เข้าสู่ระบบผ่าน

ชายาแพทย์พลิกชะตา นิยาย บท 12

เพื่อที่จะจับปลา พวกเขาถึงกับไม่ไปรับโจ๊กผักจากนักการ!

ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังจับปลาไม่ได้อีก

ซวยสุด ๆ ไปเลย!

กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “พวกเจ้าไม่มีความสามารถจับปลาไม่ได้ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ลูกผู้ชายตัวโตตั้งหลายคนยังทำตัวเหมือนพวกไร้ค่า”

หลายคนโมโหจนแทบจะเป็นลมกับปากร้าย ๆ ของนาง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่โกรธอยู่ในใจ

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ

ซูหัวหลินถูกทุบตีทั้งคืน นอนอยู่บนพื้นในสภาพร่อแร่ ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อน

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ซูอวี่แบก ส่วนบ้านรองก็ไม่มีผู้ชายคนอื่น นางจึงหันไปมองนางเฉียน

แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางเฉียนกลับร้องโอ๊ยแล้วลงไปนั่งยอง ๆ “ท่านแม่ เท้าของข้าแพลง ข้าแบกท่านพี่ไม่ไหวหรอก”

“เจ้า นางสารเลว เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย” ซูหัวหลินโมโหจนกระอักเลือด นี่มันชัดเจนว่านางเฉียนจงใจไม่อยากแบกเขา

นางเฉียนกระชับห่อของที่อยู่บนตัวแน่น “ข้าต้องแบกเงินมากมายขนาดนี้ แล้วยังต้องแบกอาหารอีก ข้าแบกท่านไม่ไหวจริง ๆ ”

ซูหัวหลินเงียบเสียง

ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากครอบครัวฝั่งแม่ของนางเฉียน ถ้าทำให้นางเฉียนโกรธ คงต้องอดตายแน่ ๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางเลือกอื่น จึงเรียกพี่ใหญ่อย่างซูหัวหยางมาแบกซูหัวหลิน คนในบ้านใหญ่สบตากัน แม้จะไม่ได้โต้แย้ง แต่ในใจก็คิดคำนวณกันอยู่

บ้านรองเห็นแก่ตัวและไร้ประโยชน์ รู้แบบนี้แยกบ้านออกไปเหมือนกับบ้านสามก็ดี

ทุกคนออกเดินทางกันอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง นักการก็แจ้งให้ทุกคนทราบว่าวันนี้โชคดี เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงเมืองอูอวิ๋นแล้ว ถ้าไปถึงก่อนค่ำ ก็จะได้พักค้างคืนในเมือง

เมื่อทุกคนได้ยินว่าคืนนี้ไม่ต้องนอนบนพื้น พวกเขาก็มีแรงขึ้นมาในทันที ความเร็วในการเดินทางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

พวกเขารีบเร่งกันสุดชีวิต และในที่สุดก็มาถึงเมืองอูอวิ๋นก่อนฟ้าจะมืด

เมืองอูอวิ๋นมีจุดพักม้า แต่จุดพักม้ามีไว้สำหรับขุนนางในราชสำนักที่เดินทางผ่านเท่านั้น พวกนักโทษที่ถูกเนรเทศไม่มีสิทธิ์พัก

ทุกคนมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ซุนอู่ให้นักการหลายคนไปจัดห้องพัก จากนั้นก็จัดให้คนที่เหลือพักรวมกันในห้องพักรวมขนาดใหญ่ เพื่อความสะดวกในการดูแล

เมื่อเปิดประตูห้อง ก็เห็นเตียงนอนสองแถวยาวเป็นสิบเมตร ดูอลังการมาก

นักโทษที่ฉลาดได้พุ่งเข้าไป จับจองที่นอนที่ดีที่สุดแล้ว

บนเตียงนอนโล่ง มีเพียงเสื่อฟางผืนเดียว ไม่มีแม้แต่ผ้าห่มคลุม

โชคดีที่เป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว

อากาศแบบนี้ ไม่ห่มผ้าตอนกลางคืนก็ไม่หนาว

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ทุกคนต้องนอนบนพื้นดินมาตลอดทั้งคืน การได้นอนบนเตียงก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว

ทุกคนนอนลงโดยไม่สนใจใด ๆ ไม่นานก็มีเสียงกรนดังลั่น

นางหยางและซูจื่อชิงออกแรงช่วยกันยกซูจิ่งสิงจากเกวียนขึ้นไปวางบนเตียง

กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินออกมา ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้นำน้ำอุ่นมาให้

