ดึกดื่นค่อนคืนที่ทุกคนกำลังนอนหลับ ทันใดนั้นท้องฟ้ายามราตรีก็เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังสนั่น ตามมาด้วยฝนที่ตกปรอย ๆ ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นฝนตกห่าใหญ่
“แย่แล้ว ฝนตกหนัก....”
ทุกคนต่างสะดุ้งตื่นจากความฝัน กระทั่งพบว่าตัวเองนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวแล้ว
ในทางกลับกันกู้หว่านเยว่ คนของบ้านสามที่นางพากลับมารับรู้เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในกระโจม ดังนั้นจึงไม่มีใครเปียกฝนสักคน
เหล่านักการในศาลาว่าการที่ซ่อนตัวอยู่ในกระโจมต่างรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ
“โชคดีที่พวกเราเรียนรู้วิธีการกางกระโจมมาจากแม่นางกู้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงได้เปียกฝนกันหมดแล้ว”
จางเอ้อร์แสดงสีหน้าพอใจ
ซุนอู่ตอบ “อื้อ” คำเดียว แม้ว่าน้ำเสียงจะแข็งกระด้าง แต่สายตายังแฝงไปด้วยความชื่นชม
กู้หว่านเยว่คนนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ
แต่เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ฝนที่ตกกระหน่ำลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ที่หลบฝนพวกเขาก็ยังไม่มี
ผู้ใหญ่ยังเอาตัวรอดได้ แต่เด็กและอาวุโสจะทนฝนที่ตกหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?
ทางฝั่งตระกูลเหยียนที่โดนรื้อค้นก็กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เหยียนฮูหยินอุ้มเด็กน้อยวัยห้าขวบอยู่ในอ้อมอกและซ่อนตัวอยู่ใต้เสื้อคลุมตัวนอกของผู้เป็นสามี
แต่ไม่นานเสื้อคลุมตัวนอกก็โดนเม็ดฝนจนเปียกโชก และหยดลงมาบนตัวของเด็กน้อย
เหยียนฮูหยินเห็นกระโจมที่มีกองไฟส่องแสงสว่างอยู่ไม่ไกลนัก นางจึงกัดฟันอุ้มเด็กน้อยวิ่งฝ่าฝนไปยังทิศทางนั้น
“แม่นางกู้ ช่วยข้าด้วย ให้ลูกของข้าได้หลบฝนหน่อยเถอะ”
“เขาเป็นลมแดดเมื่อตอนกลางวัน หากโดนฝนที่หนักหน่วงนี้อีกครั้ง เกรงว่าเขาอาจจะตายได้”
กู้หว่านเยว่ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน
แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยที่มีอายุไม่ถึงสี่ขวบในอ้อมอกของเหยียนฮูหยิน ใบหน้าของเขาในตอนนี้ซีดเผือด ริมฝีปากก็ซีดเซียวไร้เลือดฝาด
หากเขาโดนฝนที่ตกหนักครั้งนี้ สวรรค์คงได้พรากชีวิตของเขาไปแน่
เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา
นางก็เลยใจอ่อน “เอาเด็กน้อยมาให้ข้า”
ตระกูลเหยียนเป็นอีกตระกูลที่โดนเนรเทศพร้อมกับตระกูลซู หลายวันมานี้กู้หว่านเยว่เล่นละครกับตระกูลซู เหยียนฮูหยินก็เห็น
เหยียนฮูหยินคิดว่ากู้หว่านเยว่เป็นคนที่มีจิตใจแข็งกระด้างที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว คิดไม่ถึงว่านางจะตอบตกลง เหยียนฮูหยินคุกเข่าลงบนฟื้นและร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ขอบคุณ ขอบคุณเจ้ามาก”
“ฟู่เหรินลุกขึ้นเถอะ แต่กระโจมของข้าค่อนข้างเล็ก คงให้อยู่ได้แค่เด็กน้อยคนเดียว” กู้หว่านเยว่กล่าวอ้อมค้อม
นางช่วยเด็กได้ แต่คงช่วยผู้ใหญ่ไม่ได้ นางไม่ใช่เทพสวรรค์
เหยียนฮูหยินเข้าใจทันที นางรีบกล่าวว่า “ให้ลูกน้อยของข้าได้หลบฝน ข้าก็ซาบซึ้งมากแล้ว”
เหยียนฮูหยินกล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจ
กู้หว่านเยว่เห็นพวกเขาเปียกโชกทั้งตัว ก็อดสงสารไม่ได้จึงชี้ไปยังรูปกระโจมที่นักการวาดไว้บนพื้น
“ฝนตกครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ ข้าคิดว่าในกระโจมของนักการน่าจะมีผ้าใบ พวกเจ้าไปซื้อที่นั่นได้ แล้วกางกระโจมตามภาพกระโจมนี้ เอาไว้กันฝน หากปล่อยไว้แม้แต่ผู้ใหญ่ก็อาจจะทนความเหน็บหนาวของฝนกที่ตกหนักครั้งนี้ไม่ได้”
เหยียนฮูหยินและนายท่านเหยียนกล่าวขอบคุณอีกครั้ง จากนั้นก็รีบตรงไปซื้อผ้าใบจากกระโจมของนักการทันที
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นภาพนั้น ก็พากันมุงเข้ามาดูภาพวาด จากนั้นก็ตรงไปซื้อผ้าใบกางกระโจมตามสองคนนั้น
คนของบ้านใหญ่ตระกูลซูเปียกโชกเป็นไก่แช่เหล้า ฝนที่ตกกระหนำครั้งนี้ค่อนข้างหนักหนา พวกเขาอยู่ดีกินดีมาตลอด ไหนเลยจะทนได้?
ไม่นาน คนของนางก็ประคองหญิงชราออกมา
“กู้หว่านเยว่ เจ้าดูสิว่าในกระโจมของเจ้ายังพอมีที่ให้คนแก่อย่างข้าหลบฝนอีกไหม?”
ในเมื่อแข็งข้อไม่ได้ นางเฉียนจึงยอมเสียหน้าเป็นฝ่ายอ่อนลงเอง
“หลี่ซือซือกล่าวว่า “ท่านย่าอายุมากแล้ว โดนฝนเช่นนึ้คงไม่ดีแน่ ท่านพี่ ท่านใจเห็นใจให้พวกข้าเข้าไปหลบฝนในกระโจมของท่านเถอะ”
กู้หว่านเยว่ไม่มีทางตามใจพวกเขา “ไม่ให้ จะหลบฝนก็ไปหลบที่อื่น”
“เจ้า....” สายตาของหญิงชราเต็มไปด้วยความโกรธเคือง นางหันไปมองซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อ
หากเป็นเมื่อก่อน ทั้งสองคนยังมีน้ำใจบ้าง
แต่ตอนนี้....ทั้งสองคนไม่อยากเห็นหน้าตระกูลซูด้วยซ้ำ
“ขอโทษนะ พี่สะใภ้เป็นคนสร้างกระโจมนี้ พวกเราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา
ใช้บัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...
เติมเงินด้วยบัตรเติมเงินเอไอเอสไม่ได้เหรอคะ...