“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน ท่านปิดบังซ่อนเร้นได้เก่งมาก ท่านสามารถซ่อนขาแกะย่างเอาไว้ในห่อ ท่านคือแบบอย่างที่ดีของข้า!”
ซูจื่อชิงอ้าปากกล่าววาจาประจบ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงโตมากลายเป็นพ่อไก่แจ้หว่านเสน่ห์สาวไปทั่วเมือง
ซูจิ่นเอ๋อขยี้ตาเล็กน้อย เขาคิดว่าภาพตรงหน้าคือความฝัน “ขาแกะ ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม ข้าได้กินขาแกะจริง ๆ ใช่ไหม....”
แววตาของนางหยางเปล่งประกายและกลืนน้ำลายด้วยความตะกละตะกลามอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของซูจิ่งสิงยังคงนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก แต่นัยน์ตาสีดำทะมึนคู่นั้นเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองกู้หว่านเยว่
ด้วยสายตาล้ำลึก เขามั่นใจว่าขาแกะชิ้นนี้ไม่ได้ถูกนำออกมาจากห่อกระดาษอย่างแน่นอน
ดูท่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง....
แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้เปิดโปงกู้หว่านเยว่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา
เขาเพียงแต่แปลกใจ ทำไมกู้หว่านเยว่คนนี้ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนไม่เหมือนกับกู้หว่านเยว่ที่เขาเคยสอบสวนอยู่ในจวนโหว?
“ชู่ว์ เบา ๆ หน่อย คนอื่นได้ยินหมดแล้ว”
กู้หว่านเยว่ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบบนริมฝีปากส่งสัญญาณ แม้ว่าตอนนี้นักการในศาลาว่าการจะยอมปิดตาข้างหนึ่งในเรื่องของพวกเขา แต่หากคนอื่นเห็นว่าพวกเขาแอบกินขาแกะย่าง จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่
บนเส้นทางแห่งการโดนเนรเทศ ทุกคนต่างประสบกับความทุกข์เหมือนกัน
หากเจ้ามีชีวิตที่ดี ผู้อื่นก็อาจจะเกิดความอิจฉาริษยาได้
ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะตกเป็นเป้าสายตาไปแล้ว
พวกเขาต่างพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะปิดปากไม่กล้าส่งเสียง เฝ้ารอให้กู้หว่านเยว่แบ่งเนื้อแกะอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อขาแกะย่างถึงมือ พวกเขาต่างรีบยกขึ้นมาแทะในทันที
คนที่เคยมั่งคั่งมาก่อน เวลากินข้าวก็มักจะมีสาวใช้คอยปรนนิบัติดูแล แต่เวลานี้เขากลับใช้มือเปล่าจับเนื้อและแทะเนื้อโดยไม่สนใจใคร
ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อกินเนื้อแกะทั้งน้ำตา
“อร่อยที่สุด ขาแกะชิ้นนี้เป็นขาแกะที่อร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมาก ทั้งยังอร่อยกว่าขาแกะย่างงานเฉลิมฉลองในวังเสียอีก!”
กู้หว่านเยว่ ‘คิดไม่ถึงว่าขาแกะย่างชิ้นนี้จะเป็นชิ้นที่ขโมยมาจากห้องเครื่องในวัง!’
“อร่อย อร่อยมาก....” นางหยางก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่ลืมฉีกเนื้อแบ่งให้กับซูจิ่งสิง
สมาชิกทั้งห้าคนอาศัยอยู่ในกระโจมเดียวกัน ทุกคนต่างรีบแบ่งเนื้อแกะย่างให้กันและกัน หลังจากกินหมดก็พากันตบหน้าท้องด้วยความอิ่มเอมใจ
ในเวลานั้นนางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเป็นคนที่จมูกไวมาก ทันทีที่ได้กลิ่นเนื้อย่างนางก็รีบเขย่าตัวของซูหัวหลินและกล่าวว่า “ที่รัก เจ้าได้กลิ่นหอมของขาแกะย่างไหม?”
บาดแผลตามตัวของซูหัวหลินยังไม่หายดี การเขย่านั้นสะเทือนร้าวถึงบาดแผล เขาจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อยู่กลางทุ่งกว้างที่รกร้างนอกชานเมืองแบบนี้ จะมีขาแกะย่างได้อย่างไร หยุดกวนข้าได้แล้ว”
นางเฉียนต้องจำยอม พร้อมกับแสดงสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ซูหัวหลินคิดว่านางกับเขารักกันมากในเริ่มต้น แต่หลังจากโดนเนรเทศออกมา เขาก็เริ่มหมดความอดทนกับนางมากขึ้นเรื่อย ๆ
นางเฉียนมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้จมูกเพี้ยน จึงเดินตามกลิ่นมาจนถึงกระโจมของกู้หว่านเยว่ นางถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“เยี่ยมไปเลย พวกเจ้าบ้านสามร้ายกาจจริง ๆ แอบกินของอร่อยลับหลังพวกข้าสิน่ะ!”
นางรีบกลับไปหาหญิงชรา “ท่านแม่ ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้จมูกเพี้ยน บ้านสามนั้นจะต้องแอบกินขาแกะย่างอยู่ในกระโจมอย่างแน่นอน! ข้าก็ว่าอยู่ทำไมพวกเขาถึงรีบตัดขาดจากเรา ที่แท้พวกเขาก็ตั้งใจนี่เอง!”
หญิงชราที่กำลังหิวโซ เมื่อได้ยินว่าบ้านสามแอบซ่อนขาแกะย่างไว้ในกระโจม สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมลงทันที
และเมื่อได้ยินว่าพวกเขาตั้งใจตัดขาดจากกัน ไหนเลยจะทนได้ นางรีบคว้าไม้เท้าเดินตรงออกไปจากกระโจมทันที
นางลืมไปสนิทใจว่าในตอนแรกพวกเขากลัวว่าจะเกี่ยวพันกับซูจิ่งสิง จึงบีบบังคับให้ตัดขาดจากัน
“นางหยาง เจ้าไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
เมื่อถึงหน้ากระโจมตัวต้นเรื่อง นางเฉียนก็พุ่งเข้าไปดึงหูของนางหยางออกมาจากกระโจมทันที
“เจ้าช่างกล้านักนะ สอนอะไรให้เด็ก ถึงได้กล้าแอบกินของอร่อยลับหลังพวกข้า ต่อให้ตัดขาดจากกันแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ยังเป็นผู้อาวุโสของพวกเจ้า มีของกินอร่อยพวกเจ้ากล้าไม่เชิญข้าได้อย่างไร!”
หากเป็นเมื่อก่อน นางเฉียนไม่เคยกล่าววาจาที่ต่ำช้าเช่นนี้แน่ แต่พอนางได้ยินขาแกะย่างนางก็ถึงกลับกระหายเช่นกัน
นางหยางความจำไม่ดี จู่ ๆ ก็ถูกนางเฉียนดึงหูออกมาสั่งสอน เดิมทีนางไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“พี่สะใภ้รอง เจ็บ ข้าเจ็บ.....”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...