“แช่เท้ากันเถอะ”

นางเรียกนางหยางและเด็ก ๆ ทั้งสองคน

เดินมาสองวันแล้ว การแช่เท้าก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นมาก ซูจิ่นเอ๋อรีบเอาเท้าจุ่มลงในน้ำอุ่นด้วยความใจร้อน เจ็บจนต้องร้องออกมา

นางมีตุ่มพองขนาดใหญ่ขึ้นที่ฝ่าเท้า เจ็บเหมือนโดนเข็มทิ่ม

นางหยางรู้สึกสงสารจึงอุ้มนางไป ใช้ปลายเข็มเจาะตุ่มพองที่ฝ่าเท้าของนาง จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูร้อนพันเท้าของซูจิ่นเอ๋อไว้

ภายใต้แสงเทียนสลัว ซูจื่อชิงปาดน้ำตา เขาเข้าใจว่าต่อไปนี้จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่สามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้อีกแล้ว

กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาให้เศร้า ระหว่างทางที่ไปตักน้ำ นางได้ยินมาว่าสุสานหลวงที่ฮ่องเต้สุนัขสร้างขึ้นนั้นตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอูอวิ๋น หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาทันที

“ท่านพี่ ข้าถามอะไรหน่อยสิ”

กู้หว่านเยว่ค่อย ๆ คลานไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิง

“ได้ยินมาว่าสุสานหลวงอยู่ใกล้ ๆ เมืองอูอวิ๋น ท่านรู้หรือไม่ว่าสุสานหลวงอยู่ที่ไหน?”

กู้หว่านเยว่รู้สึกกระวนกระวายใจ นางพยายามคิดหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลอย่างบ้าคลั่ง

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ซูจิ่งสิงมองนางอย่างลึกซึ้งแล้วก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งตื่น นอนเถอะ”

ขณะพูด ก็หลับตาลง

เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนอนลง นางก็เข้าไปในมิติ

พอเข้าไป ก็เกือบจะหัวเราะจนฟันหลุด

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ อาคารใหม่ ครัวอาหารเลิศรส ได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว

โฮสต์สามารถใส่วัตถุดิบใด ๆ ก็ตามลงไป ครัวอาหารเลิศรสจะรังสรรค์อาหารระดับห้าดาวจากเชฟชั้นนำให้กับท่าน”

กู้หว่านเยว่รีบโยนไข่ไก่หนึ่งฟองและข้าวสวยหนึ่งชามลงไป

หนึ่งนาทีต่อมา ข้าวผัดไข่ที่มีกลิ่นหอมจนน้ำลายไหลก็ส่งออกมาจากหน้าต่างของครัวอาหารเลิศรส

“หอมจัง น่ากินมาก...”

กู้หว่านเยว่เช็ดน้ำลายที่มุมปาก ถ้าไม่ติดว่าเงื่อนไขไม่อนุญาต นางคงอยากจะเอาข้าวผัดไข่ออกมากินให้หมดเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากออกจากมิติด้วยความตื่นเต้น กู้หว่านเยว่ก็พลิกตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหลับสนิท

วันรุ่งขึ้น เหล่านักการปลุกนักโทษขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “ใครจะไปซื้อของในเมือง จ่ายสิบตำลึง แล้วไปซื้อของกับพวกเราได้”

หลังจากผ่านเมืองอูอวิ๋นไปแล้ว ถ้าโชคไม่ดี ต่อไปอาจจะไม่มีเมืองอีกนาน

สิบตำลึงสามารถแลกโอกาสในการซื้อของได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

หลี่ซือซือรีบให้สิบตำลึงแก่นักการ “ท่านนักการ พาข้าไปซื้อของด้วยเถอะ”

“ตามมาข้างหลัง” จางเอ้อร์กล่าวอย่างเย็นชา ไม่สนใจสายตาเว้าวอนของหลี่ซือซือ

คนในครอบครัวอื่น ๆ ก็ทยอยเอาเงินออกมา อยากจะไปซื้อของด้วย

ส่วนคนที่เหลือเหล่านั้นที่ไม่มีเงิน ก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ

“คุณหนูกู้ เจ้าก็ไปกับพวกเราด้วยสิ” จางเอ้อร์ยิ้ม “เจ้าไม่ต้องจ่ายเงิน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา