เยว่อวิ๋นฟังแล้วอดนึกขันไม่ได้ คงต้องบอกว่าคนจำพวกเดียวกันมักจะมองกันออกจริงๆ สินะ ขนาดอีกฝ่ายไม่อยู่ในขบวนรับตัวเจ้าสาวแท้ๆ กลับบรรยายการกระทำของแม่เฒ่าเยว่ได้ชัดเจนชนิดตาเห็นเลยทีเดียว ดูท่าแล้วหญิงชราผู้นี้คงเป็นแม่สามีราคาถูกของนางกระมั้ง
“ท่านแม่ พวกข้าไม่ได้เสียเปรียบให้นางเลยขอรับ” เซี่ยจินกล่าวตอบมารดา ก่อนจะกระซิบเล่าเรื่องการพุ่งชนเสาของเจ้าสาวน้องชายให้นางฟังอย่างละเอียด
อันที่จริงขบวนรับตัวเจ้าสาวของเขาไปถึงหมู่บ้านไป๋นานแล้ว เพียงแต่มีคนบอกเซี่ยจินว่าเจ้าสาวไม่ยินยอมแต่งงานจึงพุ่งศีรษะชนเสาเพื่อฆ่าตัวตาย พอได้ยินดังนั้นเขาจึงหยุดรั้งขบวนรอที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะส่งคนไปดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
ที่เซี่ยจินทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะมีใจเป็นห่วงหน้าตาคนสกุลเซี่ย เพียงแต่เขาเกรงว่าหากตนไปถึงไว แล้วเยว่อวิ๋นผู้นี้จะถูกยายของนางส่งตัวออกมาในสภาพปางตาย ถึงตอนนั้นพวกเขาคงได้รับเอาตัวภาระเข้ามาเพิ่มอีกเป็นแน่
ไปถึงช้าสักหน่อย หากว่าที่เจ้าสาวเกิดตายไปก่อน ก็มีข้ออ้างเปลี่ยนตัวคนแล้ว ระหว่างหลานสาวที่เกลียดชังกับลูกสาวแสนรัก สินเดิมที่ติดตัวมาย่อมแตกต่างกันมากโข คิดถึงตรงนี้แล้วเซี่ยจินก็ภาวนาให้เยว่อวิ๋นรีบๆ ตายไปเสียที
ทว่าน่าเสียดายที่เขาต้องผิดหวัง หลังจากถ่วงเวลารอคอยอยู่เนิ่นนานเยว่อวิ๋นกลับไม่ตาย แถมตอนไปรับตัวคน ยายเฒ่าเยว่ยังจ้องจะตามติดเขาเหมือนผีหิวโหย
มองสัมภาระเจ้าสาวที่มีเพียงถุงผ้าเก่าสีมอซอติดตัวมาถุงเดียว เซี่ยจินก็ได้แต่ถ่มน้ำลายด่าในใจว่าช่างสมกับเป็นตัวอัปมงคลเสียจริงๆ
แม่เฒ่าเซี่ยไม่ชื่นชอบเยว่อวิ๋นอยู่เป็นทุนเดิม พอมารู้ว่านางถึงกับยอมฆ่าตัวตายแต่ไม่ยินยอมแต่งเป็นภรรยาลูกชายตน ในใจหญิงชราก็ยิ่งทวีความไม่พอใจ
“นางมีสิทธิ์อะไรมารังเกียจเจ้ารอง หากไม่เพราะเจ้ารองเป็นแบบนี้ บ้านเซี่ยเรามีหรือจะยอมรับตัวโชคร้ายนาง!”
