเสริมการป้องกันเร็วเข้า สกิลนี้มันคนละสกิลกับตอนแรก!"

300เพลเยอร์ต่อ1บอส!!! 1

300เพลเยอร์ต่อ1บอส!!! 2

300เพลเยอร์ต่อ1บอส!!! 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Carrus online : Black sheeP