หลังจากหลิวซื่อตั้งครรภ์เยว่อวิ๋นได้ไม่นาน ผู้เฒ่าเยว่ก็เสียชีวิต จากนั้นก็เป็นเยว่หลินบิดาอีกฝ่าย บ้านเยว่ยามนี้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ต่อให้เป็นตัวของเยว่เจินเจินเอง แม่เฒ่าเซี่ยก็ยังมองว่านางไม่คู่ควรกับบุตรชายคนเล็กซึ่งเป็นว่าที่ซิ่วไฉของตน
น่าเสียดายที่ตอนผู้เฒ่าเซี่ยมีชีวิตอยู่ เป็นตายก็ไม่ยินยอมให้นางบิดพลิ้วสัญญา ไม่อย่างนั้นยามที่เมียเจ้ารองจากไป นางคงนำการหมั้นหมายนี้มาสู่ขอเยว่เจินเจินให้เขาแล้ว
ดีเลยตอนนี้เลยหมดสิทธิ์จะต่อรองอะไร เนื่องจากบุตรชายคนรองบาดเจ็บร้ายแรง แม้นางจะเจรจาจนสามารถเปลี่ยนคนแต่งได้ แต่อีกฝ่ายก็เขี้ยวลากดินพอตัวไม่น้อย เอ่ยปากเรียกร้องต้องการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเช่นกัน
แม่เฒ่าเซี่ยจำต้องทำใจยอมรับเงื่อนไขของบ้านเยว่ รับเอาเยว่อวิ๋นที่ด้อยกว่าเยว่เจินเจินทุกอย่างมาแทน คราแรกนางยังพอโน้มน้าวใจตัวเองไว้ได้บ้าง ทว่าพอฟังคำพูดบุตรชายและเห็นสินเดิมที่แสนอัตคัดของอีกฝ่าย นางก็ยิ่งดูแคลนลูกสะใภ้คนนี้มากขึ้นไปอีก
เยว่อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สายตาเย็นชาของคนบ้านเซี่ยแม้ไม่มองนางก็รู้สึกได้ หญิงสาวอดทนยืนนิ่งไม่ขยับ จนกระทั่งได้ยินเสียงแค่นฮึในลำคอจากคนเป็นแม่สามี ก่อนเจ้าตัวจะกล่าวเรียกคนให้พยุงนางตามไป
แม่เฒ่าเซี่ยพาเยว่อวิ๋นเดินเข้าไปในบ้าน จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงขานร้องให้คำนับฟ้าดิน ก่อนจะถูกมือของใครบางคนกดศีรษะลงเต็มแรง
เสร็จสิ้นพิธีการ เยว่อวิ๋นก็ถูกพาตัวเข้าไปในห้องด้านในสุดของบ้าน ร่างผอมบางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของนางถูกประคองลงบนเตียง ยังไม่ทันกล่าววาจาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไป จากนั้นก็มีเสียงประตูปิดเบาๆ
“…”
ไปแล้ว…
เช่นนี้น่ะหรือ…
เยว่อวิ๋นขยับตัวลุกขึ้นนั่ง นางถอดผ้าคลุมศีรษะออกมองไปทางประตูอย่างมึนงง ช่างเป็นการแต่งงานที่ลวกๆ ขอไปทีเสียเหลือเกิน ไม่มีแม่สื่อทาบทาม ไม่มีสามหนังสือและหกพิธีการ [1] ไม่มีแม้กระทั่งเกี้ยวแปดคนหาม…
ทว่าพอคิดตรองดูแล้ว นางก็เผยรอยยิ้มบางเบาออกมาทันที ลืมไปได้อย่างไรกัน นางในยามนี้มิใช่เยว่อวิ๋นที่เป็นคนของราชวงศ์อีกแล้วนี่นา
ที่นี่ไม่มีท่านหญิงผู้สูงศักดิ์หรือแม่ทัพผู้เป็นวีรสตรีอะไรนั่นทั้งนั้น จะมีก็แต่เพียงหญิงสาวชนบทนามเยว่อวิ๋น ที่ถูกครอบครัวเดิมส่งออกมาเพื่อสินสอดเท่านั้น
เยว่อวิ๋นถอนสายตาจากบานประตูที่ปิดสนิท มองรอบด้านผ่านความมืดสลัวแล้วถอนใจอีกรอบ ในห้องแห่งนี้นอกจากโต๊ะไม้ที่วางชิดข้างผนังริมหน้าต่าง ก็มีแค่เตียงนอนที่นางกำลังนั่งอยู่เท่านั้น
บนโต๊ะไม้เพียงหนึ่งเดียวในห้องว่างเปล่า เยว่อวิ๋นคิดถึงตอนตนไปร่วมงานแต่งของลูกน้องในกองทัพแล้วนึกหดหู่ ดีชั่วเจ้าพวกนั้นก็ยังมีอาหารรับรองให้แขกอิ่มท้องบ้าง ทว่างานแต่งของตัวเองเจ้าสาวอย่างนางกลับต้องมานั่งฟังเสียงท้องร้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซาลาเปาบ้านข้านั้นทั้งขาวทั้งนุ่ม